เช้าวันต่อมา ฉินสือโอวพาทุกๆ คนมาทำงานต่อ จัดการนำชุดอุปกรณ์ของโรงเรือนที่เหลือเข้ามาติดตั้ง
เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดความชื้น อุปกรณ์ให้แสงสว่าง เครื่องผลิตแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ หัวฉีดน้ำแบบง่ายๆ ชุดอุปกรณ์ประกอบกองโตถูกติดตั้งตามคู่มือแนะนำ ถึงจะนับว่าสร้างโรงเรือนเพาะปลูกทั้งสองหลังเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เปิดม่านโรงเรือนเพาะปลูกออกแล้วมุดเข้าไป ฉินสือโอวตัวสั่น เขาพูดพร้อมกับคิ้วที่กำลังขมวดเข้าหากัน “มีปัญหาตรงไหนหรือเปล่านะ? ให้ตายเถอะ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าอุณหภูมิข้างในโรงเรือนเพาะปลูกมันหนาวยิ่งกว่าข้างนอกเสียอีกล่ะ? นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย”
คุณประโยชน์ของโรงเรือนเพาะปลูกก็คือการรักษาความอบอุ่น หากรักษาความอบอุ่นไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นแค่ขยะ
บิลอธิบายว่า “นี่เป็นเรื่องปกติมาก โรงเรือนเพาะปลูกไม่ได้มีปัญหาอะไร นี่เรียกว่าปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผัน เนื่องจากอุณหภูมิด้านนอกโรงเรือนเพาะปลูกในบริเวณที่สูงจะสูงกว่าบริเวณที่ต่ำกว่าในตอนกลางคืน และด้วยการรบกวนของลม พื้นดินบริเวณใกล้ๆ กับโรงเรือนเพาะปลูกอาจจะได้รับความร้อนจากอากาศด้านบน แต่เนื่องจากในโรงเรือนเพาะปลูกมีการกีดขวางของอุปกรณ์ที่ใช้ปกคลุมโรงเรือน จึงทำให้ไม่ได้รับความร้อนในส่วนนี้”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเริ่มพูดต่อ “นอกจากนี้ โรงเรือนเพาะปลูกของพวกเราก็เพิ่งจะถูกสร้างขึ้น ดินมีความหนาวเย็นมาก ไม่มีการเก็บสะสมความร้อน เมื่อรวมกับผ้าใบโพลีเอทิลีนที่มีอัตราการแผ่คลื่นความยาวได้ค่อนข้างสูง ทำให้การรักษาความอบอุ่นลดน้อยลง พื้นดินมีการแผ่รังสีความร้อนมาก มีการกระจายความร้อนสูง อุณหภูมิในโรงเรือนเพาะปลูกย่อมต่ำกว่าเป็นธรรมดา”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ เขาถามเบิร์ดที่อยู่ข้างๆ ว่า “นายฟังรู้เรื่องไหม?”
เบิร์ดพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วพูดกับเขาว่า “ใช่แล้ว บอส ผมเข้าใจแล้ว”
ฉินสือโอวก็รู้สึกนับถือเขาขึ้นมาทันที เขาพูดกับเบิร์ดว่า “ไม่เสียแรงที่เป็นจ้าวแห่งทหารหน่วยรบพิเศษ มา บอสจะทดสอบนายหน่อย ใช้คำพูดแบบคนธรรมดาทั่วไปอธิบายเรื่องที่บิลเพิ่งพูดมาเมื่อกี้หน่อยสิ พยายามพูดให้กระชับแต่ได้ใจความสำคัญนะ”
จากนั้นเบิร์ดก็อธิบายอย่างกระชับจริงๆ “โรงเรือนเพาะปลูกไม่ได้เสีย”
ฉินสือโอว “…”
ในช่วงฤดูหนาว เพื่อที่จะลดการสูญเสียความร้อนในโรงเรือนเพาะปลูกและเพื่อที่จะเพิ่มอุณหภูมิในอากาศและในดิน จึงต้องพยายามปิดโรงเรือนเพาะปลูกให้มิดชิดที่สุด
บิลแนะนำให้ฉินสือโอวติดตั้งฉากกันลมไว้รอบๆ โรงเรือนเพาะปลูก หรือถ้าหากว่าต่อมาอากาศหนาวเกินไป ก็ยังสามารถใส่แผ่นหญ้า ผ้าไม่ถักทอ และโฟมพลาสติกและวัสดุอื่นๆ ไว้ด้านในเพิงของโรงเรือนเพาะปลูก เพื่อใช้เป็นฉนวนรักษาความร้อนแบบพิเศษ
ฉินสือโอวคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น เขามีพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน พืชผักจะแข็งตายง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไง?
เขาถึงกับไม่ได้ใช้ต้นกล้าในการเพาะปลูก แต่แบ่งพื้นที่ในโรงเรือนเพาะปลูกแล้วนำเมล็ดพันธุ์มาปลูกลงไปโดยตรง
กะหล่ำป่า กะหล่ำดอก มะเขือเทศ ผักกินใบ ขึ้นฉ่าย พริก ฟักแม้ว ถั่วฝักยาว ถั่วแขก มันฝรั่ง ผักปวยเล้ง ผักกวางตุ้งจีน บรอกโคลี ขอเพียงแค่เป็นผักที่หาซื้อเมล็ดพันธุ์ได้ นอกจากนี้ยังมีพันธุ์พืชที่ปลูกขึ้นเองในช่วงฤดูไม้ร่วง ต่างก็ถูกนำมาปลูกทั้งหมด
บิลมองดูด้วยความตกตะลึงจนตาค้าง นี่ไม่ใช่ปลูกผักแล้ว นี่หาเรื่องให้มันตายชัดๆ! ไม่ได้นำเมล็ดพันธุ์ไปเพาะในกล่องเก็บอุณหภูมิให้งอกจนกลายเป็นต้นกล้าแล้วค่อยย้ายที่ปลูก แล้วมันจะโตได้ยังไงกัน? อากาศหนาวเกินไป อาจจะหนาวจนมันไม่โตเลยก็ได้
ฉินสือโอวใช้ปั๊มน้ำสูบน้ำขึ้นมาจากบ่อน้ำร้อน ยังไงก็เป็นน้ำจืดทั้งหมดอยู่แล้ว แถมยังมีเกลือแร่ที่สำคัญอยู่หลายอย่าง นำมารดน้ำผักก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไหลลงไปสู่พื้นดินพร้อมกับน้ำจากบ่อน้ำร้อน เมล็ดพันธุ์พืชมักจะดูดซึมพลังพวกนี้เข้าไป ถ้าหากพวกมันยังไม่โตขึ้นอีก ต่อไปฉินสือโอวก็คงไม่คิดจะปลูกผักอีกแล้ว
ตอนนี้บริเวณรอบๆ บ่อน้ำร้อนกลายมาเป็นอีกหนึ่งที่พักอาศัยของนกจมูกหลอดหางสั้นแล้ว
ในช่วงฤดูร้อนก็ยังไม่มีอะไร แต่เมื่อมาถึงฤดูหนาวก็จะสามารถสัมผัสความร้อนใต้พิภพที่หมุนวนขึ้นมาจากบ่อน้ำร้อนได้อย่างชัดเจน ในคืนที่ไม่มีหิมะตก พวกนกจมูกหลอดหางสั้นจะมารวมตัวกันที่รอบๆ บ่อน้ำร้อนเพื่อรับความอบอุ่น ถ้าหิมะตกหนัก พวกมันก็จะมุดเข้าไปในป่า
ถึงแม้ว่าใบไม้บนต้นไม้จะร่วงลงมาจนหมดแล้ว แต่กิ่งก้านยังงอกงามอยู่ หิมะตกหนักร่วงหล่นลงด้านบนก็กลายเป็นที่กำบังสำหรับหลบหิมะ ยิ่งหิมะตกหนักเท่าไรก็ยิ่งยากที่จะร่วงลงบนกองหญ้าแห้งที่อยู่บนพื้นเท่านั้น ไม่กี่วันก่อนหน้านี้หิมะตกหนักจนกลายสภาพเป็นแบบนั้น พวกนกจมูกหลอดหางสั้นก็ยังไม่หนาวตาย ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์
ฤดูหนาวปลาใกล้ผืนน้ำน้อย ฉินสือโอวจึงจำเป็นต้องสั่งให้ชาร์คกับคนอื่นๆ ไปซื้อกุ้งแดงมาโปรยไว้บนผิวน้ำเพื่อให้อาหารนกจมูกหลอดหางสั้นพวกนี้
พอเป็นอย่างนี้ ก็เหมือนว่าพวกนกจมูกหลอดหางสั้นจึงถือว่าฟาร์มปลาเป็นบ้านของพวกมัน ต่อให้พวกมันโตแล้วแต่ก็ไม่อพยพตามพ่อแม่ของพวกมันไป อาศัยอยู่ที่ฟาร์มปลาอย่างเชื่องๆ กำหนดเวลาในการกินอาหาร นานๆ ครั้งถึงจะกินอาหารเพิ่ม พอหนาวก็มุดเข้าอยู่ในกองหญ้า พอเบื่อก็ออกมาแกล้งแหย่หู่จือกับเป้าจือ
สำหรับการอยู่อาศัยของนกจมูกหลอดหางสั้น ฉินสือโอวยินดีต้อนรับพวกมัน นั่นก็เพราะว่าเนื้อของนกชนิดนี้รสชาติดีมากๆ…
หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ผักเรียบร้อยแล้ว งานนี้ก็ยังไม่นับว่าเสร็จสิ้น โรงเรือนเพาะปลูกยังมีถุงน้ำสีดำที่เป็นอุปกรณ์อีกหนึ่งอย่าง มันเป็นถุงพลาสติกสีดำที่เติมน้ำจนเต็มนั่นเอง ในระยะห่างห้าหกเมตรต้องวางถุงพลาสติกพวกนี้ไว้หนึ่งถุง
ถุงน้ำสีดำพวกนี้เป็นของดี อย่างแรกหลังจากเก็บน้ำไว้แล้ว เนื่องจากสีดำสามารถดูดซึมแสงอาทิตย์ได้ดี จึงสามารถใช้ข้อดีของความร้อนจำเพาะจากน้ำได้มาก ถุงน้ำดูดซับความร้อนในตอนกลางวันจะกลายเป็นการสะสมความร้อน ซึ่งจะค่อยๆ ปล่อยออกมาในตอนกลางคืน ทำให้อุณหภูมิของโรงเรือนเพาะปลูกสูงขึ้นมา
นอกจากนี้ ถ้าหากพื้นดินในโรงเรือนเพาะปลูกขาดแคลนน้ำอย่างหนัก เมื่อเปิดถุงน้ำพวกนี้ออกก็จะสามารถบรรเทาความแห้งแล้งได้
ฉินสือโอวคิดว่านี่เป็นของดีอย่างหนึ่ง เขาจึงตั้งใจโทรศัพท์ไปบอกพ่อกับแม่ โรงเรือนเพาะปลูกเล็กๆ ของที่บ้านรักษาความอบอุ่นได้ยากมาก ถ้ามีของแบบนี้อยู่ก็คงสะดวกสบายขึ้นไม่น้อย
เมื่อคืนวานนี้ ฉินสือโอวลองตรวจเครื่องวัดความชื้นดูสักหน่อย ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศอยู่ที่ 88% ต้องระวังตอนกลางคืน ถ้าอุณหภูมิผ้าใบพลาสติกของโรงเรือนเพาะปลูกลดลง ก็อาจจะมีละอองน้ำรวมกันอยู่ที่ผนังด้านในได้ ต่อไปถ้าละอองน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งในตอนกลางคืนร่วงใส่ต้นกล้าที่ยังเปราะบาง ก็อาจจะให้พวกมันได้รับความหนาวเย็นจนเกิดความเสียหายหรือทำให้ตายได้
บิลติดตั้งเครื่องดูดอากาศสำหรับโรงเรือนเพาะปลูกให้ฉินสือโอวอีกหนึ่งอย่าง เขาบอกกับฉินสือโอวว่า หลังจากนี้ถ้าต้นกล้างอกออกมาแล้วในตอนเย็นของทุกๆ วันก็จะต้องดูดอากาศออกมาหนึ่งครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้างในมีไอน้ำอยู่มากเกินไป
นอกจากนี้ การถ่ายเทอากาศเป็นประจำก็ยังมีข้อดีอีกหนึ่งอย่าง ถ้าปิดโรงเรือนเพาะปลูกอย่างหนาแน่นจนเกินไป ก็จะสะสมแก๊สที่เป็นอันตรายอย่างพวกแก๊สแอมโมเนีย แก๊สไนโตรเจนไดออกไซด์ แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เอทิลีนได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมีผลเสียต่อการเจริญเติบโตของผัก
ในตอนท้าย บิลได้มอบหนังสือหนาๆ เล่มหนึ่งให้กับฉินสือโอว พอฉินสือโอวลองอ่านดูเขาก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ขึ้นมาทันที หนังสือหนึ่งหมื่นเหตุผลที่ต้องสร้างโรงเรือนเพาะปลูก!
“ผมไม่ต้องใช้ของแบบนี้หรอก ผมแค่อยากกินผักสดๆ ก็แค่นั้น จำเป็นต้องศึกษาจนทะลุปรุโปร่งขนาดนี้เลยเหรอ?” ฉินสือโอววางมันลงข้างๆ
วินนี่ก็กลอกตาใส่เขาหนึ่งครั้ง เธอหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเก็บไว้ ไม่ใช่เพราะเธอคิดว่ามันมีประโยชน์ แต่จะปล่อยให้บิลรู้สึกผิดหวังไม่ได้ ยังไงนี่ก็เป็นความหวังดีอย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอ?
หลังจากปลูกผักเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็เริ่มใฝ่ฝัน ใฝ่ฝันถึงวันที่จะได้เก็บเกี่ยวผักพวกนี้
แต่ความเป็นจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า จะได้รับผลตอบแทนก็ต้องลงแรงไปก่อน ไม่ใช่ว่าพอสร้างโรงเรือนเพาะปลูกเสร็จก็ไม่ต้องดูแลอะไรแล้ว ค่ำวันนั้นฟ้าพึ่งจะมืดได้ไม่เท่าไร อยู่ๆ หู่จือกับเป้าจือที่นอนอยู่ตรงประตูวิลล่าก็เห่าออกมาเสียงดัง
ฉินสือโอวลองออกมาดู ก็เห็นเงาหลายๆ เงาของขโมยกำลังวิ่งไปรอบๆ โรงเรือนเพาะปลูก
เขารีบใช้โคมไฟทังสเตนส่องเข้าไป พอได้เห็นก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที ที่แท้ก็เป็นฝูงกวางอูฐนี่เอง!
เมื่อถูกแสงไฟสว่างจ้าสาดเข้าใส่รวมถึงเสียงขู่คำรามของหู่จือกับเป้าจือ กวางอูฐพวกนี้ก็พากันตกใจ แล้วรีบวิ่งหนีไปทันที พอฉินสือโอวเข้าไปดูก็รู้สึกปวดใจขนาดหนัก โรงเรือนเพาะปลูกหลังนี้เพิ่งจะสร้างเสร็จได้ไม่นาน ก็ถูกพวกเลวนั่นฉีกม่านของโรงเรือนเพาะปลูกออกจนเป็นรูขนาดใหญ่ พรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนใหม่อีกรอบ
มองดูฝูงกวางที่กำลังวิ่งหนีกระวีกระวาด ฉินสือโอวก็เกิดความรู้สึกเกลียดชังขึ้นมาในใจ ไม่แปลกใจเลยที่คนในเมืองพากันเกลียดฝูงกวางพวกนี้ พวกมันน่ารำคาญเกินไปแล้ว!
ปอหลัวเห็นพ่อโมโหขนาดนี้ ดังนั้นมันจึงเริ่มแสดงความสามารถบ้างแล้ว มันวิ่งตามไปอย่างสุดฝีเท้า ปากก็ร้องอี๊ๆ ๆ ไปด้วย ไล่ฝูงกวางอูฐไปจนไกลลิบแล้วถึงได้วิ่งกลับมา
ฉินสือโอวเดินกลับมาที่วิลล่าด้วยความกลัดกลุ้มใจ กำลังจะเตรียมตัวไปเฝ้ายามกลางคืนที่โรงเรือนเพาะปลูกด้วยตัวเอง แต่ปรากฏว่าปอหลัวกลับนอนอยู่ในนั้นแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะอยากช่วยเฝ้าโรงเรือนเพาะปลูกให้เขา
ฉินสือโอวรู้สึกดีใจอยู่ครู่หนึ่ง สัตว์เลี้ยงในบ้านพวกนี้มีประโยชน์ทุกตัวเลย เขานึกว่าทุกๆ วันนอกจากปอหลัวจะทะเลาะกับสัตว์ตัวอื่นกับก่อปัญหาก็คงไม่ทำงานอย่างอื่นแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่า มันก็ช่วยงานในฟาร์มปลาได้เหมือนกัน!
……………………..……………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 392 ปลูกผักสวนครัว
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!