ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 416 พนักงานร้านปืน

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังยิงปืน ทางด้านเพื่อนนักเรียนเจี้ยนผานโฮ่วก็กำลังรื้อปืนอยู่ ฝีมือไม่เลวเลย ข้างๆ ตัวก็วางชุดอุปกรณ์มีดสวิสเอาไว้หนึ่งชุด ค่อยๆ ศึกษา รื้อส่วนประกอบของปืนเอเอ็มเคสีเงินสวยกระบอกนั้นออกมา
หลังจากนั้นเจี้ยนผานโฮ่วก็ควักโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูป ขนาดถ่ายชิ้นส่วนปืนก็ยังถ่ายแบบเซลฟี่ ยกยิ้มกริ่ม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข
ฉินสือโอวหันหน้ากลับไปถามเขาว่า “นายไม่ยิงปืนเหรอ มัวเล่นอะไรอยู่ ถ่ายรูปไว้ทำไม? เอากลับไปให้คลังสรรพาวุธของประเทศเราศึกษาเหรอ? ฮ่าๆ ปืน 95 ของพวกเราก้าวหน้ามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องศึกษาจากปืนพวกนี้หรอก”
ได้ยินฉินสือโอวหยอกล้อ เจี้ยนผานโฮ่วก็หัวเราะแหะๆ อย่างเก้อเขินแล้วอธิบายว่า “เมื่อก่อนผมเคยแต่ดูคนอื่นในอินเทอร์เน็ตเขารื้อปืนกัน วันนี้เลยลองบ้าง พอกลับไปแล้วจะได้เอาไปอวดให้คนอื่นๆ ในเว็บบอร์ดดู”
ฉินสือโอวเลิกสนใจอีกฝ่ายแล้วนอนหมอบอยู่กับพื้น เขาใส่ที่ครอบหูแล้วเล็งไปที่เป้าพร้อมทั้งเริ่มทำการคำนวณ
เป้านิ่ง ระยะห่างสองร้อยกว่าเมตร ปืน M700 ของฉินสือโอวติดตั้งกล้องส่องทางไกลกำลังขยายสี่เท่า ในระยะห่างเท่านี้ถ้าเขาจะยิงกลางเป้าก็ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากอะไร
ถึงแม้ว่าตอนนี้ความคุ้นชินในการยิงปืนของเขาจะยังอยู่ในระดับทั่วไป ทว่าเขามีพละกำลังสูง สามารถควบคุมปืนไรเฟิลซุ่มยิงได้อย่างง่ายดาย หลังจากเล็งแล้วก็ลั่นไกออกไป ถึงจะยิงไม่โดนวงสิบแต้ม แต่ถ้าเป็นกลางเป้าก็ไม่มีปัญหาแน่นอน
หลังจากนั้นซาโกรก็เดินเข้ามา ในมือถือถือของชิ้นใหญ่เอาไว้ อาวุธระดับเทพในกลุ่มผู้เล่นเกมซีเอฟของจีน ทรราชแห่งสนามรบ ปืนบาร์เรตต์ M82A1!
มองเห็นเงาร่างของซาโกร เจี้ยนผานโฮ่วก็รีบลงมือด้วยความร้อนรนทันที เขาใช้ท่าทางมือแบบที่เรียกได้ว่าน่าพิศวงงงงวยประกอบปืนเอเอ็มเคเข้าด้วยกัน
ซาโกรรีบเดินเข้ามา ยืนอยู่ด้านหน้าเจี้ยนผานโฮ่วพร้อมทั้งจับจ้องไปที่เขา ฉินสือโอวนึกว่าเขาไม่พอใจที่เจี้ยนผานโฮ่วรื้อปืนออกตามใจชอบ จึงเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย “ช่างมันเถอะ พอล วัยรุ่นก็อยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา ฉันผิดเองแหละที่ไม่ได้คอยดูเขาให้ดี”
ซาโกรส่ายหัว แล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “เจ้าเด็กนี่เคยบอกกับฉันว่าเขาไม่เคยจับปืนยาวมาก่อน แต่ดูจากระดับความชำนาญของเขาในตอนนี้ มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย! เขาโกหกฉันหรือเปล่า?”
เนื่องจากเขาต้องเจอกับนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหลังจากที่ซาโกรเข้ามารับช่วงทำร้านปืน เขาก็พยายามเรียนภาษาจีนอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ท่าทางมือไปจนถึงภาษาจีนพื้นฐาน รวมถึงการประกอบคำภาษาอังกฤษอย่างง่าย การสื่อสารของเขากับนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ได้มีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้
โหวจื่อเซวียนได้ยินซาโกรพูดขึ้นมาแบบนี้ เขาก็รีบอธิบายว่า “ใช่ๆ เมื่อก่อนผมไม่เคยจับมาก่อน แต่ผมดูวิดีโอมาเยอะมาก ผมเลยทำเป็น”
ฉินสือโอวเห็นทั้งสองคนสื่อสารกันอย่างตะกุกตะกักจึงรีบเข้ามาช่วยแปล ซาโกรไตร่ตรองอยู่สักพักกับถามคำถามเขาอีกนิดหน่อย ล้วนแต่เป็นคำถามเกี่ยวกับการจำแนกประเภทปืนและการดูแลรักษาทั้งสิ้น โหวจื่อเซวียนก็สมแล้วกับชื่อเจี้ยนผานโฮ่วบนเว็บไซต์เถียเสี่ย เขาตอบทุกๆ คำถามได้อย่างถูกต้อง
ตอนสุดท้ายเป็นคำถามเกี่ยวกับความช้าเร็วของการประกอบชุดปืนเก่า หลังจากโหวจื่อเซวียนตอบกลับมาซาโกรก็นั่งยองๆ ลงมาพร้อมทั้งถามกับเขาว่า “นายสนใจ มาทำงานที่นิวฟันด์แลนด์ไหม? มาทำงานที่ร้านปืนของพวกเราน่ะ?”
พอได้ยินอย่างนี้ โหวจื่อเซวียนก็ชะงักงันไปทันที จากนั้นจึงจับซาโกรไว้แล้วถามขึ้นมาอย่างดีใจจนแทบบ้าว่า “ได้เหรอครับ?”
ซาโกรพูดกับฉินสือโอวว่า “พวกเราต้องมีพนักงานคนหนึ่ง ต้องเป็นคนจีนที่สามารถสื่อสารกับนักท่องเที่ยวได้อย่างไม่มีอุปสรรค ก่อนหน้านี้ฉันเคยไปติดประกาศรับสมัครที่บริษัทจัดหางาน แต่พวกเขาเรียกเงินเดือนแพงเกินไป ดังนั้น ฉันเลยเห็นว่าเจ้าเด็กนี่ก็ดูเหมือนจะไม่เลวเลย”
ฉินสือโอวไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ เขารู้สึกลังเลนิดหน่อย เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รู้จักโหวจื่อเซวียน ทำงานที่ร้านปืนไม่เหมือนทำงานที่ร้านอาหาร นี่เป็นงานดูแลอาวุธปืน ถ้าหากว่าโหวจื่อเซวียนมีปัญหาเกี่ยวกับนิสัยและอารมณ์ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะยุ่งแน่ๆ
ในสายตาที่แสดงออกถึงความตื่นเต้นและหวั่นวิตกของโหวจื่อเซวียน ฉินสือโอวลากซาโกรมาอีกฝั่งแล้วพูดเรื่องที่เขากังวลให้เขาฟัง ซาโกรที่เป็นผู้ชายแมนๆ ลุยๆ อยู่แล้วก็พูดกับเขาว่า “ไม่หรอก เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกน่า ฉันอ่านแววตาของเขาออก เขาก็เหมือนกับฉัน ที่รักของพวกนี้จริงๆ”
ในเมื่อซาโกรพูดขนาดนี้แล้ว แถมดูท่าทางโหวจื่อเซวียนก็ชอบมันมากๆ ฉินสือโอวจึงยักไหล่น้อยๆ เพื่อบอกเป็นนัยว่าเขาเคารพความคิดเห็นของทั้งสองคน
แต่เขาก็ยังพูดกับโหวจื่อเซวียนอีกว่าอย่าเพิ่งรับตอบรับเรื่องนี้ ที่เมืองแฟร์เวลเขาอาจจะต้องพบกับความยากลำบากหลายอย่าง การสื่อสารที่ไม่ราบรื่น ต้องอยู่ไกลจากเพื่อนสนิท อาหารการกินที่ไม่คุ้นชิน และปัญหาอื่นๆ อีก ให้เขากลับจีนไปก่อนแล้วค่อยๆ คิดให้ดีๆ
โหวจื่อเซวียนจริงจังกับเรื่องนี้ เขาตอบกลับไปว่า “พี่ใหญ่ ผมรู้ว่าพี่หวังดีกับผม แต่ถ้าหากว่าผมได้อยู่กับปืนพวกนี้ไปตลอดชีวิต ผมก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วล่ะครับ แล้วผมก็มีเงินแปดล้านกว่าๆ พี่ว่าผมจะขออพยพได้ไหม?”
ฉินสือโอวบอกให้เขาใจเย็นๆ ก่อน เขาสนับสนุนเรื่องการย้ายถิ่นฐานแต่ไม่ควรรีบร้อน ถ้าแค่มาทำงาน ก็ทำแค่พาสปอร์ตผ่านช่องทางการส่งออกแรงงานก็พอแล้ว แถมยังมีรายรับทางภาษีที่ต่ำกว่า
โหวจื่อเซวียนลองคิดๆ ดูแล้วก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ จะหุนหันพลันแล่นไม่ได้ มาทำงานเป็นแรงงานส่งออกอยู่ที่แคนาดาเพื่อลองดูสถานการณ์ก่อนสักปีครึ่ง นี่ดูจะมีเหตุผลมากกว่า
แคนาดาใช่แดนสวรรค์ไหมน่ะเหรอ? ในสายตาของฉินสือโอวแล้วก็ใช่ เพราะเขามีเงิน มีอำนาจวิเศษ สำหรับคนที่มีเงินร้อยล้านดอลลาร์แคนาดานอกจากขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ ทะเลทรายซาฮารากับป่าอเมซอนแล้ว ทุกๆ ที่ก็เป็นเหมือนกับสวรรค์ทั้งนั้นแหละ
แต่สำหรับคนทั่วไปล่ะ? ไม่ใช่ แน่นอนว่าไม่ใช่ ไม่อย่างนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้คงไม่เกิดเหตุการณ์ผู้อพยพย้ายกลับถิ่นฐานเดิมหรอกใช่ไหม?
ตอนที่ฉินสือโอวคุยกับเพื่อนสมัยเรียนเขาก็พบว่า พวกเพื่อนๆ สมัยเรียนของเขามองเห็นแต่สวัสดิการสังคมที่ดี ระบบประกันชีวิตที่ดีพร้อม กับสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยของแคนาดาที่มีคุณภาพสูงและมีมลภาวะต่ำ
แต่เพราะพวกเขาไม่ได้มาที่แคนาดาจึงยังไม่เห็นอะไรอีกหลายอย่าง อย่างเช่นการเหยียดชาติพันธุ์ รายได้ทางภาษีที่สูง สภาพแวดล้อมที่หางานได้ยาก ความเดียวดายในต่างแดน ความสิ้นหวังจากการไร้ญาติขาดมิตร โรงพยาบาลกับระบบตุลาการที่มีความซับซ้อนเป็นต้น
เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับเข้าทำงานของร้านปืน ฉินสือโอวจึงต้องคุยกับโหวจื่อเซวียนอย่างละเอียดรอบคอบ เขาพูดเล่าปัญหาบางส่วนของแคนาดาให้โหวจื่อเซวียนฟัง พระจันทร์ในต่างประเทศไม่ได้กลมไปกว่าพระจันทร์ที่จีนเลยแม้แต่น้อย
เขาลองยกตัวอย่างให้ฟัง “นายคิดว่าที่แคนาดามีเทคโนโลยีการแพทย์สูง มียาดี ค่าใช้จ่ายน้อยใช่ไหม? แต่นายต้องไม่รู้แน่ๆ ว่าการรักษาของที่นี่จะต้องนัดหมอไว้ก่อนล่วงหน้า ถ้านายนัดหมอไม่ได้ กระทั่งเก้าอี้ผ่าตัดก็ไม่ได้แตะ!”
“นายดูข้อมูลเกี่ยวกับอเมริกาเหนือ คนส่วนมากจะมีหมอส่วนตัว ทนายส่วนตัวกันทั้งนั้น เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าโรงพยาบาลรัฐกับสำนักทนายมันพึ่งพาไม่ได้ยังไงล่ะ! ฉันเคยเห็นสถิติอันหนึ่ง จำนวนการผ่าตัดในหนึ่งสัปดาห์ของศัลยแพทย์หลายคนในแคนาดาเทียบไม่ได้กับหมอในโรงพยาบาลระดับสามของจีนทำงานวันเดียวเลยด้วยซ้ำ!”
โหวจื่อเซวียนเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว เขาถามเสียงสั่นว่า “หนักหนาขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ฉินสือโอวตบไหล่ของเขา แล้วบอกกับเขาว่า “นายไม่ต้องรีบร้อน ไปทำบัตรเพื่อมาทำงานที่นี่ก่อน นอกจากนี้ฉันก็ไม่ได้พูดจนเกินจริง แต่ไม่ว่ายังไงนายก็มีเงินอยู่หลายล้านดอลลาร์ มาถึงที่นี่แล้วก็นับว่าเป็นคนมีฐานะ ที่ฉันพูดน่ะหมายถึงคนธรรมดาทั่วไปกับคนด้อยโอกาสต่างหาก”
ถ้าพูดโดยรวมแล้ว โหวจื่อเซวียนก็ยังรู้สึกตื่นเต้นดีใจและรอคอยด้วยความคาดหวังอย่างมาก เขามาเที่ยวกับบริษัททัวร์เป็นระยะเวลายี่สิบวัน กว่าจะถึงวันกลับก็ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ วันที่เหลืออยู่เขาตัดสินใจไม่ไปกับกรุปทัวร์ แต่มาฝึกงานที่ร้านปืน เพื่อลองปรับตัวดูก่อน
เรื่องนี้ฉินสือโอวไม่ได้ยุ่งด้วย เขารับเอาปืนบาร์เรตต์มาดู นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับปืนไรเฟิลซุ่มยิงที่ดูดุดันขนาดนี้ ปืนเอดับเบิลยูพีของเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าปืนบาร์เรตต์ก็เป็นแค่น้องชายตัวเล็กๆ เท่านั้น กระสุนของปืนรุ่นนี้คือกระสุนขนาด .50 เท่ากับแคร์รอตหนึ่งหัวเลย!
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset