ฉินสือโอวดีใจมากที่กุ้งพยาบาลมาถึงฟาร์มปลาแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศน์ของฟาร์มปลาแห่งนี้เริ่มสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือดูแลรักษากุ้งพยาบาลเหล่านี้ไว้ให้ดี และการดูแลรักษากุ้งพยาบาลเหล่านี้จะสามารถรักษาชีวิตของนกจมูกหลอดหางสั้นไว้ด้วย
หลังรุ่งสาง เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นจะอยู่กันเป็นฝูงเพื่อบินไปหาอาหารที่ผิวน้ำทะเล
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมกุ้งแดงให้ลอยสู่ผิวน้ำเพื่อให้นกจมูกหลอดหางสั้นจับกินเป็นอาหาร เนื่องจากความสามารถของการหาอาหารของนกจมูกหลอดหางสั้นเหล่านี้แย่มาก ถ้าจะพึ่งแค่ตัวมันเองในการหาอาหาร คาดว่าไม่กี่วันก็คงหิวตายหมดแล้ว
มีกุ้งแดงมากมายในบริเวณฟาร์มปลา กุ้งเหล่านี้มีระบบสืบพันธุ์ที่น่าทึ่ง มันเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและว่องไว เมื่อถึงช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงผสมพันธุ์ ซึ่งตอนนี้พวกมันก็เริ่มขยายพันธุ์แล้ว และเมื่อผ่านไปอีกสักพักฉินสือโอวก็วางแผนว่าจะเริ่มจับกุ้งแดงเหล่านี้ไปขาย
นี่อาจเป็นการพัฒนาของพลังโพไซดอนก็เป็นได้ เพราะความเร็วในการเจริญเติบโตของกุ้งแดงในฟาร์มปลานั้นนับว่ารวดเร็วมากกว่าสัตว์ชนิดเดียวกันเลยทีเดียว
นอกเหนือจากควบคุมกุ้งแดงเพื่อเลี้ยงนกจมูกหลอดหางสั้นแล้ว ฉินสือโอวยังค่อยๆ เข้าหาพวกมันเพื่อป้อนอาหารให้มันอีกด้วย จากนั้นเขาก็เริ่มพายเรือเข้าไปในฝูงของนกจมูกหลอดหางสั้น
โดยธรรมชาตินกจมูกหลอดหางสั้นจะหวาดกลัวแล้วบินหนี แต่หลังจากฉินสือโอว ชาร์ค และคนอื่นๆ ปล่อยกุ้งแดง ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะและสัตว์อื่นๆ ลงจากเรือประมง เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นที่ไร้เดียงสาจึงไม่ระแวงอะไรผู้คนอีกเลย แถมมันยังบินกลับมาคาบอาหารไปอีกด้วย
หลังจากป้อนอาหารไปไม่กี่ครั้ง เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นก็ไม่กลัวเรือประมงของฉินสือโอวอีกต่อไป เมื่อเรือประมงปรากฏเมื่อไร พวกมันกลับรุมล้อมอย่างดีใจและทำปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา
เมื่อได้รับความเชื่อใจจากนกจมูกหลอดหางสั้นแล้ว ฉินสือโอวก็ชักนำให้พวกมันใช้ป่าเล็กๆ ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของฟาร์มปลาเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยยามค่ำคืน
ในป่าผืนนี้มีต้นไม้จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นต้นเมเปิล ต้นสน ต้นสพรูส ต้นเรดบัด ต้นเมตาเซโคเอียใบสีทอง ต้นพลัมแดง ต้นเมเปิลแดง ต้นโซโฟร่าทอง ต้นควันใบม่วง ต้นสนบลูไอซ์และอื่นๆ อีกมากมาย พันธุ์ไม้จำนวนมากสามารถต้านทานความหนาวได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว แต่ก็สามารถรักษาใบไม้ให้งอกงามและยังเขียวชอุ่มได้ อีกทั้งยังบังลมและหิมะตกได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ฉินสือโอวยังได้รับแรงบันดาลใจจากสวนที่บ้านของเขาอีกด้วย
ที่บ้านเกิดของเขาต่อให้ถึงช่วงฤดูหนาวก็ยังต้องปลูกผัก และเพื่อหลีกเลี่ยงลมหนาวจากทางเหนือที่อาจจะทำให้ต้นกล้าของผักถูกแช่แข็งและเสียหาย ปลายฤดูใบไม้ผลิของทุกปีเหล่าเกษตรกรจึงขุดคูน้ำทางตอนเหนือของสวนผัก จากนั้นก็นำฟางข้าวโพดมัดเข้าด้วยกันแล้วเพาะปลูกตามแนวจนถึงร่องน้ำเพื่อป้องกันลมเหนือ
วิธีของฉินสือโอวก็คล้ายๆ กัน เขาจ้างคนงานนำตาข่ายมากั้นทางเหนือของป่าและนำหญ้าแห้งมาวางไว้ในป่าจำนวนมาก
แบบนี้เมื่อถึงตอนเย็น นกจมูกหลอดหางสั้นจะสามารถเข้าไปในกองหญ้าเพื่อหลบความหนาวและทำให้ร่างกายของมันอบอุ่นได้ ขอเพียงแค่ในปีนี้เกาะแฟร์เวลไม่เกิดฤดูหนาวที่จะพบเจอในรอบ 50 ปีหรือในรอบ 100 ปี เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นก็จะมีชีวิตอยู่ไปถึงฤดูใบไม้ผลิหน้าได้อย่างสบายๆ
หลังจากการเตรียมการเหล่านี้อย่างระมัดระวังแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าพอใช้ได้แล้ว เขาสามารถทำเพียงได้เท่านี้ ถ้านกจมูกหลอดหางสั้นยังคงทนความหนาวไม่ได้ เขาคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
ลมหนาวมาเร็วกว่าที่คิด ในตอนเย็นของช่วงต้นเดือนธันวาคม ระหว่างนั้นจู่ๆ ลมทะเลก็เกิดปรวนแปรและสายลมทะเลที่เคย
พัดเอื่อยก็กลายเป็นลมหนาวที่มาพร้อมกับเสียงหวีวหวิว
ฉินสือโอวตื่นขึ้นมากลางดึก วินนี่ดึงตัวเขาเข้าไปในอ้อมกอดราวกับปลาหมึกยักษ์ที่กำลังรัดตัวเขาอยู่ ดูเหมือนว่าเธอคงจะหนาวมาก
เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศและปรับอุณหภูมิเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็เปิดหน้าต่างออกเพื่อดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก ผลปรากฏว่าเมื่อเปิดหน้าต่างออกสายลมหนาวเย็นก็พัดใส่หน้าเขาจนเขาถึงกับสั่นสะท้านไปถึงกระดูก
“เป็นวันที่อากาศหนาวมาก” ฉินสือโอวบ่นพึมพำ
วินนี่ที่สะลึมสะลืออยู่บนเตียงเอื้อมมือออกไปคลำหาฉินสือโอวแต่ก็ไม่เจอ เธอหลับตาแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “ที่รัก คุณอยู่ไหน?”
ฉินสือโอวกระโดดขึ้นไปบนเตียงแล้วจูบเธอลงไปก่อนจะเอ่ยปากอธิบาย “ผมไปปิดหน้าต่างมา นอนต่อเถอะที่รัก ไม่มีอะไรหรอก”
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือเหล่านกจมูกหลอดหางสั้น ไม่รู้ว่านกจมูกหลอดหางสั้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรในกองหญ้ากลางป่า
วันรุ่งขึ้นเขาตื่นนอนแต่เช้า อากาศสดชื่นเป็นพิเศษ แต่มันก็หนาวมากเป็นพิเศษเช่นกัน หญ้าข้างนอกวิลล่าถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งสีขาวเหมือนหิมะ
ขนหนาๆ ของฉงต้ามีประโยชน์มากในเวลานี้ มันหาวนอนและกลิ้งไปมาในพงหญ้า เดาว่าความรู้สึกเย็นสบายแบบนี้คงดีมากแน่ๆ
หู่จือกับเป้าจือหนาวจนทนไม่ไหว พวกมันไม่ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกในตอนเช้าเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้พวกมันกลับเข้าไปอยู่ในบ้านเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น
ฉินสือโอวและวินนี่วิ่งไปที่ชายหาด เมื่อพวกเขามาถึงชายหาด ฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นฝูงใหญ่ก็บินออกจากป่าแห่งนี้ไปไกลแสนไกลอย่างเต็มกำลัง!
“อืม ไม่เลว” ฉินสือโอวหันไปถอนหายใจกับวินนี่
วินนี่ก็เม้มริมฝีปากยิ้มอย่างตื่นเต้นเช่นกัน เธอพยักหน้าอย่างแรงแล้วมองไปที่ดวงตาของฉินสือโอวด้วยดวงตาเปล่งประกาย
“นี่เป็นชุดเครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของวันนี้สินะ”
“ไปให้พ้นนะ!”
ในที่สุดลมหนาวก็มาถึง ต้นเมเปิลบนภูเขาก็เริ่มผลัดใบและใบเมเปิลสีสวยราวกับเปลวไฟก็ค่อยๆ ร่วงลงมาราวกับประกายไฟที่ลอยละล่องไปทั่วภูเขาและท้องทุ่ง มิน่าล่ะถึงมีบทกวีกล่าวไว้ว่า ‘จงตายอย่างสงบและงดงามดั่งใบไม้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง’ ที่แท้ก็เป็นความรู้สึกเช่นนี้นี่เอง
ในตอนเช้าฉินสือโอวและเบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ไปรอบๆ ฟาร์มปลา เรือประมงลำหนึ่งแล่นเข้ามาในเขตพื้นที่ฟาร์มปลาต้าฉิน กระทั่งเฮลิคอปเตอร์บินเข้าไปมันก็หันหัวแล่นจากไปโดยไม่ต้องใช้วิทยุสื่อสารเลยแม้แต่น้อย
“เหมือนพวกเขารู้ว่านี่เป็นฟาร์มปลาส่วนตัว แล้วทำไมถึงต้องมาที่นี่ล่ะ?” ฉินสือโอวกล่าวอย่างกังวลใจ
มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง แต่เขาก็ไม่แปลกใจเลย เพราะปีหน้าเขาจะเริ่มจับปลาส่งออกแล้ว หลายคนจึงแอบเข้ามาขโมยจับปลาของเขาไป
หลังจากกลับมายังฟาร์มปลา วิลได้พาชายวัยกลางคนคนหนึ่งมารอเขาอยู่แล้ว ทั้งสองจับมือกัน วิลแนะนำว่าชายวัยกลางคนคนนี้คือวิศวกรที่มีส่วนร่วมในการออกแบบและก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติออตตาวา
ฉินสือโอวอธิบายว่าสิ่งที่เขาต้องการสร้างคือสนามบินส่วนตัวที่สามารถรองรับเครื่องบินโดยสารได้สองลำ
วิลและวิศวกรคนนั้นปรึกษาหารือกันประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ศึกษาแผนที่ฟาร์มปลาแล้วเสนอข้อชี้แนะ
การก่อสร้างสนามบินส่วนตัวนั้นควรสร้างในตำแหน่งที่เคยเป็นพื้นที่ฟาร์มปลาค็อดจะดีที่สุด เพราะธรณีวิทยาของสถานที่แห่งนั้นแข็งแรงที่สุดและใกล้กับบริเวณผาสูงชันของเกาะแฟร์เวล ดังนั้นจึงมีโรงงานเคมีสองแห่งถูกสร้างขึ้นตรงนั้นในทีแรก
นอกจากนี้ วิลยังกล่าวว่าสนามบินควรสร้างรันเวย์คู่เป็นรูปตัว T เพื่อให้ปลายทั้งสองของรูปตัว T สามารถใช้เป็นโรงเก็บเครื่องบินและหอระวังภัยได้ ส่วนด้านล่างที่ยื่นออกมาก็ทำเป็นลู่วิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้พื้นที่เปิดโล่งทั้งสองด้านตัดแต่งเป็นโรงจอดรถได้ด้วย
ฉินสือโอวรู้สึกว่าแนวคิดนี้เป็นไปได้และถามวิลว่าจะเริ่มก่อสร้างได้เมื่อไร
“คุณสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ทันทีโดยใช้ประโยชน์จากช่วงฤดูหนาว เพราะชั้นดินแข็งในตอนนี้จะแข็งแรงที่สุดและยังสามารถประหยัดปูนซีเมนต์ได้อีกมากด้วย” วิลกล่าวอย่างมีชีวิตชีวา
วิศวกรคนนั้นพยักหน้า “มันประหยัดวัสดุได้จริงๆ แต่ในทางตรงกันข้าม ค่าแรงในตอนนี้ก็จะแพงขึ้นอีกหน่อยด้วย”
วิลส่ายหัว “นี่ไม่ใช่ปัญหา ฉันและฉินเป็นหุ้นส่วนเก่ากัน ค่าแรงราคาเดียวกันก็พอแล้ว เพื่อนๆ ของฉันก็ยินดีที่จะทำงานให้ฉิน จ่ายเร็วแถมยังให้โบนัสอีก ถ้าไม่ใช่เพราะฉินไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าสู่วงการอุตสาหกรรมการก่อสร้าง กลุ่มผู้ร่วมงานของฉันคงวิ่งเข้าหาเขาแล้ว”
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นอย่างติดตลก เขาได้ตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว เออร์บักและวิลจะได้ลงนามในสัญญา ฉินสือโอวจึงให้วินนี่โทรหาเจนนิเฟอร์ และให้วิลจัดสรรเงิน 4 ล้านดอลลาร์แคนาดาเพื่อซื้อวัสดุเตรียมเริ่มงาน
ลมหนาวพัดมาอย่างรวดเร็ว ในช่วงต้นเดือนลมหนาวอาร์กติกก็ได้พัดผ่านมา จากนั้นไม่ถึงสองวันหิมะก็โปรยปรายตกลงมา
ฉินสือโอวกับฉงต้ากำลังนั่งคลอเคลียอยู่ด้วยกันที่หน้าประตูวิลล่าพลางมองดูหิมะที่กำลังตกลงมาอย่างเงียบสงบ ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนพิเศษจริงๆ
……………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 368 ลมหนาวพัดมาแล้ว
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!