พอได้ยินว่ามีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ วินนี่ก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา เธอทิ้งฉงต้ากับพี่น้องหู่จือไว้แล้วขับรถเข้าไปในเมือง
ฉินสือโอวยังอยากจะขับรถพอร์ช 918 ไปอวด วินนี่สูดหายใจสั้นๆ แล้วพูดกับเขาว่า “คุณล้อฉันเล่นเหรอคะ? คุณจะขับพอร์ชในวันที่หิมะตกหนักอย่างนี้น่ะเหรอ? เขียนพินัยกรรมก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกทีนะคะ”
เออร์บักจึงช่วยเกลี้ยกล่อม “จริงๆ แล้วในวันแบบนี้ ถ้าขับรถซูเปอร์คาร์น่าจะดีกว่า ศูนย์ถ่วงของรถเอสยูวีสูงเกินไป ต้องระวังรถลื่นไถล ขับรถซูเปอร์คาร์ช้าๆ หน่อย อากาศหนาวเครื่องยนต์จะระบายความร้อนได้เร็ว ขับไปแล้วปลอดภัยยิ่งกว่า”
ฉินสือโอวยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ วินนี่ยักไหล่น้อยๆ แล้วพูดกับเขาว่า “โอเคค่ะ ฉันยอมรับว่าคุณปู่เออร์พูดถูก แต่ฉันยังยืนยันที่จะขับรถเอสยูวีอยู่ดี”
ในที่สุดเสียงหัวเราะก็หยุดลง แผนการอวดเบ่งของฉินสือโอวไม่ประสบความสำเร็จ
เมื่อมาถึงในเมือง ฉินสือโอวเห็นรถจำนวนไม่น้อยที่จอดอยู่บนถนน ชายร่างใหญ่บางส่วนเดินขวักไขว่ไปมา บนตัวของพวกเขาถ้าไม่ได้ถือปืนก็สะพายคันธนู
พอเขาโทรศัพท์ไป ชาร์คกับคนอื่นๆ ก็มารับเขา บนตัวของพวกเขาพกปืนมากันทุกคน ทั้งหมดเป็นปืนเรมิงตันที่ถูกใช้สำหรับล่ากวางโดยเฉพาะมาเป็นระยะเวลาหนึ่งร้อยปีแล้ว
วินนี่ลงรถแล้วถามอย่างรีบร้อนว่า “ทำไมนักท่องเที่ยวถึงได้รับบาดเจ็บล่ะ? บาดเจ็บรุนแรงไหม? ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง?”
ชาร์คอธิบายให้ฟังว่า “ไม่มีปัญหาร้ายแรง ครั้งนี้ฝูงกวางเรนเดียร์ลงมาจากบนภูเขา นักท่องเที่ยวพวกนั้นอยากจะไปถ่ายรูปกับพวกมัน แต่กวางเรนเดียร์กำลังหิวมีอารมณ์ฉุนเฉียวดุร้าย เลยพุ่งชนจนเอวของนักท่องเที่ยวพวกนั้นได้รับบาดเจ็บ”
“แล้วจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
“นักท่องเที่ยวรับผิดของตัวเองเป็นหลัก เพราะในสัญญาที่พวกเขาเซ็นไว้กับบริษัททัวร์บอกไว้ชัดเจนแล้วว่าไม่อนุญาตให้เข้าไปสัมผัสกับสัตว์ป่าโดยพลการ แต่นายกเทศมนตรีแฮมเล็ตพยายามช่วยพวกเขาไว้ โดยที่บริษัทท่องเที่ยวของเมืองจะช่วยรับภาระค่ารักษาพยาบาลครึ่งหนึ่ง”
ตอนนี้ในเมืองยังมีบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสอยู่อย่างเข้มข้น หน้าประตูของทุกๆ ครัวเรือนยังมีต้นคริสต์มาสอยู่ พื้นที่ว่างหลายแห่งยังมีเศษเถ้าถ่านของกองไฟอยู่ คืนวานนี้น่าจะมีการจัดงานเลี้ยงรอบกองไฟขึ้น
ถึงแม้ว่าหิมะบนถนนในเมืองจะถูกกวาดออกไปแล้ว แต่ว่าบนพื้นถนนกับหลังคาบ้านก็ยังมีร่องรอยหลงเหลืออยู่ หิมะตกโปรยปรายแบบนี้ เมืองเก่าแก่ ชาวประมงกับอาคารทรงกอธิก เมืองแฟร์เวลในตอนนี้ดูสวยกว่าเวลาปกติอยู่มากนัก
หิมะในที่ร่มบางแห่งยังไม่ทันละลาย มีคนปั้นมนุษย์หิมะขึ้นมาขนาดความสูงเท่าคนสองคน บนหัวมีถังพลาสติกสวมเอาไว้ มีตา จมูก ปากครบสมบูรณ์ ทั้งยังปักกิ่งไม้ไว้บนลำตัวเพื่อทำเป็นแขน ปั้นถูกต้องตามลักษณะที่ควรมี
บรรดานักท่องเที่ยวถูกหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักปิดล้อมเอาไว้ นอกจากดื่มกาแฟดูโทรทัศน์อยู่ในห้องพักแล้ว ก็มีคนออกมาถ่ายรูปตามท้องถนนเพื่อบันทึกภาพผู้คนที่มาล่ากวาง
ชาร์คบอกว่ามีนักท่องเที่ยวบางส่วนลงชื่อเพื่อขอไปล่ากวางด้วยกัน แต่แฮมเล็ตไม่กล้าอนุมัติเนื่องจากต้องใช้อาวุธปืน ซึ่งก็บอกได้ชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าแค่โดนกวางชนนิดหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้ายิงปืนพลาดไปโดนคนเข้า ก็คงจะไม่ดีแน่ๆ
ตอนที่ฉินสือโอวมาถึงในเมืองเป็นเวลาที่คณะล่ากวางเพิ่งจะกลับมา ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผู้คนทยอยกันกลับบ้าน พวกเขานัดกันไว้ว่าพรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้าจะมารวมตัวกันเพื่อไปล่ากวางในบริเวณรอบๆ เมืองต่อ
แน่นอนว่าฉินสือโอวเองก็ได้รับเชิญเช่นกัน
ที่จริงฉินสือโอวไม่อยากไป เพราะเขาคิดว่าการฆ่าสัตว์ป่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ชาร์คจึงบอกกับเขาอย่างจนปัญญาว่า นี่ก็ถือว่าเป็นภัยพิบัติชนิดหนึ่งของฟาร์มปลาเช่นกัน ถ้าพวกเราไม่ไปก็คงไม่ดีเท่าไรนัก
พอกลับมาถึงฟาร์มปลาฉินสือโอวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที สวนผักของเขาถูกทำลายจนเสียหาย ผักกาดขาว ผักปวยเล้ง ผักชี ต้นหอมใหญ่ หน่อกระเทียมที่อยู่ในสวนถูกกัดกินจนเละเทะ กระทั่งแคร์รอตกับหัวไชเท้าที่อยู่ในดิน ก็ยังถูกขุดขึ้นมาทั้งหมด…
“พ่อมันสิ้น ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด! สารเลวเกินไปแล้ว!” ฉินสือโอวโมโหขึ้นมาทันที
นี่น่าจะเป็นเหมือนคำสแลงประโยคนั้นของแคนาดา ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ตนเองเดือดร้อน นั่นก็เป็นเพียงเรื่องน่าสนุก
ก่อนนอนหลับในตอนกลางคืน ฉินสือโอวลากปอหลัวเข้ามาอยู่ในห้องรับแขก ไม่ให้มันเข้าไปในฟาร์มปลา ถ้าถูกคนเข้าใจผิดจนโดนยิง คงจะสนุกแน่แล้ว
มื้อเช้าวันถัดมา ฉินสือโอวก็ได้เห็นไข่นกจมูกหลอดหางสั้นที่คุ้นเคย มันผ่านกรรมวิธีปรุงอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไข่นกทอดเอย ข้าวผัดไข่นกเอย ไข่นกต้ม ไข่นกดอง นับว่าเป็นอาหารมื้อใหญ่ที่ทำจากไข่นกทั้งสิ้น
ช่วยไม่ได้ ช่วงก่อนหน้านี้ฟาร์มปลาได้ไข่นกมาเยอะเกินไป จนถึงตอนนี้ก็ยังหาไข่ของนกบนชายหาดได้อยู่ และเนื่องจากพอนกออกไข่แล้วไข่ก็ถูกหิมะแช่แข็งเอาไว้ทันที ทำให้คุณภาพของไข่นกที่เก็บมาในตอนนี้ก็ยังดีอยู่เหมือนเดิม
เมื่อทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ขึ้นกระบะของชาร์ค เพื่อไปรวมตัวกันในเมือง
เบิร์ดขับรถอยู่ด้านหน้า ฉินสือโอว นีลเซ็น ชาร์ค ซีมอนสเตอร์กับอีวิลสันนั่งอยู่ที่ท้ายรถกระบะ ในมือของแต่ละคนถือปืนเอาไว้ เหมือนกับทหารนักรบในแอฟริกาไม่มีผิด
คณะล่ากวางขับรถกระบะออกไปทั้งหมดสิบสองคัน มีจำนวนคนสี่สิบกว่าคน บรรดานักท่องเที่ยวก็ถ่ายภาพเอาไว้อย่างต่อเนื่อง มีคนโพสต์ลงในเวยป๋อแล้วบอกว่านี่คือกองกำลังติดอาวุธของแคนาดา พอรวมกับรูปที่ถ่ายก็ยังมีคนในประเทศจีนที่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง…
ฉินสือโอวรู้สึกว่าชาวเมืองทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็แค่กวางไม่กี่ตัวลงมาจากภูเขา ถึงกับต้องพาคนมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ก็แค่สิงสาราสัตว์ลงมาแค่ไล่พวกมันไปก็พอแล้วไหม?
แต่พอรถกระบะขับออกมานอกเมือง ฉินสือโอวก็รู้สึกว่า จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆ นั่นล่ะ
ฝูงกวางจากเทือกเขาเคอร์บัลยุ่งเหยิงวุ่นวาย มีทั้งกวางแดง กวางเรนเดียร์และกวางอูฐ พวกมันลงมาจากภูเขาเพื่อหาอาหาร แต่พืชพันธุ์ที่ตีนเขาก็ถูกหิมะกลบหมดแล้ว ดังนั้นพวกมันจึงบุกเข้าไปในสวนผักของชาวเมือง เพื่อกินพืชผักใบหญ้าในสวน
สวนของชาวเมืองล้วนแต่ใช้รั้วไม้ล้อมรอบ เครื่องป้องกันคนดีไม่และกันคนโกง ฝูงกวางที่กำลังหิวโหยสามารถชนรั้วไม้พวกนั้นจนพังได้อย่างง่ายดาย เป็นอันตรายต่อที่พักอาศัยของชาวเมืองอย่างมาก
นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดประสงค์ที่ต้องไล่ฝูงกวางไปก็คือเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันทำร้ายผู้คน ในทุกๆ ปีทั้งสามรัฐบนท้องทุ่งหญ้าของแคนาดาจะมีเหตุการณ์กวางทำร้ายผู้คนจนได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะกับเด็กๆ จะยิ่งเป็นอันตราย
พอขับรถออกมานอกเมืองก็ได้เจอกับฝูงกวางเรนเดียร์หนึ่งฝูง มีกวางอยู่ประมาณหกเจ็ดตัว พวกมันกำลังขุดพื้นหิมะเพื่อกินรากหญ้า
ฉินสือโอวยกปืนขึ้นมาทันที แต่กลับได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถดังขึ้นมาก่อน ฝูงกวางพวกนี้หนีพวกเขาไปตั้งแต่ตอนที่ยังห่างกันอยู่ไกลๆ
เนื่องจากหิมะตกหนัก การเดินทางบนถนนจึงไม่ดีนัก ถนนรอบๆ เมืองแฟร์เวลก็ล้วนแต่เป็นถนนหน้าดิน ผิวถนนจึงกลายเป็นกองเลน ต่อให้เป็นรถกระบะก็ยังขับผ่านได้อย่างยากลำบาก
ฝูงกวางวิ่งหนีไปในทุ่งกว้าง พอรถกระบะวิ่งไปได้ระยะหนึ่งล้อรถก็ตกลงไปในหลุมโคลนจนเครื่องยนต์ดับ
ฉินสือโอวไม่รู้จะทำยังไงดี ทุกๆ คนจึงต้องกระโดดลงมาลากรถ ล้อถึงจะหมุนออกมาได้
คณะล่ากวางไม่ได้มีการทำงานที่เหมือนกัน พอออกมาจากเมืองพวกเขาก็แยกย้ายกันแล้ว พวกเขามีจุดประสงค์แค่หนึ่งเดียว เพื่อไล่ฝูงกวางออกไปจากเมืองยิ่งไล่ไปได้ไกลเท่าไรก็ยิ่งดี ให้พวกมันกลับขึ้นไปบนภูเขาได้ก็จะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นคงต้องฆ่าไม่ให้เหลือ
เห็นรถดับ ฝูงกวางที่วิ่งไปไกลแล้วก็หยุดฝีเท้าลง กวางตัวผู้ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็ยังวิ่งกลับมาถึงหนึ่งระยะ ถึงแม้จะเห็นท่าทางและแววตาของพวกมันได้ไม่ชัดเจน แต่ฉินสือโอวรู้แน่ชัดว่าเจ้าพวกนั้นกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่
กวางตัวผู้ตัวนี้รนหาที่ตายแล้ว ระยะทางไม่เกินสองร้อยกว่าเมตร ถึงจะเกินระยะยิงของปืนลูกซอง แต่นีลเซ็นก็ยังพกปืนเอสไอจีมาอีกกระบอก
ผลักประตูรถออกไป นีลเซ็นยื่นปืนออกไปนอกรถจากนั้นก็เล็งแล้วลั่นไกด้วยความรวดเร็ว เพียงแค่ได้ยินเสียง ‘ปังๆๆ’ เสียงปืนดังกังวานสามครั้ง กวางตัวผู้ตัวนั้นเดินโซซัดโซเซไปได้สองก้าว ก็ล้มตัวลงนอนกระตุกตัวอยู่บนพื้นทันที
ฉินสือโอวตาเป็นประกาย เขาพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า “วิถีปืนเยี่ยมมาก ไอ้น้อง!”
นีลเซ็นยิ้มอย่างสำรวมและตอบเขาว่า “บอส อย่าลืมสิครับว่าผมเป็นมือปืนซุ่มยิงในหน่วยรบพิเศษ”
“ถ้าอย่างนั้นนายไล่กวางพวกนี้ด้วยตัวคนเดียวไหม?”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ? ผมเป็นมือปืนซุ่มยิงนะ ไม่ใช่เดอะฮัลค์…”
“อืม นายเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักอย่าง”
พอขนซากกวางตัวผู้ขึ้นมาไว้บนรถกระบะแล้ว ทุกๆ คนยังต้องขับท่องไปรอบๆ กวางเรนเดียร์ในคราวแรกตกใจจนวิ่งหนีไปแล้ว เพราะพวกเขาไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะฆ่าล้างบาง ดังนั้นแค่ขู่ให้หนีไปก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องตามไปฆ่า
ชาร์คหารอยเท้ากวางบนพื้นหิมะ เขาประมาณการทิศทาง แล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกเราลองขับรถไปดูก่อน อาจจะมีร่องรอยของกวางแดงอยู่”
………………………………………….
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 388 ฝูงกวางเจ้าเล่ห์
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!