ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 371 เจ้าของฟาร์มปลาคนล่าสุด

หลังทางอาหารเช้า ฉินสือโอวก็นำไอศกรีมแท่งที่เขาทำอย่างพิถีพิถันออกมา
ไอศกรีมรสสับปะรดสีเหลืองทอง ไอศกรีมรสส้มสีเหลืองอ่อน ไอศกรีมรสแอปเปิลสีขาวราวหิมะ ไอศกรีมรสแบล็กเบอร์รีสีดำ ไอศกรีมรสองุ่นสีม่วง ยังมีไอศกรีมรสซานจาสีแดงอ่อนและอื่นๆ อีกด้วย
“ผมอยากขอเรียนเชิญลูกค้าที่รักทุกท่านมาลองชิมไอศกรีมที่ผมทำขึ้นมาเองสักหน่อย” ฉินสือโอวพูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ
วินนี่เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาแท่งหนึ่งก่อนใช้ลิ้นเล็กๆ เลียพร้อมรอยยิ้ม “ว้าว อร่อยมาก นี้เป็นไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีที่อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาเลย”
ฉินสือโอวยิ้มกรุ้มกริ่มมองหญิงสาวพร้อมถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่กำกวม “ที่รัก นี่เป็นไอศกรีมที่อร่อยที่สุดเท่าที่คุณเคยกินมาจริงๆ เหรอ?”
เออร์บักแสร้งไอออกมาครั้งหนึ่ง “ที่นี่ยังมีเด็กอยู่นะ ระวังกันหน่อยสิ ไหนหยิบไอศกรีมรสซานจาให้ฉันสักแท่งสิ คนแก่น่ะชอบกินรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ นะ”
ฉินสือโอวหน้าแดงก่อนจะรีบอธิบาย “อย่าเข้าใจผิดนะครับคุณปู่เออร์ ที่ผมพูดหมายถึง หมายถึง เอ่อ วินนี่คุณหยิบไอศกรีมสับปะรดไปแล้วชัดๆ นี่คุณคิดจะตุกติกกับผมเหรอ?”
วินนี่หัวเราะ ใบหน้าอันทรงเสน่ห์เริ่มมีสีแดงจางๆ สงสัยเมื่อคืนจะเล่นมากไปหน่อย
“เย็นขนาดนี้ กินแล้วจะไม่ท้องเสียใช่ไหม?” กอร์ดอนถามอย่างเป็นกังวล
พาวลิสที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ยื่นมือไปหยิบไอศกรีมมา 1 แท่ง “กอร์ดอน เมื่อก่อนตอนเป็นคนเร่ร่อนก็ยังเคยกินน้ำแข็งมาแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าคุณจะท้องเสียเลยนี่ พูดน้อยๆ กินเยอะๆ โอเคไหม?”
“พาวลิสเป็นเด็กฉลาดและขยันจริงๆ” ฉินสือโอวยิ้มตบไหล่เขาเบาๆ
ไอศกรีมที่ทำจากน้ำผลไม้แท้รสชาติดีมาก ทุกแท่งไม่ได้ใช้สารปรุงแต่งอาหาร กินแล้วจึงทำให้รู้สึกเย็นสบายและสดชื่นแถมยังได้ลิ้มรสชาติผลไม้แท้ๆ ด้วย
หลังกินข้าวเย็นฉินสือโอวก็ออกมาขับรถเอทีวีรอบๆ ชายฝั่งทะเลของฟาร์มปลาอยู่รอบหนึ่ง อากาศเริ่มหนาวมากแล้ว แต่อุณหภูมิยังไม่ต่ำพอที่จะทำให้ทะเลกลายเป็นน้ำแข็งได้ ดังนั้นจึงยังสามารถมองเห็นปลาที่กระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อเพลิดเพลินไปกับแสงแดดเป็นครั้งคราวได้อยู่
ตอนสี่ทุ่มกว่า แฮมเล็ตก็โทรศัพท์มาหาเขา “ฉิน เจ้าของฟาร์มปลาคนล่าสุดมาแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ฟาร์มปลาของเขา ถ้าต้องการคุยกับเขาก็รีบๆ มาล่ะ”
เจ้าของฟาร์มปลาคนล่าสุดหรือเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริงคือ อัลเบิร์ต วิลเลียม สมิธ ผู้อพยพชาวอังกฤษ ครอบครัวของเขามีกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในรัฐนิวฟันด์แลนด์ ซึ่งว่ากันว่ามีมูลค่ามากกว่าพันล้าน
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวต้องการนัดคุยกับวีไอพีชาวอังกฤษคนนี้ผ่านแฮมเล็ตกับเออร์บักเพื่อเจรจาซื้อขายฟาร์มปลา แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่ไว้หน้าเขาสักนิด ดังนั้นอย่าพูดถึงเรื่องเจรจาเลย แค่โอกาสเจอหน้ากันยังไม่มีด้วยซ้ำ
เจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายนี้ทำให้ฉินสือโอวรับรู้ได้ถึงความเย่อหยิ่งของคนอังกฤษ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ใครใช้ให้อีกฝ่ายมีสิ่งที่เขาต้องการกันล่ะ? เพื่อความฝันในการรวมฟาร์มปลาของตัวเอง งั้นมาทำตัวเป็นเด็กสักครั้งก็แล้วกัน
เขาขับรถผ่านเมืองแฟร์เวลล์ตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ ตามทางมีป้ายประกาศบอกอยู่เรื่อยๆ ว่า รีสอร์ตแกธเธอริงยินดีต้อนรับท่าน
อัลเบิร์ตซื้อฟาร์มปลามาแต่ไม่ได้วางแผนเลี้ยงปลา เป้าหมายที่แท้จริงคือเขาต้องการเปิดเป็นวิลล่า ดังนั้นป้ายประกาศที่ถูกทำขึ้นมาจึงทำขึ้นตามเนื้อหาแบบนี้
เมื่อก่อนเกาะแฟร์เวลล์มีฟาร์มปลาขนาดใหญ่อยู่ 6 แห่ง ชายฝั่งของฟาร์มปลาแกธเธอริงมีความยาวและมีพื้นที่เป็นรองจากฟาร์มปลาต้าฉิน มันครอบคลุมพื้นที่โกลด์โคสต์ทางเหนือยาวกว่า 14-15 กิโลเมตร อีกทั้งยังมีทางโค้งและคดเคี้ยวสไตล์ยูนีคด้วย
พื้นที่ภายในฟาร์มปลาราบเรียบเพราะการตกแต่งด้วยฝีมือคน เมื่อมองไปไกลสุดลูกหูลูกตาก็ไม่พบสิ่งก่อสร้างใดๆ อย่างห้องเก็บของ ห้องเก็บน้ำแข็ง ยุ้งเก็บอาหารสัตว์ หรืออื่นๆ ถูกสร้างเอาไว้เลย นั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้าของไม่ได้วางแผนที่จะพัฒนาฟาร์มเพื่อเลี้ยงปลาตั้งแต่แรก
ฉินสือโอวจอดรถที่ประตูทางเข้า ฟาร์มปลาแกธเธอริงเป็นที่เดียวที่ใช้ลวดตาข่ายเพื่อแยกออกจากโลกภายนอก ส่วนฟาร์มปลาอื่นๆจะใช้เป็นรั้วไม้ทั้งหมด เพื่อให้มีลักษณะเหมือนเมืองมากขึ้น
ฟาร์มปลาแกธเธอริงแสดงให้เห็นถึงพลังของวิทยาศาสตร์และความทันสมัยของตนเองได้อย่างชักเจน สรุปคือเป็นการหาจุดยืนที่ไม่เหมือนใคร และจากจุดนี้ก็สามารถรับรู้ได้ว่าเจ้าของเป็นคนหัวแข็งและดื้อรั้น
ประตูของฟาร์มปลามีเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่ลำหนึ่ง มันเป็นรุ่นเบลล์ 214 ยู สีขาวสลับกับสีเขียว คาดว่าคงเป็นพาหนะส่วนตัวของอัลเบิร์ตเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริง
เฮลิคอปเตอร์ลำนี้ไม่เหมือนกับเอซี 310 ของฉินสือโอว มันเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีหลายเครื่องยนต์ซึ่งที่มีความยาว 15-16 เมตร ปีกเล็กกว่า 20 เมตร และกำลังจอดเป็นยักษ์ใหญ่อยู่บนพื้น
เฮลิคอปเตอร์ลำนี้มี 16 ที่นั่ง เติมน้ำมันครั้งหนึ่งสามารถบินได้ 800 กิโลเมตรต่อครั้ง ราคาเกือบเท่ากับรถพอร์ช 918 ที่ฉินสือโอวเพิ่งได้รับมาซึ่งมีราคาประมาณ 200 กว่าล้านดอลลาร์แคนาดา แต่มองจากความสะดวกในการใช้งาน รถพอร์ชด้อยกว่าเบลล์ไปหนึ่งปีแสง
พวกคนรวยและมีอำนาจในแคนาดาไม่ค่อยเล่นรถสปอร์ตกัน แม้ว่าที่นี่จะมีถนนที่ยาวที่สุดและเรียบที่สุดในโลก แต่เพราะมีทะเลสาบและทะเลจำนวนมาก การใช้เฮลิคอปเตอร์จึงสะดวกกว่า
ภายในฟาร์มปลามีกลุ่มคนกำลังพูดคุยบางอย่างกันอยู่ ฉินสือโอวจึงไม่ได้เข้าไปรบกวนและรออยู่ด้านนอกประตู
ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไปคนกลุ่มนั้นก็เดินออกมา แฮมเล็ตกำลังเดินไปกับชายวัยกลางคนผมทองพุงใหญ่คนหนึ่ง ชัดเจนว่าหมอนี้คืออัลเบิร์ต
ฉินสือโอวจึงเดินเข้าไปเพื่อทักทายเขาโดยการยื่นมือออกไปและกล่าวทักทายด้วยความกระตือรือร้น “สวัสดีครับ เดาว่าคุณคือคุณอัลเบิร์ตใช่ไหมครับ? ผมชื่อ…”
บอดี้การ์ดตัวสูงใหญ่คนหนึ่งเดินตรงเข้ามาขวางฉินสือโอวด้วยใบหน้าเย็นชา ส่วนอัลเบิร์ตและคนอื่นๆ ที่มองไม่เห็นฉินสือโอวก็ยังคงเดินคุยไปหัวเราะไปตรงไปทางเฮลิคอปเตอร์
ฉินสือโอวถอนหายใจ นี่คงเป็นความเย่อหยิ่งโดยพื้นฐานสินะ แต่ฉันก็คนดี เพราะงั้นฉันจะทน
“กรุณาหยุดก่อนครับคุณอัลเบิร์ต ผมเป็นเพื่อนบ้านของคุณชื่อฉินสือโอว ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณนิดหน่อยครับ”ฉินสือโอวรีบหลบบอดี้การ์ดคนนั้นที่กำลังไล่ตามมาจับเขา
อัลเบิร์ตดึงซิการ์ที่คาบไว้ออกจากปากพลางมองฉินสือโอวด้วยสายตาเฉยเมยและยังไงไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดคนนั้นจัดการเท่านั้น
แฮมเล็ตขมวดคิ้ว ในฐานะที่เขาเป็นนายกเทศมนตรี เขารู้สึกทนดูไม่ได้อีกต่อไปจึงได้พูดออกมา “คุณสมิธ ผมคิดว่าคุณควรคุยกับฉินสักเล็กน้อย การทำแบบนี้กับเพื่อนบ้านถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนะครับ”
อัลเบิร์ตมองแฮมเล็ตด้วยสายตาอวดดี “เพื่อนบ้าน? โอ้ คุณฉินที่มาจากประเทศจีนคนนี้ที่มีบ้านอยู่ที่เบิร์กลินวิลล่าใช่ไหม?”
เบิร์กลินวิลล่าเป็นเขตที่อยู่อาศัยที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเซนต์จอห์น ส่วนใหญ่จะเป็นวิลล่าที่สร้างขึ้นมาตามสไตล์ยุโรป และมันยังเป็นศูนย์รวมพวกคนรวยและนักการเมืองส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเมืองเซนต์จอห์นด้วย
ฉินสือโอวยิ้ม “ผมไม่ได้มีบ้านอยู่ที่นั่นหรอกครับ แต่ถ้าผมต้องการ ผมก็สามารถหามาได้ทุกเมื่อ เพียงแต่ผมรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเพราะอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอครับ? เดาว่าคุณก็คงคิดเหมือนผม ไม่งั้นคุณคงไม่ซื้อฟาร์มปลาแห่งนี้ใช่ไหมล่ะครับ?”
อัลเบิร์ตชำเลืองมองฉินสือโอว “คนจีน เวลาของผมมีค่ามากนะ มีอะไรจะพูดก็รีบๆ พูดมาเถอะ เห็นแก่คำพูดของนายกแฮมเล็ต ผมจะไว้หน้าคุณสักครั้ง”
“ผมต้องการซื้อฟาร์มปลาของคุณ คุณสนใจจะเสนอราคาไหมครับ?”
“แน่นอน 100 ล้านดอลลาร์แคนาดา!”
“ฮะ คุณกำลังพูดเล่นใช่ไหม?”
“ผมมีเวลามาพูดเล่นกัคุณยเหรอ? สื่อบอกว่าคุณเป็นมหาเศรษฐีที่มาจากประเทศจีนไม่ใช่เหรอ? งั้นผมเสนอราคา 100 ล้านดอลลาร์แคนาดา คุณสนใจก็ซื้อไปสิ” อัลเบิร์ตมองฉินสือโอวอย่างเหยียดหยามและแสดงท่าทางเหมือนฉินสือโอวไม่มีวันเอาของของเขาไปได้
ฉินสือโอวส่ายหัว รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ หายไป เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว อีกฝ่ายไม่คิดจะขายฟาร์มปลาให้เขาแน่นอน
แฮมเล็ตยิ้มขื่นๆ ให้ฉินสือโอวอย่างไม่สามารถช่วยอะไรได้ ฉินสือโอวได้แต่ยักไหล่แล้วรั้งอัลเบิร์ตเอาไว้อีกครั้ง ทว่าอีกฝ่ายก็พูดกลับมาอย่างดูถูก “ผมยังพูดไม่ชัดเจนอีกเหรอ? หรือคุณไม่เจียมตัว คิดว่าตัวเองจะสามารถเสนอราคาที่ทำให้ผมสนใจได้?”
ฉินสือโอวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ไม่หรอก คนอังกฤษ ผมแค่อยากบอกคุณเรื่องหนึ่ง มีโรงงานเคมี 2 แห่งอยู่ถัดไปจากที่ของคุณ ความจริงแล้วผมสั่งปิดเอาไว้ และในเมื่อผมสามารถสั่งปิดพวกมันได้ ผมก็สามารถสั่งเปิดพวกมันอีกครั้งได้เหมือนกัน”
…………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset