ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 341 ขุดเหยื่อ ณ ฟาร์มปลา

เมื่อฝูงปลาเม่นมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็เรียกจิตสำนึกโพไซดอนกลับมาแล้วเข้านอน
ปลาปักเป้าพวกนี้จะทำให้แนวปะการังบริเวณน่านน้ำแห่งนี้นั้นน่าสนใจขึ้น เหล่าพี่น้องฉลามแมวที่ทุกข์ทรมานจากการถูกกลั่นแกล้งโดยบอลหิมะและไอซ์สเกตมองไปยังปลาตัวเล็กๆ พวกนั้น พวกมันเห็นว่าปลาตัวเล็กๆ พวกนั้นน่าแกล้งดี พี่ใหญ่มันเดย์จึงพุ่งตัวนำฝูงเข้าไปหาฝูงปลาปักเป้า ปากของมันอ้ากว้างเข้าไปหวังจะกัดปลาปักเป้า
ผลที่ได้คือ ฝูงปลาปักเป้าพวกนั้นเมื่อถูกย้ายมายังน่านน้ำที่ไม่คุ้นเคยพวกมันก็เกิดอาการวิตกและระเบิดตัวออกมาทันที พวกมันดูดน้ำเข้าไปอย่างรวดเร็วจนตัวของมันพองขึ้นราวกับลูกบาสขนาดใหญ่
เมื่อมันเดย์ปิดปากของมันลง มันก็รู้สึกเจ็บปวดเจียนตาย อีกทั้งในตอนที่มันอยากจะอ้าปากคายออกมาก็ทำได้อย่างยากลำบาก ปลาปักเป้าปักอยู่ในปากของมันเต็มไปหมด!
ดังนั้น จึงมีเพียงมันเดย์ท่านั้นที่เบิกตากว้างด้วยความเจ็บปวดอย่างสาหัสมองไปยังฝูงปลาปักเป้า มันเจ็บปวดยิ่งขึ้น หลังจากที่เหล่าปลาปักเป้าพองตัวอย่างเต็มที่พวกมันก็กลายเป็นทุ่นลอยน้ำขนาดใหญ่ และค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ
เพราะเหตุนี้ฉลามแมวอีกหกตัวที่เหลืออยู่จึงมองไปยังพี่ใหญ่ของพวกมันที่กำลังอ้าปากค้างและค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยท่าทางโง่ๆ เพราะทำอะไรไม่ถูก ปากของพี่ใหญ่ของพวกมันมีเสียง ‘บุ๋งบุ๋ง’ ดังออกมา จากนั้นพวกมันทั้งหกตัวก็เปลี่ยนจากอาการกลัวจนฉี่ราดมาเป็นหัวเราะจนฉี่ราด
หลังจากที่ฉินสือโอวตื่นนอน แม่ของเขาก็อยู่ในครัวเตรียมทำอาหารเช้าแล้ว เมื่อวานตอนเย็นยังมีเนื้อกุ้งเนื้อปูเหลืออยู่ในตู้เย็นมากมาย แม่ของเขาบดเนื้อทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน แล้วนำไปใส่ในโจ๊กจนกลายเป็นโจ๊กทะเลแสนอร่อย
เมื่อเห็นฉินสือโอว แม่ของเขาก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกผิด พลางพูดขึ้นว่า “แม่ไม่เคยทำโจ๊กทะเล ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือเปล่า”
ฉินสือโอวลองชิมโจ๊กดู จากนั้นเขาก็พูดยกยอว่า “ฝีมือการทำอาหารของแม่นี่พัฒนาตามอายุเลยนะ ไม่ได้ๆ เดี๋ยวผมจะกินโจ๊กนี้สักห้าถ้วยเลย”
“ถึงอร่อยแต่แกก็กินได้แค่ถ้วยเดียว ที่เหลือไว้ให้เด็กๆ กับวินนี่กิน หลีกไปได้แล้ว” ฉินสือโอวโดนแม่ของเขาดันให้เขาหลีกทางทันที
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา หลังจากที่เขากับวินนี่ไปวิ่งครบหนึ่งรอบ พอกลับมาที่บ้านพ่อของเขาก็ตื่นแล้ว เขากำลังวุ่นอยู่กับการกำจัดวัชพืชและดูแลต้นกล้าอยู่ในสวนผัก ดูเหมือนว่าเขาน่าจะทำมาสักพักหนึ่งแล้ว เหงื่อถึงได้ไหลท่วมหัวขนาดนั้น
ฉินสือโอวที่เห็นภาพนั้นก็พูดออกมาด้วยความไม่สบายใจว่า “พ่อ พ่อกับแม่ไม่ต้องตื่นเช้าขนาดนี้ก็ได้นะ พักผ่อนเยอะๆ หน่อยสิ”
พ่อของเขาพูดกลั้วหัวเราะว่า “พ่อนอนพอแล้ว เวลาอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่ตื่นตั้งแต่ตีสี่แล้ว ตอนนี้ก็เจ็ดโมงกว่าแล้ว ใครจะไปนอนตื่นสายเหมือนแกกันล่ะ? ส่วนเสี่ยวเวยน่ะ นอนให้เยอะๆ หน่อย ในทีวีเขาบอกว่า ถ้าหากผู้หญิงนอนน้อย จะไม่ดีต่อผิวพรรณและระบบภายในอะไรสักอย่างนี่แหละ”
วินนี่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เธอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาช่วยพ่อของฉินสือโอวจัดการสวนผัก แต่พ่อของฉินสือโอวรีบโบกมือห้ามทันที “ไม่ต้องทำๆ ไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวพ่อเรียกเสี่ยวโอวให้มาจัดการเอง”
“แต่อีกเดี๋ยวผมต้องไปทำธุระนะ” ฉินสือโอวรีบบอกปัดทันที เขาจะไม่จัดการกับสวนผักนี้ อีกอย่างมันไม่จำเป็นเลยด้วย ต่อให้ไม่จัดการดูแลพวกมันก็ยังเติบโตได้ดี
อาหารเช้าก็ยังคงมากมายเช่นเคย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยอาหารจีนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเช่น เกี๊ยวน้ำ ข้าวผัด หมูสับนึ่งห่อแป้ง แผ่นไข่ทอด ส่วนโจ๊กนั้นก็มีหลายแบบเช่นโจ๊กข้าวขาว โจ๊กผลไม้ โจ๊กแปดทรัพย์ นอกจากนี้ยังมีโจ๊กทะเลอีกด้วย
ปกติแล้วฉงต้าจะกินหมูสับหนึ่งห่อแป้งกับผลไม้เป็นอาหารเช้า แต่ว่าวันนี้มันได้กินโจ๊กแทน มันนั่งอยู่ที่หน้าจานอาหารของตัวเองที่อยู่บนพื้น แล้วดูดโจ๊กเข้าปากอย่างรวดเร็ว
แม่ของฉินสือโอวดีใจเป็นอย่างมาก คอยเติมโจ๊กให้มันเรื่อยๆ พลางพูดกับฉินสือโอวว่า “ฉงต้านี่ดูมีความสุขมากเลยนะ ดูสิ มันไม่ได้ใช้ลิ้นเลีย แต่มันกินเหมือนคนเลย ดูสิว่ามันน่ามหัศจรรย์แค่ไหน”
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ ฉินสือโอวก็ให้พ่อแม่ไปพักผ่อนดูทีวี ส่วนเขากับเบิร์ดก็ไปขับเครื่องบินวนรอบทะเลหนึ่งรอบ
แคนาดานั้นไม่เหมือนกับประเทศของเขา ทะเลที่แคนาดา นอกจากฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์แล้ว น่านน้ำทะเลอื่นๆ ก็ไม่ได้ถูกกั้นเขตแดนไว้ เพียงแค่ไม่สามารถจับปลาที่แตกต่างออกไปในแต่ละฤดูได้เท่านั้น นี่เป็นวิธีที่ฟื้นฟูพันธุ์ปลาอย่างเดียวแต่ไม่ได้ฟื้นฟูทะเล
เพราะแบบนี้ผลที่ได้จึงเหมือนกัน วิธีนี้มีบทบาทในการป้องกันการอยู่รอดและการสืบพันธุ์ของปลาได้ แต่เพราะชาวประมงยังคงสามารถจับปลาที่ไม่ใช่ปลาในฤดูกาลนั้นๆ ได้ แบบนี้ถือว่าพวกเขายังโชคดี ไม่เหมือนชาวประมงที่ประเทศของเขา ในปีหนึ่งจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ชาวประมงไม่สามารถทำเงินได้
ชาวประมงแห่งนครเซนต์จอห์นนั้นปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีใครเข้าไปจับปลาในฟาร์มปลาเอกชนเลย แน่นอนว่า พวกเขาก็รู้เช่นกันว่าตอนนี้ฟาร์มปลาในเกาะแฟร์เวลนั้นไม่มีปลาอยู่แล้ว ฉินสือโอวรู้ว่าบ่อเลี้ยงปลาอนุบาลที่ลงทุนไปนั้น จะยังไม่ได้กำไรในสองปีนี้ แต่พวกเขาก็ยังไม่อยู่ในจุดที่โลภมากจนถึงขนาดต้องมาจับปลาที่บ่อเลี้ยงปลาอนุบาล
ตอนที่กลับเข้าฝั่งก็เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว เสี่ยวฮุยกับเชอร์ลี่ย์นั้นกำลังตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสืออยู่ หลังจากที่ฉินสือโอวเข้ามา เสี่ยวฮุยก็แอบมองไปยังพี่สาวของฉินสือโอว แล้วหันไปพูดกับฉินสือโอวด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมว่า “คุณอา พาพวกเราไปตกปลาด้วยได้ไหม? ผมอยากไปตกปลา”
พี่สาวของเขามีสีหน้าเคร่งขรึมทันที ฉินสือโอวรู้สึกไม่อยากให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงตอบกลับว่า “นายไปตกปลาไม่ได้หรอก เด็กๆ อย่าพวกนายดึงเบ็ดไม่ไหวหรอกนะ แบบนี้แล้วกัน อาจะพาไปจับเหยื่อตกปลาแล้วกัน แล้ววันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนค่อยไปตกปลากับพ่อแม่นะ”
เสี่ยวฮุยยิ้มขึ้นด้วยความดีใจทันที เขาไม่ได้คิดอยากจะตกปลาอะไรมากนัก แค่ไม่อยากเรียนหนังสือก็เท่านั้น ให้เขาทำอะไรเขาทำได้หมด
พี่สาวของฉินสือโอวพูดขึ้นด้วยความโมโหทันทีว่า “เมื่อวานแกพึ่งบอกกับแม่ว่าจะไม่ตามใจเด็กๆ ทำไมวันนี้ถึงยังได้ตามใจอยู่ล่ะ?”
ฉินสือโอวตอบกลับว่า “เสี่ยวฮุยพึ่งจะอายุเท่าไรเอง สอนตามประเทศเราแบบนั้นไม่ได้หรอก”
พี่สาวของเขาตอบกลับว่า “ประเทศต่างกันวิธีการสอนก็ต่างกัน ถ้าเสี่ยวฮุยเรียนไม่ทัน ตอนที่ไปเรียนกับเพื่อนจะถูกพวกเขาดูถูกได้ แบบนั้นจะยิ่งทำให้การพัฒนาการในอนาคตของเขาแย่ลงไปอีก”
“ง่ายๆ เลยนะ พี่ก็ให้เขาเรียนชั้นประถมที่บ้านเราแล้วจากนั้นก็ค่อยย้ายมาเรียนที่แคนาดาสิ โรงเรียนดีๆ ที่แคนาดามีตั้งเยอะแยะ” ฉินสือโอวพูดออกออกมาตามเหตุและผล
พี่สาวของเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เธอกำลังครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
ฉินสือโอวผิวปาก เดินนำเด็กทั้งห้าคนไปอย่างมีความสุข ปอหลัว ฉงต้า หู่จือ เป้าจือและนิมิตส์ที่นอนเบื่อมาสองวันแล้ว ก็เดินตามฉินสือโอวไปเช่นกัน คนกลุ่มหนึ่งและฝูงสัตว์อีกจำนวนหนึ่งต่างพากันวิ่งไปยังแม่น้ำสายเล็กที่ไหลลงสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวไม่เคยจับปูนิ่มมาก่อน เมื่อวานเขาได้ยินชาร์คพูดว่าที่นี่มีปูนิ่ม วันนี้เลยพาเด็กๆ มาหาดู
บริเวณริมทะเลในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้น ระดับน้ำค่อนข้างต่ำ เพราะแบบนี้แม้จะไม่มีน้ำลง ก็ยังสามารถจับปูนิ่มได้
ปูนิ่มและปูเสฉวนนั้นเหมือนกันตรงที่พวกมันชอบอยู่ในรู ในขวดหรือว่าซ่อนตัวอยู่ในบริเวณที่แคบๆ ที่ยังมีช่องทางเข้าเล็กๆ โดยเฉพาะเวลาที่พวกมันต้องเปลี่ยนกระดองของตัวเอง พวกมันทำได้เพียงคอยซ่อนตัวอยู่ในนั้น จนกว่ากระดองใหม่ของมันจะเกิดขึ้นมา
ปูนิ่มถือว่าเป็นปูพันธุ์พิเศษสายพันธุ์หนึ่ง มันต้องเปลี่ยนกระดองของมันตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่
เด็กๆ หาปูนิ่มบริเวณริมแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ไหลลงไปสู่ทะเลอย่างขะมักเขม้น เชอร์ลี่ย์เจอหอยสังข์ตัวหนึ่ง เธอจับมันขึ้นมาแล้วส่งให้เสี่ยวฮุย ปรากฏว่ามีบางอย่างที่รูปร่างยาวเหมือนกับขาปูเล็กๆ หลบซ่อนอยู่ในเปลือกหอยสังข์นั้น
“ดูสิ ฉันจับได้หนึ่งตัวล่ะ” เชอร์ลี่ย์ชูปูนิ่มที่พึ่งเปลี่ยนกระดองได้ไม่นานขึ้นมาพลางพูดด้วยความดีใจ ฉงต้ากระโดดขึ้นทันที การกระโดดของมันราวกับกำลังโหม่งลูกบอลกลางอากาศอย่างสวยงาม มันอ้าปากกว้างแล้วงับปูตัวเล็กนั้นลงมา แล้วกลืนลงท้องไปทันที
เชอร์ลี่ย์มองภาพนั้นด้วยความตกตะลึง น้ำตาเริ่มก่อนตัวขึ้นที่ดวงตากลมโต ฉงต้ามองดูเธอด้วยสายตาไร้เดียงสา พลางส่งเสียงครางออกมาสองสามที มันรู้ตัวว่าสิ่งที่มันทำนั้นผิด มันจึงรีบนั่งลงกับพื้นแล้วทำท่าซิทอัพอย่างรวดเร็ว แบบนั้นเชอร์ลี่ย์จึงหยุดร้องไห้แล้วเปลี่ยนมาหัวเราะแทน
หากมองดูดีๆ จะสามารถเจอปูนิ่มได้ในบริเวณที่เป็นโพรงที่มีทางเข้า ฉินสือโอวหยิบปูตัวหนึ่งขึ้นมาดูใกล้ๆ
ปูตัวนี้ที่กระดองของมันบริเวณใต้ท้องที่อยู่ใกล้ๆ กับขาของมันนั้นมีรอยแตกอยู่ เขาใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ดันที่กระดองของมันเบาๆ จากนั้นก็แยกกระดองกับตัวของมันออกจากกัน
ถ้าหากว่าจะทำเหยื่อตกปลา กระดองปูเหล่านี้ถือว่าไม่มีประโยชน์ แค่ใช้ตัวของมันก็พอ ดังนั้นแค่เอากระดองของมันที่ใช้ในการดำรงชีวิตทิ้งไปก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
จากการสอนของชาร์คเมื่อคราวก่อน ครั้งนี้ฉินสือโอวได้นำถังน้ำมาด้วย ข้างในถังนั้นเป็นน้ำทะเลกับก้อนน้ำแข็งจำนวนหนึ่ง น้ำแข็งจะช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำทะเลได้ หลังจากนั้นก็วางพืชน้ำจำนวนมากบนผิวน้ำ จากนั้นก็เพียงใส่ปูนิ่มลงไป
น้ำทะเลจะช่วยรักษาชีวิตของปูนิ่มไว้ ส่วนพืชน้ำนั้นก็เป็นอาหารของพวกมันได้ น้ำที่อุณหภูมิต่ำจะช่วยลดการเผาผลาญพลังงานของพวกมัน วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะรักษาชีวิตของพวกมัน พวกมันจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามวันอย่างสบายๆ
……………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset