ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 359 อินทรีทองบุกโจมตี

ฉินสือโอวมองดูการเผชิญหน้าอย่างโจ่งแจ้งของปลาไหลตาบอดกับปลาแลมป์เพรย์แล้วก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา สถานการณ์นี้ทำให้เขานึกถึงห่านขาวฝูงนั้นที่ฟาร์มปลา ตอนนั้นห่านไท่หูกับห่านหัวสิงโตก็ตั้งท่าแบบนี้ ต่างฝ่ายต่างก็ตั้งท่าพร้อมมีเรื่องได้ทุกเมื่อแบบนี้ไม่มีผิด
แต่ที่ดีกว่าห่านขาวนิดหน่อยก็คือทั้งสองฝ่ายไม่เปิดศึกกัน ปลาไหลตาบอดไม่สามารถเจาะเข้าไปในร่างของปลาไหลแลมป์เพรย์ได้ ปลาไหลแลมป์เพรย์ก็ไม่สามารถอ้าปากกัดปลาไหลตาบอดเพื่อดูดเลือดได้เช่นกัน ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงได้แต่ตั้งท่าต่อสู้กัน และหากสามารถพูดได้ มันคงจะเป็นบทสนทนาต่อไปนี้
“แกมองอะไร?”
“มองแกน่ะสิ จะทำไม?”
“ลองมองอีกครั้งสิ!!”
“ลองก็ลองสิ!!”
“ไอหยา แกมองอีกครั้งสิ ไอ้ห่า แกมองฉันอีกครั้งสิ!!!”
“ไอหยา ฉันลองแล้วไง ก็จะมอง แกมีปัญหาอะไรเหรอ?”
น่าเสียดายที่ปลาไหลตาบอดและปลาแลมป์เพลย์ไม่สามารถพูดได้ และที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือเจ้าสองตัวนี้ไม่มีแม้แต่สบตากันเลยด้วยซ้ำ ฝ่ายหนึ่งมีดวงตาที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลือกตา ส่วนดวงตาของอีกฝ่ายก็เหมือนมีอะไรวางประดับเอาไว้เท่านั้น…
สุดท้ายฉินสือโอวก็ขี้เกียจยุ่งแล้ว เขาโยนเจ้าพวกนั้นลงไปที่นี่แล้วป้อนพลังงานโพไซดอนบางส่วนเข้าไปเพื่อควบคุมพวกมันเอาไว้ก่อนจะกลับไปนอน
หลังจากตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ เบิร์ด และนีลเซ็นก็เตรียมพร้อมที่จะออกไปตกปลาแลมป์เพรย์และปลาไหลตาบอด อีวิลสันเองก็ดีใจตามมาด้านหลังด้วยความดีใจ และเมื่อมองเห็นฉินสือโอวเขาก็โบกมือทักทาย “บอส ไปตกปลาแสนอร่อยกับอีวิลสันกันเถอะครับ”
ฉินสือโอวโบกมือย่างไร้เรี่ยวแรง พวกนายไปลำบากกันเองเถอะ จะไปตกอะไรได้
วิธีการตกปลาไหลตาบอดและปลาแลมป์เพรย์แตกต่างกัน การตกปลาไหลตาบอดคือการแขวนปลาตัวใหญ่เอาไว้บนตะขอ และระหว่างที่ลากมันไปในน้ำก็ต้องยกตะขอขึ้นเพื่อดูว่ามีปลาไหลตาบอดผู้โชคร้ายเจาะไปในนั้นหรือไม่อยู่ตลอด
ส่วนการตกปลาแลมป์เพรย์คือต้องใช้ขวดที่ปิดผนึก ภานในขวดบรรจุเลือดไก่บ้างเลือดเป็ดบ้าง จากนั้นก็ปิดผนึกปากขวดด้วยฟิล์มพลาสติกที่มีรู เมื่อปลาแลมป์เพรย์ได้กลิ่นคาวเลือดก็จะเจาะเข้าไป แต่เนื่องจากมีฟิล์มพลาสติกปากขวดเอาไว้ มันจึงเข้าง่ายออกยาก
ฉินสือโอวพาหู่จือและเป้าจือไปเดินเล่นที่ฟาร์มปลา ตอนนี้ฟาร์มปลามีพื้นที่กว้างขึ้นจนเดินได้ไม่ทั่ว แต่โชคดีที่มีรถเอทีวี ฉินสือโอวกระโดดขึ้นไปก่อนจะเร่งคันบิดโดยมีหู่จือและเป้าจือวิ่งตามไปอย่างมีความสุข
ข้อดีของรถเอทีวีก็คือทำให้ฝูงห่านขาวตกใจกลัว หัวรถอันใหญ่โตและเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มพุ่งทะลุผ่านฝูงห่าน ไม่ว่าจะเป็นห่านไท่หูหรือห่านหัวสิงโต พวกมันล้วนตกใจร้องก๊าบๆ ทะยานบินขึ้นสู่เบื้องบนโดยไม่กล้าที่จะต่อต้าน
หลังจากไล่ห่านสีขาวตัวใหญ่มาพักหนึ่ง ฉินสือโอวก็รู้สึกเบื่อจึงกลับมาหยอกล้อฉงต้าและบุชเล่น
นิวฟันด์แลนด์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงไม่มีอะไรน่าสนใจ การรับลมทะเลที่ฉินสือโอวชื่นชอบที่สุดก็ไม่สามารถทำได้เพราะมันหนาวเกินไป
อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้าในฤดูใบไม้ร่วงก็แจ่มใสและอากาศยังเย็นสบาย ดังนั้นเมื่อแหงนมองท้องฟ้าในฤดูนี้ ท้องฟ้าสีครามจึงเหมือนถูกซักล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาด มันสะอาดจนทำให้ในใจรู้สึกหวานละมุน และสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจนไม่ต่างจากนกอินทรีที่บินมาไกลๆ ตัวนั้น…
บ้าจัง ทำไมถึงมีนกอินทรีบินผ่านมาได้ ฉินสือโอวรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เขามองไปยังพวกห่านขาวที่กระจัดกระจายอยู่ในฟาร์มปลา แล้วทันใดนั้นก็เขารู้สึกว่าสิ่งไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น
แล้วก็เป็นจริงดังคาด นกอินทรีตัวนั้นบินโฉบไปยังห่านตัวเล็กๆ ในฝูงจนได้ยินเสียงแหลมของนกอินทรี “ชิ้ว…”
มันเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เมื่อฝูงห่านขาวได้ยินเสียงร้องของศัตรูมันก็พากันแตกตื่น
เสียงหายนะที่น่ากลัวยังคงดำเนินต่อไป ห่านทุกตัวกางอุ้งเท้าและเริ่มวิ่ง แต่โชคดีที่ร่างกายของพวกมันเบามีน้ำหนักเบา ไม่อย่างนั้นแค่เหยียบย่ำลงไปก็คงเกิดปัญหาจนทำให้ฉินสือโอวนึกขยาดแล้ว
ฉินสือโอวมองไปรอบๆ อินทรีทองตัวหนึ่งบินลงมา มันมีความยาวเกือบหนึ่งเมตร ความกว้างเมื่อกางปีกประมาณสองเมตร ลักษณะภายนอกองอาจและทรงพลัง!
หัวของอินทรีทองมีสีน้ำตาลเข้ม ขนยาวตั้งแต่ด้านหลังหัวถึงลำคอไม่ต่างจากดาบใบหลิว ฐานขนนกมีสีน้ำตาลแดงเข้ม และปลายขนนกก็เป็นสีเหลืองทอง ลักษณะการบินบนท้องฟ้าเรียกได้ว่าแข็งแกร่งทรงพลังเป็นอย่างมาก!
เมื่อเห็นอินทรีทองตัวนี้จู่โจมลงมา บุชผู้น่ารักที่กำลังนอนอยู่ในพุ่มไม้ก็เงยหน้าขึ้นอย่างดุร้าย ดวงตาขนาดเล็กของมันจ้องมองที่สัตว์ดุร้ายตัวนั้นอย่างไม่ลดละก่อนจะกางปีกออกอย่างไม่รู้ตัว
น่าเสียดายที่มันยังบินไม่ได้ ทำได้เพียงแค่มองดูและจินตนาการอยู่บนพื้นเท่านั้น
อินทรีทองดูองอาจมาก มันเหมือนกษัตริย์ที่จ้องมองดินแดนของมันโดยมองข้ามการดำรงอยู่ของคนรวยอย่างฉินสือโอวคนนี้ไปเสียสนิท กระทั่งเจ้าหมอนี่บินข้ามหัวของฉินสือโอวไปครั้งหนึ่งจึงให้ความรู้สึกเหมือนจักรพรรดิฉินสือหวงผู้ทรงอำนาจที่ออกเดินทางไปทั่วแผ่นดิน
ภายใต้ท้องฟ้าแห่งนี้เป็นแผ่นดินของข้า! มนุษย์ที่อยู่บนพื้นดินก็เป็นขุนนางและประชากรของข้า!
ห่านตัวใหญ่อยู่ในฟาร์มปลากลายเป็นชิ้นเนื้อใต้กรงเล็บของอินทรีทอง มันบินไปรอบๆ ฟาร์มปลาสองรอบ ดวงตาที่แหลมคมเห็นห่านอ้วนตัวน้อยๆ ขนนุ่ม น่าอร่อย มันจึงโฉบลงมาก่อนจะกางกรงเล็บออกแล้วพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ
เร็วเหมือนลม แข็งแกร่งทรงพลังเหมือนเสือ!
หู่จือและเป้าจือโมโหขึ้นมาทันที นี่ถือเป็นการตบหน้าฉากใหญ่ และเพราะต้องป้องกันไม่ให้พวกมันฉกห่านไปจากฟาร์มปลา หู่จือและเป้าจือจึงทนดูไม่ได้ ว่าแล้วออกแรงเห่าออกไป “โฮ่งๆ ๆ โฮ่งๆ ๆ !”
ฉินสือโอวมองไปแล้วส่ายหัว นี่เป็นจุดอ่อนตามธรรมชาติที่ทหารราบมีต่อกองทัพอากาศ เว้นแต่สุนัขของเขาจะสามารถต่อสู้ในอากาศได้ ไม่อย่างนั้นก็ทำได้เพียงยอมให้อินทรีทองรังแกเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่สุนัขจะทำสงครามบนอากาศ ตามที่ฉินสือโอวทราบมา ความสามารถของทหารราบในการใช้เครื่องบินนั้นถูกนายพลจินอีพั้งประธานาธิบดีรูปหล่อควบคุม ว่ากันว่าครั้งหนึ่งเขาเคยใช้ก้อนหินปาเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐอเมริกาจนตกมาแล้ว ช่างน่าทึ่งจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าหู่จือและเป้าจือนั้นไม่ได้เก่งกาจเหมือนประธานาธิบดี พวกมันทำได้เพียงแผดเสียงคำรามบนพื้นด้วยความโมโหเท่านั้น
และเมื่อผ่านไปสักพักแม้แต่เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวก็หายไป
อินทรีทองพบว่ามีไอ้สองตัวที่กล้าต้านทานอำนาจมันอีกแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นอินทรีทองจึงส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งอย่างอำมหิตราวกับจักรพรรดิที่ถูกทำให้โมโหโกรธา มันกางปีกทั้งสองข้างออกแล้วพุ่งทะยานไปยังหู่จือและเป้าจือ
ฉินสือโอวตกใจขึ้นมาทันที อย่าล้อเล่นน่า อินทรีทองสามารถจับเหยื่อหนัก 10 กิโลกรัมได้ และตอนนี้หู่จือและเป้าจือยังไม่มีน้ำหนักตัวถึงขนาดนั้น ถ้ามันถูกจับได้ก็รอเป็นหม้อไฟสุนัขได้เลย
ในช่วงเวลาที่สำคัญฉงต้าก็ลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง แขนขาของมันกุมศีรษะไว้สูงพร้อมแผดเสียงร้องคำรามออกมา “โฮก โฮก!”
เมื่อเห็นหมีสีน้ำตาลซึ่งเป็นราชาแห่งป่า อินทรีทองก็หยุดลงอย่างฉับพลัน มันกระพือปีกบินขึ้นไปใหม่อีกครั้งแล้วพาลูกห่านน้อยตัวอ้วนเนื้อนุ่มตัวนั้นบินจากไป…
บุชหมอบอยู่ระหว่างขาของฉงต้า ดวงตาเล็กๆ ของมันกะพริบถี่ๆ แล้วกางกรงเล็บพร้อมยืดปีกออกด้วยท่าทางน่าเอ็นดู
ฉินสือโอวทนดูไม่ไหว แกเป็นนกอินทรีหัวขาวที่น่าภาคภูมิใจนะ ตามหลักแล้วแกสามารถต่อสู้กับอินทรีทองได้และไม่เป็นรองด้วยซ้ำไป แต่ดูแกสิ หัวใจของฉินสือโอวแตกสลาย!
ทันใดนั้น ฉินสือโอวคิดว่าเป้าหมายของอินทรีทองเมื่อสักครู่คงไม่ใช่หู่จือและเป้าจือ แต่มันเห็นนกอินทรีหัวขาวและอยากสังหารบุชต่างหาก!
อินทรีทองและนกอินทรีหัวขาวถูกจัดให้เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามบนท้องฟ้าอเมริกาเหนือ สำหรับลูกของอีกฝ่าย ฆ่าให้ตายยังไงก็ไม่ทำให้พิการ หากพิการก็ไม่ปล่อยให้รอด
โชคดีที่สัญชาตญาณการต่อสู้ของฉงต้านั้นเฉียบคมและมาเพื่อปกป้องบุชไว้ได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นเกรงว่าครั้งนี้อาจเป็นบุชที่ถูกอินทรีทองโฉบไป
ฉินสือโอวมีลางสังหรณ์ว่านกอินทรีทองตัวนี้จะไม่ปล่อยบุชไปง่ายๆ อย่างนี้แน่ มันจะกลับมาอีกอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่ใช่เพื่อการฆ่าบุช แต่ฟาร์มปลาของเขายังมีห่านจำนวนมากที่ดึงดูดมัน
ห่านขาวไม่อาจเป็นใหญ่ในฟาร์มปลาอีกต่อไป พวกมันรังแกคู่ต่อสู้บนพื้นดินได้ แต่ตอนนี้มันพบกับศัตรูตามธรรมชาติเข้าเลยสงบเสงี่ยมลง แต่ละตัวต่างคอตกอยู่ข้างๆ เพื่อนของมันและอยากเอาหัวมุดเข้าไปในดอกเบญจมาศเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาต้องหาวิธีรับมือกับอินทรีทอง ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยอินทรีทองต้องกลายเป็นท่านอ๋องข้างบ้านของเขาแน่ ห่านขาวที่เขาเลี้ยงไว้ก็อาจจะกลายเป็นอาหารของอินทรีทองไปด้วย
………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset