ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 415 สำรวจร้านปืน

กลางคืนกลับมาในห้อง ฉินสือโอวเอนตัวอยู่บนเตียงอย่างเรื่อยๆ เฉื่อยๆ หลังจากอาบน้ำใส่เสื้อผ้าแล้ววินนี่ก็เป่าขนให้หลัวปอแล้วกอดกันอยู่บนเตียง พอเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวก็กระแอมไอออกมาหนึ่งครั้ง เขาเหล่ตามองหลัวปอแล้วส่งรอยยิ้มชั่วร้ายไปให้มัน
หลัวปอที่กำลังรับอ้อมกอดอุ่นๆ ของวินนี่ก็ถอยออกไปทันที มันใช้สายตาอ่อนโยนมองไปที่แม่ของมันด้วยท่าทางน่าสงสาร แล้วกระโดดลงจากเตียงไปอย่างเงียบๆ นอนนิ่งๆ อยู่ตรงปลายเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก
วินนี่มองดูมันด้วยความประหลาดใจ เธอโบกมือแล้วพูดกับมันว่า “มานี่ ลูกรัก ทำไมหนูไม่เข้ามาให้แม่กอดล่ะ? เดี๋ยวแม่กอดหนูนอนดีไหม?”
หลัวปอกำลังเงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจ ฉินสือโอวก็กระโดดลงมาจากเตียง เขาใช้กำลังและความรวดเร็วยกมันขึ้นอย่างฉับพลันแล้วส่งมันไปไว้ข้างในเบาะนอนของหู่จือกับเป้าจือ หลังจากนั้นก็หันกลับมายิ้มให้วินนี่พร้อมทั้งพูดกับเธอว่า “ที่รัก ลูกเราโตแล้ว ตอนนี้เธอต้องนอนกับพวกพี่ชายแล้วล่ะ”
วินนี่ฉลาดทันคน แค่ครู่เดียวก็เดาออกแล้วว่าฉินสือโอวคงจะอาศัยช่วงเวลาที่เธอไม่อยู่ในตอนกลางวันฝึกหลัวปอไปแล้วแน่ๆ เธอจึงกลอกตาใส่เขาหนึ่งครั้ง ให้เขาพูดความจริงออกมา
ฉินสือโอวขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับรอยยิ้มร้าย แล้วพูดกับเธอว่า “มาดาม คุณต้องการให้ผมบริการคุณยังไงดีครับ? ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่ หรือว่าคุณจะลงโทษผมแทนล่ะครับ? ผมเคยดูหนังเรื่องกองพันเชือดนิ่มพวกตำรวจหญิงในหนังชอบใช้หน้าอกใหญ่ๆ ลงโทษคนร้ายให้หายใจไม่ออกที่สุดเลย”
วินนี่คิกคักพร้อมทั้งผลักเขาออกไป แต่ปรากฏว่าผลักอยู่สองสามครั้งก็ผลักจนเขาเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
มองดูอ้อมกอดอบอุ่นที่เคยเป็นของตัวเองโดนคนชั่วแย่งไปใบหน้าของเด็กน้อยหลัวปอก็เต็มไปด้วยความปวดร้าว มันร้องอ๋าวๆ อยู่ครั้งสองครั้ง วินนี่พยายามดิ้นให้หลุดจากฉินสือโอวที่กำลังก่อกวนไม่หยุด แต่ปรากฏว่าวงแขนแข็งแรงคู่หนึ่งก็โอบล้อมอ้อมอกขาวๆ นุ่มๆ ของเธอเอาไว้ ดึงเธอกลับเข้าไปในเกลียวคลื่นสีแดงอีกครั้ง
หลัวปอยังอยากจะร้องต่อ หู่จือกับเป้าจือยกเอาอุ้งเท้าลงไปวางบนลำตัวทั้งสองด้านของมัน จากนั้นก็เผยรอยยิ้มเสแสร้งแล้วยัดหัวเข้าไปไว้ตรงด้านหน้าของมัน…
ตั้งแต่พบว่าหมูในฟาร์มหายไปหนึ่งตัว ฉินสือโอวก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับวินนี่เลย โดยเฉพาะหลังจากรับหลัวปอมาเลี้ยงก็ยิ่งสาหัส แม้แต่มือของวินนี่ ฉินสือโอวก็ไม่ได้จับ
ดังนั้น คืนนี้ฉินสือโอวจึงทำมันครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างบ้าคลั่งจนฉงต้าก็ยังนอนไม่หลับ ต้องดันประตูห้องแล้ววิ่งหนีลงไปห้องรับแขก
วันต่อมาวินนี่ตื่นสายกว่าปกติ เธอจึงไม่ได้ไปวิ่งตอนเช้ากับฉินสือโอวอย่างที่เห็นได้ไม่บ่อยนัก
ดังนั้นฉินสือโอวจึงต้องรับหน้าที่ทำอาหารเช้า หลังจากนั้นเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอขับรถเอง แต่ขับรถเข้าไปส่งเธอในเมืองแล้วรับโหวจื่อเซวียนติดรถมาด้วยกันเพื่อพาอีกฝ่ายไปเที่ยวเล่นที่ร้านปืน
พอขึ้นรถคาดิลแลควันมาแล้ว โหวจื่อเซวียนก็ค่อนข้างตื่นเต้น ฉินสือโอวพูดกับเขาว่าก็แค่ไปดูปืนเองไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้? เขาลืมไปแล้วว่าสภาพของตัวเขาเองตอนที่ซื้อปืนช่วงที่เพิ่งมาถึงเกาะแฟร์เวลเป็นยังไง ถึงโหวจื่อเซวียนจะตื่นเต้น แต่ก็ไม่ถึงกับนอนกอดปืนก็แล้วกัน
โหวจื่อเซวียนบอกว่าที่จริงเขาไม่ได้ตื่นเต้นแค่เพราะว่าจะได้ไปร้านปืน แต่รถคาดิลแลควันคันนี้ก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน ของที่เขาชอบที่สุดมีอยู่สองอย่าง นั่นก็คือปืนกับรถ มาเกาะแฟร์เวลครั้งนี้นับว่าได้เติมเต็มความปรารถนาของเขาแล้ว
ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขาแอบคิดในใจว่าโชคดีที่วันนี้ไม่ได้ขับพอร์ช ไม่อย่างนั้นเจ้าหมอนี่ต้องตื่นเต้นจนสติแตกแน่นอน
ร้านปืนตั้งอยู่บนบริเวณเหนือสุดของเมือง เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นร้านวอลมาร์ต แต่ปรากฏว่าคนในเมืองก็ยิ่งน้อยลงไปทุกวัน ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้จึงต้องเลิกกิจการไป ตึกนี้จึงว่างมาตลอด จนกระทั่งซาโกรมาเช่าเพื่อปรับเปลี่ยนเป็นร้านปืน
ตึกหลังนี้เป็นอาคารสองชั้น ชั้นสองทำเป็นห้องนอนกับห้องครัวของซาโกร ส่วนชั้นหนึ่งก็เป็นร้านปืน ครอบคลุมพื้นที่ขนาดประมาณสามพันตารางเมตร เรียกได้ว่ามีพื้นที่กว้างใหญ่
ซาโกรใช้การปรับปรุงการก่อสร้างแบบพิเศษ หน้าต่างของชั้นหนึ่งใช้โครงเหล็กเชื่อมปิดไว้ทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนแอบเข้ามาในร้านปืน ประตูของร้านปืนก็เป็นประตูเหล็กหนาขนาดใหญ่สองบาน มีบรรยากาศแบบสงครามเย็น ที่จับประตูทำมาจากปืนฟรินท์ล็อกรุ่น 1547 บนบานประตูแกะสลักเป็นรูปปืนดังสิบรุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเอาไว้ ดูแล้วเต็มไปด้วยความรู้สึกป่าเถื่อน
ฉินสือโอวก็เข้ามาในร้าน ซาโกรกำลังแนะนำปืนพกยูเอสพีให้ลูกค้าทั้งสองคนฟัง พอมองเห็นฉินสือโอวใบหน้าของเขาก็ปรากฏความตื่นเต้นดีใจออกมา เขาโบกมือไปมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “บอสใหญ่ ทำไมวันนี้นายถึงมีเวลามาที่นี่ล่ะ?”
“ฉันมาตรวจดูการทำงานของนายน่ะ” ฉินสือโอวพูดพร้อมรอยยิ้ม เขาแสดงสีหน้าท่าทางเพื่อบอกให้ซาโกรทำงานต่อก่อน เดี๋ยวเขาจะเดินดูรอบๆ เอง
ซาโกรจัดวางร้านปืนได้ไม่เลวเลย เหมือนกับซูเปอร์มาร์เก็ต ปืนคนละรุ่นก็วางไว้คนละที่แยกกันตามประเภท บนผนังก็แขวนปืนลูกซองกับปืนไรเฟิลเอาไว้ข้างบน ส่วนปืนพกก็วางไว้ในเคาน์เตอร์กระจกใส เคาน์เตอร์วางของทำมาจากกระจกนิรภัยเทมเปอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุสุดวิสัยอย่างเช่น มีคนมาขโมยปืน
ทางด้านขวาของประตูร้านมีปืนกลแม็กซิมอยู่หนึ่งกระบอก นี่เป็นปืนที่เก่ามากๆ โครงตั้งสามขาถูกเชื่อมติดกับพื้น กระบอกปืนถูกขัดจนเป็นประกายเงาวับ สามารถมองเห็นเกียรติยศและความยิ่งใหญ่ในอดีตของมันได้รางๆ
ด้านข้างปืนกลคือสายพานกระสุน ทว่าด้านในจะมีแต่ปลอกกระสุนเท่านั้น ไม่มีหัวกระสุน หลังจากฉินสือโอวนั่งลงข้างหลังปืน เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเทพผู้ควบคุมความตาย ต่อจากนั้นเขาก็สละที่นั่งให้โหวจื่อเซวียน พร้อมทั้งช่วยเขาถ่ายรูปติดต่อกันหลายใบ
ด้านหลังตู้เคาน์เตอร์ที่อยู่ตรงประตูทางเข้าแขวนปืนเอเคไว้หนึ่งชุด มีปืน AK-47 AK-74 AK-74U AKM เป็นต้น ราชาปืนตระกูลคาลาชนิคอฟแสดงความยิ่งใหญ่ของมันให้แขกที่มาเยี่ยมชมทุกคนได้เห็น
เดินวนดูรอบหนึ่ง เพื่อนนักเรียนเจี้ยนผานโฮ่วก็เริ่มขยิบตาให้ฉินสือโอวอย่างกระวนกระวายใจ ฉินสือโอวก็เข้าใจได้ในทันที เขาพูดกับซาโกรว่า “นายเอาปืนมาให้ฉันหน่อยสักสองสามกระบอก ฉันจะไปเอายิงเล่นที่สนามยิงปืน แล้วก็ช่วยเอามาให้น้องชายคนนี้อีกสองกระบอกนะ”
ซาโกรมองเจี้ยนผานโฮ่วแล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า “โอเค เพื่อน นับว่านายมีความสามารถนะ ที่พูดให้บอสใหญ่ของเราช่วยออกหน้าได้ ดูท่าว่านายน่าจะเป็นพวกชอบลองเสี่ยงสินะ”
ดูจากสีหน้าของซาโกร ความทรงจำของเขาที่มีต่อเจี้ยนผานโฮ่วคงจะฝังลึกน่าดู ก่อนหน้านี้เจี้ยนผานโฮ่วคงจะรบกวนเขามาไม่น้อย
ฉินสือโอวให้เจี้ยนผานโฮ่วเลือกปืน มาคราวนี้เจี้ยนผานโฮ่วอยากจะสัมผัสกับเสน่ห์ของปืนกล จึงเลือกปืน AKM กับปืน AR-15 ซึ่งนับว่าเขารู้ข้อบกพร่องของตัวเองดี แรงสะท้อนกลับของปืน AKM น้อยกว่าปืน AK-47 อยู่มาก ถ้าเขาเลือกปืน AK-47 อย่าว่าแต่ซาโกรเลย แม้แต่ฉินสือโอวก็ไม่ยอมให้เขาจับเหมือนกัน
ซาโกรหยิบเอาสัญญาปฏิเสธความรับผิดชอบที่เตรียมไว้สำหรับนักท่องเที่ยวมาให้โหวจื่อเซวียนเซ็น หลังจากนั้นหยิบปืนยาวมาให้พวกเขาทั้งคู่ พร้อมกับส่งซองกระสุนให้ฉินสือโอวอีกหลายอัน แล้วบอกให้เขาระวังเรื่องความปลอดภัย
สนามยิงปืนอยู่บริเวณด้านหลังร้านปืน พื้นที่ว่างเปล่าขนาดสิบกว่าเฮกตาร์ถูกล้อมเอาไว้ บนสนามปักเป้ายิงปืนไว้หลายอัน นอกจากนี้ยังยังมีเป้าปืนรอกไฟฟ้า แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมถึงจะใช้ได้
ฉินสือโอวเลือกใช้ปืนเรมิงตันสำหรับซุ่มยิงรุ่น M700-ADL ก่อนเป็นอันดับแรก ปืนไรเฟิลรุ่นนี้เป็นที่บริษัทเรมิงตันอาศัยความยอดเยี่ยมของปืน M700 พัฒนาจนได้ปืนสำหรับซุ่มยิงหนึ่งชุด ระดับความแม่นยำสูงมาก สูงจนกองทัพอเมริกายังชื่นชอบมัน เจาะจงใช้พื้นฐานของมันมาพัฒนาเป็นปืนซุ่มยิงสำหรับทหาร อย่างเช่นปืน M40A1 ของกองนาวิกโยธินกับปืน M24SWS ของกองทัพบก
ADL เป็นรุ่นที่ใช้ในหมู่พลเรือน อีกทั้งยังเป็นรุ่นที่ถูกที่สุดของปืนชุดนี้ ฉินสือโอวหมอบอยู่กับกระสอบสำหรับยิงปืนแล้วเล็งไปที่เป้า หลังจากนั้นก็เสียบซองกระสุนเข้าไปพร้อมกับปลดล็อกเซฟตี้ของปืน เขาลากไกปืนแล้วลั่นไกด้วยความสุขุม…
‘ปัง’ เสียงดังกังวานดังขึ้นอย่างรุนแรง ฉินสือโอวรู้สึกว่าหูของเขาครึ่งหนึ่งมีเสียงดังหึ่งๆ จนฟังอะไรไม่รู้เรื่องแล้ว…
พ่อเอ็ง ลืมใส่ที่ปิดหูซะงั้น ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองอยู่กับเพื่อนนักเรียนเจี้ยนผานโฮ่วจนเหมือนจะติดโรคทางสมองแบบคนติ๊งต๊องแล้ว
เพื่อนนักเรียนเจี้ยนผานโฮ่วก็ไม่เสียแรงกับที่ฉินสือโอววิจารณ์ เขาทำเรื่องตลกๆ ออกมาอีกแล้ว
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset