เหมือนคำพังเพยที่ว่า แม่น้ำฉางเจียงคลื่นลูกหลังย่อมดันคลื่นลูกหน้า ในความเป็นจริงแล้วในระยะห่างที่เป็นเส้นตรง คลื่นจะไม่ได้ตามมาติดๆ กัน แต่จะมีช่วงเวลาและระยะทางที่การปะทะจะค่อยๆ คลี่คลายลง ระหว่างยอดคลื่นทั้งสองยอด จะมีผิวน้ำระยะหนึ่งที่นิ่งเรียบ ซึ่งก็คือระยะห่างของความยาวคลื่น
ช่วงระยะห่างของคลื่นสูงสองเมตรจะอยู่ที่ราวๆ ยี่สิบเมตร เรือฮาวิซทมีความยาวประมาณสิบห้าเมตร ความยาวทั้งหมดอยู่ภายในระยะห่างความยาวคลื่น
ขอเพียงแค่อยู่ในระยะห่างความยาวนี้ เรือประมงก็แค่ต้องล่องไปตามคลื่นทะเลที่ม้วนขึ้นลง และเรือประมงจะไม่ถูกยอดคลื่นตัดจนขาด ซึ่งมันน่ากลัวยิ่งกว่าการถูกคลื่นโถมกระแทกเสียอีก ถ้าหัวเรือจมลงไปในทะเลแล้ว เรือก็มักจะจมลงไปทั้งลำแล้วลอยกลับออกมาไม่ได้อีกต่อไป…
ตอนนี้ระดับความสูงของคลื่นมากกว่าห้าเมตรแล้ว ระยะห่างความยาวของคลื่นก็จะยิ่งยาวออกไป มากถึงห้าสิบหกสิบเมตรเต็มๆ ขอแค่ไม่ถูกคลื่นทะเลสาดซัด เรือฮาวิซทก็จะสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย
เงื่อนไขข้อแรกก็คือ เรือฮาวิซทต้องสามารถอยู่บนผิวน้ำในระยะห่างของความยาวคลื่นให้ได้ตลอด และต้องไม่โดนคลื่นทะเลซัดสาด ไม่อย่างนั้นคงจบไม่สวยอย่างแน่นอน อาจจะถูกคลื่นซัดจนคว่ำทันทีเลยก็เป็นไปได้
หน้าที่ของฉินสือโอวไม่ซับซ้อนแต่ก็ลำบากและหนักหนามาก เขาช่วงชิงเวลาก่อนที่คลื่นด้านหน้าจะก่อตัวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้มันนิ่งสงบ จากนั้นนำเรือฮาวิซทให้ข้ามผ่านไป
แค่อย่างเดียวเท่านั้น ถ้าเขาทำสำเร็จต่อเนื่อง ก็ไม่มีทางเกิดความผิดพลาดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ว่าถ้าพลาดล่ะ? ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวสนุกกันได้เลย! ดูจากอุณหภูมิในตอนนี้ มันหนาวจัดจนเหมือนน้ำแข็งของแท้เลยล่ะ!
สาเหตุที่ฉินสือโอวอยู่ในห้องขับเรือไม่ได้และจำเป็นต้องมายืนอยู่บนหัวเรือก็เพราะว่า หากอยู่ในห้องขับเรือจะมองไม่เห็นสภาพผิวน้ำทะเลที่อยู่ใกล้กับเรือที่สุด!
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแสดงพลังอำนาจอย่างน่าเกรงขาม เมื่อฉินสือโอวยื่นแขนออกไป คลื่นทะเลที่ยังไม่ก่อตัวก็ถูกกดเอาไว้ ต่อจากนั้น แลนซ์กับชาร์คก็จะรับช่วงต่อด้วยการบังคับหางเสือให้เรือแล่นผ่านคลื่นน้ำพวกนี้ไป มุ่งหน้าไปอย่างยากลำบากหากแต่ว่ายังปลอดภัย
เมื่อยืนอยู่บนหัวเรือ ฉินสือโอวต้องเผชิญกลับลมหนาวเย็นยะเยือกที่ร้องหวีดหวิวและคลื่นทะเลคลั่งที่ส่งเสียงร้องคำราม แต่ไม่ว่ายังไงในตอนนี้เขาก็ต้องทำใจให้ห้าวหาญ ก็แค่พายุกับคลื่นทะเลไม่ใช่เหรอ? พวกแกเข้ามาพร้อมกันเลยสิ ฉันรีบ!
นิมิตส์บินฝ่าลมมา ท่าทางที่กล้าหาญของนกโจรสลัดที่แสดงออกอย่างเด่นชัดในขณะนี้ มันติดตามฉินสือโอวอยู่ทั้งทางซ้ายและขวา บินร่อนไปมาอยู่บนหัวเรือเหมือนเสาโทเทม ปากของมันก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมาเรื่อยๆ มันเข้าปะทะกับลมพายุอย่างทะนงตัว ไม่ยอมหลบหลีก!
ลมแรงคลื่นสูง เรือฮาวิซทจำเป็นต้องลดความเร็วในการเดินเรือลง แต่ภายใต้คำสั่งของฉินสือโอว ระหว่างทางอาจจะลอยละลิ่วไปอย่างน่ากลัวแต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ ท่าทางสง่าผ่าเผยและดุดันกล้าหาญ ดั่งทหารม้าที่ควบอาชาอย่างแกร่งกล้าเกรียงไกร
ฉินสือโอวยืนอยู่บนหัวเรือด้วยท่าทางสบายๆ แต่แท้จริงแล้วเขารู้สึกเหนื่อยล้ามาก ความเหนื่อยล้าของเขาไม่ใช่แค่เหนื่อยล้าทางร่างกายแต่ยังมีความเหนื่อยล้าทางจิตใจด้วย เนื่องจากมีเพียงเขาแค่คนเดียวที่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่คืออะไร! อีกทั้งการใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ทำให้เขายิ่งเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม!
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอ่อนล้ายิ่งกว่านั้นก็คือ เขามองไม่เห็นความหวัง เขาทำได้เพียงอาศัยความรู้สึกในการมุ่งไปข้างหน้า เพราะไม่รู้ว่าท่าเรืออยู่ที่ไหน! ตอนนี้เกลียวคลื่นสูงเกินไป มันปิดกั้นทัศนวิสัยของเขาจนหาหอประภาคารของท่าเรือไม่เจอ!
ราวกับว่ามันตั้งใจจะทดสอบเขา พอเขาหันกลับไป ฉินสือโอวก็เห็นชาร์คและคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องขับเรือกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยท่าทางหวาดกลัว
“เป็นอะไร?!” ฉินสือโอวใจกระตุกขึ้นมาทันที เขารีบหันไปมองรอบๆ ก็ไม่มีปัญหานี่ คลื่นยักษ์หลายลูกก็ไม่ได้ก่อตัวขึ้น ต่างก็ถูกเขาสะกดไว้หมดแล้ว ตอนนี้การเดินเรือเป็นไปอย่างมั่นคงยิ่งกว่าตอนเริ่มแรกด้วยซ้ำ
เป็นอย่างนั้นจริงๆ เรือสามารถขับไปได้อย่างมั่นคงยิ่งกว่าเดิมเยอะแล้ว กระทั่งบูลก็ยังวิ่งออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา
เห็นบูลวิ่งฝ่าออกมาจากห้องขับเรือ ฉินสือโอวก็ตะโกนออกมาด้วยความโมโห “หัวสมองนายมันพุ่งออกไปตามน้ำไอ้นั่นแล้วหรือยังไง? ฟัค นาย…”
“กัปตัน! วิทยุสื่อสารเพิ่งจะได้รับเรดาห์ค้นหาข้อความ SOS ขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ยืนยันตำแหน่งของเรือที่ขอความช่วยเหลือแล้วว่าอยู่ในระยะหนึ่งพันเมตรจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้!” บูลพูดทุกสิ่งออกมาในครั้งเดียว เขากลั้นหายใจจนหน้าแดง
สีหน้าของฉินสือโอวก็เปลี่ยนไปทันที หน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน เขาเข้าใจสาเหตุที่ชาร์คกับคนอื่นๆ แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมาแล้ว!
มีอุปสรรคเข้ามาตลอด ฉินสือโอวตะโกนด่าในใจ นี่หมายความว่ายังไง? สวรรค์อยากจะแกล้งเขาเล่นอย่างนั้นเหรอ?!
ข้อตกลงระหว่างประเทศกำหนดไว้ว่า ถ้าเรือได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ SOS เรือที่อยู่ใกล้ที่สุดจะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างไม่มีเงื่อนไข
ความจริงแล้วที่บอกว่าไม่มีเงื่อนไขก็คือไม่มีข้อกำหนดที่ตายตัว เนื่องจากไม่มีการระบุสัญญาไว้ว่าเรือลำไหนควรจะช่วยเรือลำไหน ข้อตกลงนี้แสดงให้เห็นถึงสัญญาใจแห่งมหาสมุทรทั้งสิ้น ช่วยหรือไม่ช่วย ก็ดูกันที่จิตใจ
ฉินสือโอวใจกระตุกอย่างแรง เขาไม่รู้ว่าถ้าช่วยคนพวกนี้แล้วจะต้องพบกับอะไรบ้าง แต่เขารู้ว่าถ้าไม่ช่วย เขากับทุกๆ คนที่อยู่ในห้องขับเรือคงไม่รู้สึกสงบใจได้เลยชั่วชีวิต
นั่นเป็นเพราะว่าสิ่งที่พวกเขาถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กจนโตและยังต้องนำไปสอนลูกๆ ต่อ ก็คือสอนให้พวกเขาเป็นลูกผู้ชาย ไม่ใช่คนขี้ขลาดที่หลอกทั้งตัวเองและผู้อื่น
ลองทำตัวเป็นพระแม่มารีสักครั้งแล้วกัน!
การตัดสินใจจำเป็นต้องใช้แค่แรงกระตุ้น ฉินสือโอวไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญอย่างรอบคอบ เขาหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางที่แขนชี้ ไปสู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้!
ภายในห้องขับเรือ แลนซ์กับชาร์คก็กลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึก ใบหน้าของพวกเขาปรากฏสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมที่ไม่อาจถอยหนี จากนั้นจึงหมุนบังคับหางเสือ!
เรือประมงหันหัวกลับ น่านน้ำในทิศทางที่พวกเขากำลังเดินเรือไปเมื่อสักครู่ ก็เกิดคลื่นลมขึ้นมาทันที!
คราวนี้ขับฝ่ามาได้ไม่ไกลเท่าไร ผ่านยอดคลื่นมาไม่กี่ครั้ง เรือลำหนึ่งที่มีแสงไฟสว่างโชติช่วงก็ปรากฏขึ้นสู่ทัศนวิสัยของฉินสือโอว
เรือลำที่ปรากฏขึ้นเป็นเรือขนาดใหญ่ มีความยาวประมาณ 30-40 เมตร มีห้องเคบินทั้งหมดสามชั้น ที่หางเรือมีสินค้ากองใหญ่หนึ่งกอง แค่ดูจากภายนอกก็สามารถระบุได้ว่า นี่คือเรือโดยสารบรรทุกสินค้าขนาดเล็ก
เหลวไหลมาก อยู่ๆ ฉินสือโอวก็คิดถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรือไททานิกขึ้นมา
ว่ากันว่า สาเหตุที่เรือไททานิกจมลงนั้นเป็นเพราะว่าในตอนนั้นบนเรือได้บรรทุกมัมมี่ของเจ้าหญิงอาเมน-ราแห่งอียิปต์ไว้ ไม่ว่าใครก็ตามที่รบกวนชีวิตนิรันดร์ของเจ้าหญิงอาเมน-ราล้วนแต่ต้องได้รับการลงโทษ
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวเพิ่งจะบังคับเรือไททานิกมา ดูท่าว่าตอนนี้เขาก็กำลังพบกับการลงโทษที่คล้ายๆ กัน หนึ่งวันก่อนที่เรือฮาวิซทจะถอนสมอเพื่อออกทะเล ศูนย์อุตุนิยมวิทยาทะเลยังบอกว่าอากาศปลอดโปร่งไม่มีพายุไม่มีหิมะ ทำไมอยู่ๆ กระแสลมหนาวจากขั้วโลกเหนือที่ควรจะพัดผ่านทางตอนใต้ของอ่าวฮัดสันก็เปลี่ยนทิศทางเสียได้?
ทว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ฉินสือโอวไม่มีเวลาคิดเรื่องไร้สาระ ความคิดนี้พอโผล่ขึ้นมาในหัวเขาแล้วก็หายไป เขาเริ่มจดจ่อกับการควบคุมเรือประมงให้เข้าไปใกล้เรือที่ประสบภัยลำนั้น คำถามคือเขาไม่รู้ว่าเรือลำนี้กำลังพบกับปัญหาอะไรอยู่!
แต่เรื่องที่เขาพอจะมั่นใจได้ก็คือ เรือโดยสารลำนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่มากจริงๆ คลื่นที่อยู่รอบๆ ลำเรือสาดซัดขึ้นสูง เรือที่ถูกคลื่นซัดก็ทำได้เพียงสะบัดไปตามคลื่นทะเลอย่างบ้าคลั่ง
ชาร์คและคนอื่นๆ สามารถติดต่อกับเรือโดยสารผ่านวิทยุสื่อสารระยะสั้นได้อย่างชัดเจน ผู้คนบนเรือโดยสารก็ปล่อยเรือเล็กแต่ละลำลงมาทันที บนเรือลำเล็กบรรจุคนอยู่เต็มลำ บนร่างกายของคนเหล่านี้สวมใส่เสื้อชูชีพสีส้มสด ทุกๆ คนกอดกันไว้แน่น
คนทั้งสองฝั่งช่วยกันพายเรือลำเล็ก บนหัวเรือเล็กมีคนกำลังโบกแท่งไฟ ฉินสือโอวรีบออกคำสั่งให้นำเรือเข้าไปใกล้ๆ ทันที
พวกเขาต้องลงมืออย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นถ้าคลื่นโถมเข้ามา คนที่อยู่บนเรือเล็กคงไม่มีชีวิตรอด ต่อให้ไม่ถูกน้ำพัดจนตายก็คงจะจมน้ำตาย และต่อให้ไม่จมน้ำตายก็คงจะหนาวตายอยู่ดี!
ไม่ต้องสงสัยเลย คนที่คอยชี้นำในการเอาชีวิตรอดครั้งนี้ต้องเป็นคนที่มีฝีมือสูงแน่นอน จังหวะเวลาที่เขาเลือกที่จะปล่อยเรือเล็กเป็นช่วงที่กำลังได้จังหวะพอดี ทุกๆ ครั้งล้วนแต่เป็นตอนที่คลื่นลูกใหญ่พัดผ่านไปและคลื่นลูกที่สองยังมาไม่ถึง
อีวิลสันวิ่งเข้าไปในเคบินเรือเพื่อเรียกชาวประมงที่กำลังพากันพนมมือหลบอยู่ด้านในให้ออกมาข้างนอก คนกลุ่มนั้นพุ่งมาที่หางเรือแล้ววางบันไดลงไป อีวิลสันกับบูลเหยียบลงไปบนบันไดคนละขั้น ลากเรือเล็กเข้ามาใกล้เพื่อช่วยเหลือคนท่ามกลางแรงสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากผู้คนบนเรือยางขึ้นมาบนเรือประมงได้ ก็คุกเข่าลงแล้วเริ่มร้องไห้ ชายหนุ่มที่ถือแท่งไฟไว้ในมือขึ้นเรือมาเป็นคนสุดท้ายจากนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า “รีบไปบอกกัปตันของพวกคุณ! อย่าขับเข้าไปข้างหน้า มันมีโขดหิน! เรือของพวกเราชนโขดหิน!”
คนบนเรือยางจำนวนเจ็ดสิบแปดสิบคนจากเรือยางสี่ลำก็ทยอยกันขึ้นเรือมาเรื่อยๆ มีทั้งคนแก่และเด็กมีทั้งคนหนุ่มและคนสาว หลังจากขึ้นมาบนเรือประมงแล้วส่วนใหญ่ก็พากันตามหาคนในครอบครัวและกอดกันร้องไห้ ในนั้นมีคนบางส่วนที่สวมชุดคลุมสีขาวอยู่ ดูแล้วน่าจะเป็นชาวอาหรับจากตะวันออกกลาง หลังจากขึ้นมาบนเรือแล้วพวกเขาก็คุกเข่าอยู่บนดาดฟ้าเรือ โน้มตัวลงเอาหน้าผากแตะพื้น ปากก็ส่งเสียงตะโกนว่า ‘อัลเลาะฮ์’ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฉินสือโอวพยายามสะกดคลื่นที่หมุนวนขึ้นมาจากใต้ทะเลเอาไว้ เขาตะโกนถามจากหัวเรือไปยังท้ายเรือว่า “บนเรือลำนั้นยังมีคนอยู่อีกกี่คน?! ชาร์ค! รีบพาคนเข้าไปข้างในเคบิน! เบียดกันไว้! เบียดๆ กัน!”
ผู้ชายคนที่ถือแท่งไฟกำลังร้องไห้ด้วยความรู้สึกโศกเศร้าก็ตอบเขากลับมาว่า “สองคน กัปตันเรือกับต้นหนเรือของเรา!”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบพายเรือยางกลับไป!” ฉินสือโอวตะโกนบอก
ชายหนุ่มคนนั้นก็ตะโกนออกมาเหมือนเสียงหอนของหมาป่าว่า “ไม่มีประโยชน์! เรือชนเข้ากับโขดหินและกำลังจมลงแล้ว! กัปตันคอยบังคับหางเสือไว้เพื่อให้เรือยังนิ่งอยู่โดยตลอด! เขาหนีออกมาไม่ได้! เขาหนีออกมาไม่ได้! เขาหนีมาจากตรงนั้นไม่ได้!”
“แล้วต้นหนเรือของพวกนายล่ะ?…”
“โครม!” คลื่นยักษ์ขนาดความสูงเจ็ดแปดเมตรอีกหนึ่งลูกพัดโถมเข้ามาจากตรงกลางแล้วชนเข้ากับเรือโดยสารบรรทุกสินค้า จนดูเหมือนว่ามีขีปนาวุธข้ามทวีปยิงเข้ามาใส่มัน!
ชาร์คที่กำลังรวบรวมกลุ่มคนให้เข้าไปอยู่ในห้องเคบินกับคนอื่นๆ ก็หันกลับไปมอง ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่กำลังจ้องมองด้วยความตะลึงงัน เรือโดยสารถูกพัดขึ้นมาจากผิวน้ำเหมือนตุ๊กตา จากนั้นตกลงมาชนกับโขดหินอย่างแรง!
ทันใดนั้น บาดแผลขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนด้านข้างของเรือโดยสาร เมื่อปรากฏบาดแผลขึ้นมามันก็กลายเป็นจุดอ่อนของเรือ น้ำทะเลจำนวนมหาศาลก็ไหลเข้าไปข้างในด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ เรือโดยสารจึงค่อยๆ ค่อยๆ เอียงลง จนสุดท้ายก็ดูเหมือนกับเด็กที่หกล้ม ด้านข้างของเรือล้มลงบนผิวทะเล หลังจากนั้นก็ค่อยๆ จมลงไปในน้ำ…
“ต้นหนเรือของเราพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลืออยู่ตลอด เขาบอกว่าเขาเพิ่งจะติดต่อกับหน่วยลาดตระเวนฉุกเฉินบนชายฝั่งได้ เขาบอกพวกเราว่าไม่ต้องกลัว บอกพวกเราว่าไม่ต้องกลัว บอกพวกเราว่าไม่ต้องกลัว…” หนุ่มคนนั้นพูดพึมพำ พูดย้ำประโยคนี้อยู่ซ้ำๆ
คลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้ายังคงสาดซัดถาโถมอยู่ทุกหนทุกแห่ง ลมหนาวที่ส่งเสียงหวีดหวิวก็ยังส่งเสียงร้องคำรามอยู่ในคืนมืดมิด สภาพอากาศกลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม!
เมื่อสักครู่เป็นเพียงพายุระดับเก้า ตอนนี้ในที่สุดศูนย์กลางของพายุก็พัดมาถึงแล้ว ระดับของพายุเพิ่มสูงขึ้น พายุระดับสิบ!
………………………………………………………….
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 425 ฮีโร่
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!