ที่แท้ความสามารถของตระกูลสเตราส์ก็สุดยอดมาก วันรุ่งขึ้นเคอร์โทรหาร้านรับซื้ออาหารทะเลหลายแห่ง ด้านฉินสือโอวเองก็ได้รับการยื่นความประสงค์เข้าตรวจสอบของผู้รับซื้อหลายแห่งเช่นกัน
เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจ ฉินสือโอวตอบก็กลับพวกผู้รับซื้อให้ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพปลาแลมป์เพรย์ที่ฟาร์มปลาได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
เขาให้เบิร์ดใช้เฮลิคอปเตอร์ไปส่งพ่อลูกตระกูลสเตราส์ที่สนามบินในตอนเช้า ส่วนฉินสือโอวก็พาคนที่เหลือออกทะเลเตรียมจับปลาแลมป์เพรย์
การจับปลาแลมป์เพรย์ขนาดใหญ่ต้องใช้แหจับปลาปากเล็ก ไม่สามารถใช้ทุ่นกระป๋องได้ กระบวนการเองก็ค่อนข้างโหดร้าย นั่นคือการใส่ปลาใหญ่ที่มีแผลบนตัวเข้าไปในแหจับปลาแล้วใช้เรือประมงลากแหจับปลาในบริเวณทะเลที่เหล่าปลาแลมป์เพรย์ดำรงชีวิตอยู่เพื่อดึงดูดให้ปลาแลมป์เพรย์มารุมกันบนตัวของปลาใหญ่ เช่นนี้เมื่อดึงแหขึ้นมาในท้ายที่สุดก็จะสามารถจับปลาแลมป์เพรย์ขึ้นมาได้
ที่เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กมีปริมาณความต้องการปลาแลมป์เพรย์สูงมาก วันนั้นก็มีผู้รับซื้อจากนิวยอร์กบินมาที่เมืองเซนต์จอห์น จากนั้นก็รีบมาที่เกาะแฟร์เวลทันที
ผู้รับซื้อรายนี้เป็นชาวผิวสีหนวดเฟิ้มลักษณะคล้ายชาวอาหรับซึ่งมีชื่อว่าเจมส์ บัตเลอร์ เคอร์เคยบอกกับเขาว่าคนคนนี้มีชื่อเสียงมากในตลาดอาหารทะเลของนิวยอร์ก
ตกปลากันอยู่ทั้งวัน กลุ่มของฉินสือโอวก็ตกปลาแลมป์เพรย์ตัวอ้วนพีขึ้นมาได้สองร้อยกว่าตัว ตัวที่เล็กที่สุดก็มีน้ำหนักถึงครึ่งกิโลกรัมกว่าๆ ส่วนตัวที่เล็กกว่านั้นจะถูกโยนกลับไปในทะเล
ปลาแลมป์เพรย์ทั้งหมดหนัก 310 กิโลกรัม บัตเลอร์รออยู่ที่ท่าเรือออย่างอดทน หลังจากรอเรือประมงที่เต็มไปด้วยปลาแลมป์เพรย์เทียบท่าแล้วเขาก็ถือโอกาสขึ้นไปหยิบมาหนึ่งตัว หลังจากใช้มีดตัดออกเป็นส่วนๆและมองดูอย่างละเอียดแล้วเขาก็พูดพลางพยักหน้า “ปลาดีมาก ผมจะซื้อพวกนี้ทั้งหมดเลย คุณคิดว่ายังไงล่ะคุณเจ้าของฟาร์มปลา?”
ฉินสือโอวมีความเห็นอย่างไร? ตอนนี้เขามีความสุขมาก แม้ปลาแลมป์เพรย์พวกนี้จะไม่สามารถขายได้ในราคาสูง แต่ก็นับว่าสร้างรายได้ให้ฟาร์มปลาแล้วไม่ใช่เหรอ?
“คุณเสนอราคาเถอะพวก ผมเชื่อใจคุณ”
บัตเลอร์รีบพูด “ถ้าอย่างนั้นก็ยึดตามราคาในเวลาจริงของตลาดอาหารทะเลนิวยอร์กวันนี้ก็แล้วกัน หนึ่งกิโลกรัม220 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา”
ฉินสือโอวตกใจจนต้องแอบหันไปถามชาร์คว่าปลาแลมป์เพรย์แพงขนาดนี้เลยเหรอ?
ชาร์คอธิบาย “ปลาแลมป์เพรย์ในทะเลจับยากมาก การที่มันใช้ชีวิตเป็นหลักแหล่งในบริเวณหนึ่งเหมือนที่ฟาร์มปลาของพวกเรานั้นพบเห็นได้น้อยมาก ถ้าชาวประมงในยุโรปต้องการจะจับปลาพวกนี้ พวกเขาก็ต้องรอช่วงฤดูร้อนตอนที่พวกมันย้ายถิ่นฐานไปวางไข่ในแม่น้ำ พอถึงฤดูใบไม้ผลิปลาพวกนี้ก็จะกลับมายังทะเลและไม่มีทางจับได้อีกแล้ว”
ปลาแลมป์เพรย์หนึ่งลำเรือทำให้ฉินสือโอวก็มีรายได้เกือบเจ็ดหมื่นดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเป็นเช่นนี้ฉินสือโอวจึงครุ่นคิดสักพักหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้เขาก็คงไม่ต้องไปเสาะหาซากเรืออัปปางอะไรนั่นอีกต่อไปแล้ว เพราะแค่จับปลาแลมป์เพรย์ขาย เขาก็สามารถร่ำรวยได้เหมือนกัน
พวกเขาตกลงการซื้อขายกันอย่างมีความสุข ฉินสือโอวพาบัตเลอร์ ไปลงทะเบียนที่กรมประมงเมืองเซนต์จอห์น เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการค้าอาหารทะเลข้ามประเทศ ขั้นตอนการดำเนินงานจึงค่อนข้างซับซ้อน ยังดีที่แคนาดาและสหรัฐอเมริกามีนโยบายรถไฟสายตรงสำหรับการค้าขายสินค้าทางการเกษตร ไม่อย่างนั้นอย่าคิดเลยว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถทำธุรกิจกันได้ภายในหนึ่งสัปดาห์
การร่วมมือเป็นไปได้อย่างราบรื่น ก่อนจะออกจากฟาร์มปลาบัตเลอร์ก็จับมือกับฉินสือโอวและพูดขึ้น “เป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับคุณ เจ้าของฟาร์มปลารุ่นใหม่ หวังว่าหลังจากนี้พวกเราจะสามารถกลายเป็นพันธมิตรกันได้ ขอเพียงเรือประมงของคุณหาปลาแลมป์เพรย์ได้ ก็สามารถโทรหาผมได้ทันที”
สำหรับฟาร์มปลาแล้วปลาแลมป์เพรย์แทบจะถือว่าเป็นปลาอันตราย หากต้องการทำความสะอาดปลาที่ตายอยู่ก้นทะเล เพียงแค่มีปลาแฮ็กฟิชก็สามารถจัดการได้แล้ว
ดังนั้นฉินสือโอวจึงตัดสินใจจะกว้านจับปลาแลมป์เพรย์ยกใหญ่จนกงว่ามันจะหมดถึงจะเลิก
แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ปลาแลมป์เพรย์ก็ถือว่าเป็นแหล่งเศรษฐกิจ ฉินสือโอวจึงไปฟาร์มปลาตอนค่ำแล้วก็ส่งพลังแห่งโพไซดอนจำนวนมากไปให้แก่ฝูงปลาแลมป์เพรย์ สิ่งนี้จะสามารถเร่งการเจริญเติบโตของพวกมันได้และยังสามารถทำให้พวกมันผสมพันธุ์ได้เร็วขึ้นด้วย
หลังจากใช้พลังแห่งโพไซดอนอย่างฟุ่มเฟือยอยู่ที่ฟาร์มปลาไปสักพัก ฉินสือโอวก็วิ่งขึ้นไปบนตัวเฮยป้าหวังแล้วมองดูว่าจะสามารถหาเรือที่จมเจออีกสักลำหรืออย่างอื่นที่สามารถทำให้ปลาในฟาร์มปลาพัฒนาขึ้นไปได้อีกหรือไม่
แต่ผลสุดท้ายเมื่อเขาหาเฮยป้าหวังเจอ เขาก็พบว่าเจ้าตัวแสบใจกล้าตัวนั้นกำลังดิ้นพล่านด้วยความตระหนกตกใจอยู่ในทะเล
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เจอศัตรูเหรอ? ฉินสือโอวตกใจมาก เขาปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปแต่ก็ไม่พบอะไร
แต่ตื่นตระหนกของเฮยป้าหวังก็ไม่ใช่เรื่องโกหก และตอนที่ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปก็ยังรู้สึกได้ว่าส่วนหลังด้านซ้ายของมันได้รับบาดเจ็บเหมือนถูกอะไรบางอย่างบาดเป็นแผลใหญ่และมีเลือดสีแดงไหลออกมาไม่หยุด
ฉินสือโอวส่งพลังแห่งโพไซดอนเข้าไปในร่างกายของเฮยป้าหวังอย่างระมัดระวังเพื่อช่วยสมานแผลและฟื้นฟูกำลังกาย
เมื่อรู้สึกได้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ในที่สุดเฮยป้าหวังก็ไม่ตื่นตระหนกขนาดนั้นอีกและสงบลงอย่างช้าๆ
ผ่านไปไม่กี่นาที ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าน้ำทะเลเริ่มสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อยและเฮยป้าหวังก็ตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้งหลังจากรู้สึกถึงความสั่นไหวของน้ำทะเล
ฉินสือโอวมีท่าทางเคร่งขรึม เขาส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปให้เฮยป้าหวังให้เพียงพอเสียก่อน จากนั้นก็รอดูว่าสัตว์ประหลาดที่กำลังมาคืออะไร ถ้าเรื่องไม่ร้ายแรง เขาเชื่อว่าตนเองจะใช้พลังที่แข็งแกร่งของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนคุ้มกันเฮยป้าหวังและหลบหนีไปได้โดยไม่มีปัญหา
แต่แล้วไม่นานสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งก็ว่ายออกมาด้วยความเร็ว…
เจ้าตัวนี้คือสัตว์ประหลาดจริงๆ มันมีความยาวประมาณยี่สิบเมตร ปากกว้างทรงพลัง บนตัวมีครีบท้อง ครีบหลัง และครีบหาง และมันก็กำลังอาละวาดอยู่ในทะเลอย่างดุร้ายอีกด้วย
“ฉลามอะไร?” หลังจากฉินสือโอวเห็นเจ้าตัวร้ายตัวนี้ก็ตะลึงไปชั่วขณะ เพราะสัตว์ประหลาดที่ปรากฏออกมาตัวนี้จำแนกได้ว่าเป็นประเภทฉลาม แต่เขายังไม่เคยเห็นฉลามที่ใหญ่มหึมาขนาดนี้มาก่อนเลย!
รูปร่างของเฮยป้าหวังนับว่าใหญ่โตเต็มที่แล้ว อีกทั้งยังมีความยาวเป็นสิบเมตรอย่างน่าอัศจรรย์ ในหมู่ฉลามขาว เจ้านี่ถือเป็นพี่ใหญ่ แต่ฉลามใหญ่ตัวนี้ล่ะ? มันต้องใหญ่เป็นสองเท่าของเฮยป้าหวังแน่ๆ หรือมันจะเป็นฉลามวาฬที่เขาว่ากัน?
ฉลามวาฬเป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวที่มนุษย์ค้นพบตัวหนึ่งมีความยาวถึงยี่สิบเมตร และยังเชื่อกันว่าที่บริเวณทะเลลึกที่มนุษย์ไม่มีทางล่วงล้ำเข้าไปได้ยังมีตัวที่ใหญ่กว่านี้อีก ตามการประมาณของสิ่งมีชีวิตในทะเล ฉลามวาฬน้ำลึกสามารถใหญ่ได้ถึงสามสิบเมตรเลยทีเดียว
แต่ฉลามวาฬมีนิสัยที่ค่อนข้างเชื่องซึ่งสามารถดูได้จากฉายา ‘เจ้าปลาเซ่อตัวใหญ่’ แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะใหญ่มหึมาแต่พวกมันก็ไม่มีนิสัยดุร้ายและวิธีโจมตีที่ดีพอ ในทางตรงกันข้ามการเจอฉลามขาวขนาดใหญ่เป็นเรื่องอันตรายของพวกมันเสียอีก เฮยป้าหวังจึงไม่น่าจะถึงกับหวาดกลัวจนเป็นอย่างนี้ไปได้
อีกอย่างภายนอกของฉลามวาฬมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งนั่นคือตัวของพวกมันจะมีลายจุดสีอ่อนๆปะปนกันไปทั่วจนดูเหมือนกระดานหมากรุกเป็นอย่างมาก
ฉลามวาฬตัวใหญ่ตัวนี้ภายนอกเป็นสีน้ำเงินเข้มและสีเทาเงินปนกัน ผิวหนังเกลี้ยงเกลา ไม่ต้องขยับครีบหางและลำตัวก็สามารถว่ายน้ำในทะเลได้…
แม่เจ้า นี่มันบ้าอะไร? ฉลามวาฬตัวใหญ่ที่ไม่ต้องขยับครีบหางและลำตัวก็สามารถทรงตัวอยู่ได้? แกเป็นเรือดำน้ำเหรอพวก!
ฉินสือโองแกว่งมือแผ่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไป เมื่อเข้าไปมองใกล้ๆ ก็พบว่าเจ้าตัวนี้คือเรือดำน้ำจริงๆ!
แต่เรือดำน้ำลำนี้มีลักษณะภายนอกเหมือนฉลามวาฬทุกอย่าง ไม่ได้ใช้รูปร่างหัวกระสุนแต่ทำเป็นรูปฉลามวาฬเพื่อลดแรงต้านลม ส่วนหน้ายังวาดเป็นรูปปากใหญ่ ทั้งสองข้างก็มีรูปตาและที่สำคัญที่สุดก็คือเรือลำนี้สามารถทำเสียงออกมาเหมือนเสียงคำรามของฉลามวาฬได้อย่างคาดไม่ถึง
อย่าว่าแต่เจ้าซื่อบื้อเฮยป้าหวังนี่เลย ฉินสือโอวมองดูแล้วก็หลงกลไปเหมือนกัน เขาคิดว่าตัวเองได้พบกับฉลามวาฬก้นทะเลสายพันธุ์ใหม่เข้าให้แล้ว
พอรู้ว่าที่กำลังเผชิญหน้าคือเรือดำน้ำ ฉินสือโอวก็ไม่ตื่นตระหนกอีกต่อไป
เขาพิจารณาลักษณะภายนอกของเรือดำน้ำลำนี้อย่างสนใจ หลังจากค้นหาในอินเทอร์เน็ตสักพักถึงได้รู้ว่าที่แท้เรือดำน้ำลำนี้ชื่อว่าซีบรีชเชอร์ เอกซ์ เป็นเรือดำน้ำรูปทรงฉลามวาฬ เปิดตัวออกวางตลาดเมื่อสองปีก่อน ปัจจุบันนี้ใช้แทนเรือนำเที่ยวและกลายเป็นของเล่นใหม่ของพวกทายาทมหาเศรษฐีอเมริกาไปแล้ว
……………………………………