เมื่อมื้อกลางวันได้เริ่มต้นขึ้น บุชและฉงต้าก็ได้พบเจอกับความโชคร้าย
วินนี่ให้เด็กทั้งสองตัวในบ้านลดปริมาณอาหารลงหนึ่งในสี่ส่วนของปริมาณอาหารทั้งหมด จากเมื่อก่อนบุชเคยกินปลาเฮร์ริงทีเดียวสี่ตัว ตอนนี้ก็ลดลงเหลือสามตัว ส่วนฉงต้าจากผลไม้หนึ่งกะละมัง ปลาสองตัว และเนื้อวัวที่เติบโตเต็มที่อีกประมาณสองถึงสี่ชิ้น ตอนนี้ก็ลดน้อยลงเหลือปลาหนึ่งตัว และเนื้อวัวหนึ่งชิ้นเท่านั้น
ถึงแม้ว่าบุชจะไม่เข้าใจเรื่องหลอกลวงนี้ แต่มันได้กินปลาสามตัวก็ดีใจแล้ว
ทว่าฉงต้าไม่ได้โดนหลอกง่ายขนาดนั้น ถ้าเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องของกินแล้ว มันไม่ได้โง่ เมื่อดูผักและเนื้อในกะละมังแล้วมันก็ทำท่างงงวยและมองขึ้นไปหาวินนี่พร้อมร้องเรียก อ๋าวอ๋าว
วินนี่แสร้งทำเป็นเข้มงวดมากขึ้นและพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ไม่มีแล้ว มีแค่นี้แหละ!”
ฉงต้ากะพริบตาสีดำเล็กๆ หัวของมันมุดลงไปในชามข้าวและอ้าปากกินคำใหญ่ๆ กินไปกินมาเมื่อลุกขึ้นมาอีกทีข้าวก็หายไปอย่างรวดเร็ว มันรีบคาบชามข้าววิ่งไปหาวินนี่แล้วทิ้งชามข้าวลงบนพื้นดังเคร้ง จากนั้นก็นั่งลงรอกินข้าวต่อหน้าวินนี่
“ไม่มีแล้ว ของที่กินวันนี้หมดแล้ว!” วินนี่ถือชามข้าวเดินออกมา
ฉงต้าเห็นดังนั้นจึงกระวนกระวายใจ มันใช้กรงเล็บอ้วนๆ ของมันตะปบจานข้าวพลิกขึ้นมาอย่างว่องไวแล้วยืดคอขึ้นตั้งตรงพร้อมเห่าหอนด้วยความโกรธแค้น “อ๋าว อ๋าว อู~”
“ไม่มี! ก็คือไม่มีไง!”
ฉงต้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทว่าวินนี่ตะโกนเสียงดังมากมันก็เลยต้องยอมแล้วปีนขึ้นไปนอนแทบเท้าของวินนี่ จากนั้นก็ใช้ขนบนหัวอ่อนนุ่มของมันถูขาเล็กๆ ของวินนี่ไปมาก่อนจะโผล่หัวขึ้นมาทำรอยย่นบนใบหน้าเล็กๆ ของมันเพื่อขายความน่ารัก
วินนี่รีบกินข้าวของตัวเองให้หมดเร็วๆ จากนั้นก็เก็บชามไปล้างให้สะอาด
ฉงต้าร้อนใจเป็นอย่างมาก มันคาบชามข้าวตามไปแล้วใช้กรงเล็บทั้งคู่ตะปบก่อนจะยืนขึ้นมาหมอบอยู่หน้าเครื่องล้างจานเพื่อมองดูวินนี่พร้อมกับร้อง อู อู
วินนี่ไม่สนใจ ฉงต้าจึงเอนตัวลงนอนหงายและเผยให้เห็นท้องน้อยๆ ที่กระเพื่อมไปมาซึ่งเต็มไปด้วยไขมัน ขนละเอียดที่ท้องน้อยๆ ของมันดูมันวาวและอ่อนนุ่มเหมือนน้ำที่กระเพื่อมไหว ฉินสือโอวลองจับดูเพื่อพิสูจน์ว่าในท้องนั้นเต็มไปด้วยไขมันใช่ไหม?
แต่ถึงอย่างนั้นวินนี่ก็ยังไม่สนใจ ฉงต้าไม่รู้จะทำยังไง มันเลยปีนขึ้นไปดูปอหลัว หู่จือ และเป้าจือ
ปอหลัวจ้องมองมันอย่างระแวดระวังแล้วรีบวางเขากวางไว้บนพื้นพร้อมเคี้ยวสาหร่าย ผักสด และผลไม้ในกะละมังจนหมดเกลี้ยง จากนั้นมันก็เตะกะละมังไปที่ฉงต้าเป็นทำนองว่าถ้านายแน่ นายก็กินชามข้าวของฉันสิ
หู่จือและเป้าจือคาบชามข้าวของตัวเองวิ่งหนีไปและเหลือต้าป๋ายไว้ตัวเดียว แต่ว่าของของต้าป๋ายก็มีน้อยมาก ฉงต้ามองสตรอว์เบอร์รีสองผลและแอปเปิลหนึ่งชิ้นก็คิดว่าน้อยแค่นี้คงไม่พออุดซอกฟันมันหรอก แต่มันก็ยังคงแย่งมากินอยู่ดี เอาไว้แคะฟันก็ยังดี
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ วินนี่ก็พาฉงต้าและบุชออกไปเดินลดน้ำหนัก บุชพบรังหญ้าเลยอยากจะนอนหลับ ส่วนฉงต้าก็เล่นลูกไม้อย่างซุกซน ทันทีที่ออกไปมันก็คิดแต่จะวิ่ง ตอนนี้มันวางแผนไว้อย่างดีแล้ว ขอเพียงออกนอกสายตาของวินนี่ได้ มันอยากจะนอนยังไงก็ได้
วินนี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เธอหยิบชามข้าวของฉงต้าขึ้นมาแล้วใช้ช้อนเคาะ แบบนี้ทำให้มันตอนสนองเร็วยิ่งกว่าลิงเสียอีก ฉงต้าได้ยินเสียงชามข้าวของมันดังขึ้นก็ตาลุกวาวแล้วรีบวิ่งหันหลังส่ายก้นกลับมาทันที
วินนี่ถือเนื้อแกะย่างแล้วนั่งบนรถเอทีวี เธอเอาเนื้อแกะย่างแขวนไว้ด้านหลังรถแล้วขับไปอย่างช้าๆ โดยมีฉงต้าวิ่งไล่ตามเธอไปอยู่ข้างหลัง
สำหรับบุชน่ะเหรอ? มันถูกวินนี่ใช้เชือกล่ามไว้เหมือนสุนัข และเพื่อป้องกันไม่ให้เชือกรัดคอบุชจนตาย บุชเลยต้องทั้งวิ่งทั้งกระโดดกระพือปีกตามไปด้วย
ตลอดเช้าเที่ยงเย็น หลังจากรับประทานอาหารทั้งสามมื้อเสร็จ เมื่อพักผ่อนได้สักพักวินนี่ก็จะพาฉงต้าและบุชไปเดินเล่น หลายวันมานี้ทั้งสองตัวก็เริ่มเคยชินและยอมทำตามเงื่อนไขไปโดยปริยาย ดังนั้นพอวินนี่ขึ้นรถเอทีวี พวกมันทั้งสองก็วิ่งตามข้างหลังอย่างขมขื่น
ใกล้จะถึงปลายเดือนแล้ว แต่อินทรีทองก็ไม่ปรากฏตัวมาหลายวันแล้ว ฉินสือโอวนึกว่ามันลืมฟาร์มปลาของเขาไปแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้
วันหนึ่งหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เสียงร้องแหลมของนกอินทรีทองก็ดังขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ฉินสือโอวก็รีบออกไปดู และมันก็เป็นไปตามคาด อินทรีทองบินกลับมาอีกแล้ว!
พวกห่านขาวใช้ชีวิตอย่างสงบมาหลายวันตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพวกจะนึกถึงความน่ากลัวที่ถูกนกอินทรีทองไล่ล่าอย่างโหดร้ายเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นพวกมันจึงกรีดร้องและวิ่งวุ่นไปทั่วฟาร์มด้วยความหวาดกลัว
อินทรีทองยังคงเป็นนกที่ยอดเยี่ยม มันสบายปีกบินวนอยู่บนท้องฟ้าและบินอยู่เหนือฟาร์มปลาราวกับกำลังลาดตระเวนอยู่ในอาณาเขตของมัน บางครั้งมันก็บินโฉบลงมามองดูห่านขาวพวกนั้นวิ่งวุ่นอย่างตกใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้มันรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
แล้วในตอนนั้นก็มีจุดดำปรากฏขึ้นเหนือผิวน้ำทะเลของเขตฟาร์มปลา จุดสีดำเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเงาดำ และในที่สุดนิมิตส์ก็บินกลับมาแล้ว!
ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้นิมิตส์ได้ไปบินโฉบอยู่ใกล้ๆ ชายฝั่ง ฉินสือโอวคิดว่าถ้ามันอยากรับลมหนาวทำไมไม่ไปเขตทะเลน้ำลึกล่ะ แต่ในความเป็นจริงนิมิตส์แค่กำลังรออินทรีทองตัวนั้นอยู่เท่านั้น!
นกฟรีเกต ปะทะกับ นกอินทรีทอง ฉากอันร้อนแรงได้ถูกจัดขึ้นอีกครั้ง
นิมิตส์บินกลับไปที่ฟาร์มปลาอย่างรวดเร็วเหมือนนักรบ สายตาเย็นยะเยือกของมันมองไปที่อินทรีทอง ถุงใต้คางสีแดงของมันสว่างขึ้นราวกับเปลวไฟกำลังลุกไหม้
อินทรีทองยังคงส่งเสียงร้องอย่างต่อเนื่องด้วยความฮึกเหิม มันมองนิมิตส์ที่บินเข้ามาอย่างไม่สนใจ สายตาทั้งเย่อหยิ่งทั้งเหยียดหยามในคราวเดียวกัน
นิมิตส์บินตามอินทรีทองและเปิดการจู่โจมอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด
ร่างของมันกลายเป็นรอยสีดำพุ่งไปบนฟ้าสีครามแล้วบินเข้าไปใกล้อินทรีทอง จากนั้นปากของมันก็จิกอย่างดุเดือดและแม่นยำลงไปบนหลังของอินทรีทองจนขนสีทองสองเส้นถูกดึงออกมาในเวลาเดียวกัน
ฉินสือโอวที่กำลังชมสงครามอยู่บนพื้นดินอย่างภูมิใจร้องออกมา “สวยงามมาก” จากนั้นชาร์ค นีลเซ็น และคนอื่นๆ ที่กำลังจัดการกับอาหารปลาอยู่บนหาดทรายก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะออกปากร้องเป็นกำลังใจให้นิมิตส์
บุชหยุดวิ่งและทำคอยืดคอยาวมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อดูการต่อสู้ของนักรบทั้งสองบนอากาศ
นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างราชาแห่งท้องฟ้า! นี่คือนกฟรีเกตที่ปกป้องบัลลังก์ราชาของมัน นอกจากนี้ยังมีอินทรีทองที่รุกล้ำเข้ามายังดินแดนใหม่ด้วย!
ฝ่ายหนึ่งถูกนกฟรีเกตจิกจนได้รับบาดเจ็บโดยไม่ทันระวัง ทันใดนั้นอินทรีทองก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา ขนสีทองบนลำตัวของมันพองตัวขึ้นทันที จากนั้นมันก็กรีดร้องและสะบัดปีกทั้งสองจนขนปลิวว่อน
ด้วยเหตุนี้นกอินทรีทองจึงหลุดจากนกฟรีเกตได้สำเร็จ ความสามารถในการบินของมันเพิ่มมากขึ้น มันจึงรีบพุงทะยานขึ้นบนท้องฟ้าเพื่ออยู่ให้สูงกว่าคู่ต่อสู้
นิมิตส์ใช้โอกาสนี้ตามล่า แต่นี่ไม่ใช่การเลือกที่ดีนักเพราะนกอินทรีทองชำนาญการต่อสู้มากกว่า มันต้องการให้นิมิตส์ตามล่ามันไป หลังจากที่รอให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันมากขึ้น นกอินทรีทองผู้โหดร้ายก็หันกลับมาทันที กรงเล็บสองข้างที่แข็งแกร่งและแหลมคมของมันฉกเข้าที่ลำตัวของนิมิตส์อย่างโหดเหี้ยมและกระชากไปมาจนเกิดแผล
นิมิตส์ยังคงใช้แรงและเพิ่มความเร็วเข้าจู่โจมอินทรีทองอย่างดุเดือด มันยังคงต่อสู้ทั้งที่บาดเจ็บและจิกเข้าไปอีกครั้งจนดึงขนออกมาได้อีกหลายเส้น
อินทรีทองโมโหขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ขนของมันถูกดึงออกถึงสองครั้งติดต่อกัน มันโจมตีนิมิตส์ไม่หยุดโดยใช้พละกำลังที่แข็งแกร่งกว่าและกรงเล็บอันทรงพลังเป็นอาวุธในระยะกระชั้นชิด และการเผชิญหน้าเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ลำตัวนิมิตส์เต็มไปด้วยบาดแผลมากมายแล้ว
นิมิตส์กล้าหาญไม่เกรงกลัว สายตาของมันเยือกเย็นราวกับนักฆ่าคนหนึ่ง ทุกครั้งที่มันโจมตี มันจะเดิมพันด้วยชีวิต ถึงแม้จะต้องแลกมาด้วยบาดแผลแต่มันก็ไม่ถอย!
หลังการต่อสู้ผ่านไปหลายครั้ง ทั้งสองฝ่ายต่างมีก็บาดแผล แต่กล้ามเนื้อของอินทรีทองแน่นกว่านกฟรีเกต ดังนั้นอาการบาดเจ็บจึงเบาบางกว่า
นกฟรีเกตไม่เหมาะกับการถูกกระแทกอย่างรุนแรง เพราะเส้นใยกล้ามเนื้อของพวกมันถูกจัดเรียงคล้ายรูปแบบของเนื้อผ้า เมื่อนกอินทรีทองจิกไปหนึ่งครั้งจึงทำให้มันมีบาดแผลขึ้นมาหนึ่งแห่ง
ฉินสือโอวมองดูขนสีดำที่กำลังบินพลิกตลบไปมาก็รู้สึกปวดใจเหลือประมาณ เขาผิวปากอย่างสุดแรงเพื่อเรียกให้นิมิตส์บินลงมาหลบภัย
นิมิตส์ที่เชื่องและเชื่อฟังเขามาตลอดแสดงความบ้าคลั่งออกมา แทนที่จะหลบหลีก มันกลับต่อสู้อย่างกล้าหาญมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ร่างกายจะอาบย้อมไปด้วยเลือด แต่มันยังคงหันกลับไปโจมตีอินทรีทองไม่หยุด
…………………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 362 สงครามการแก้แค้น
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!