ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 434 ขายปลาขายกุ้ง

บริษัทเคลียร์วอเตอร์มีขอบข่ายที่ใหญ่ที่สุด และราคาที่ยุติธรรมที่สุด แต่พวกเขากลับไม่ได้รวมเข้ากับท่าเรือสโนว์ดิค เพราะบริษัทนี้มีกฎว่าจะรับแค่ล็อบสเตอร์ปริมาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันปอนด์เท่านั้น หากน้อยกว่านั้นก็จะไม่ให้บริการ
เป็นการลดจำนวนพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะเพื่อขายให้ได้ราคาดีชาวประมงจะต้องให้ความร่วมมือเก็บเกี่ยวล็อบสเตอร์มาเองก่อน แล้วจึงแบ่งเงินทีหลัง
ซึ่งยังเป็นการเปิดช่องทางการทำงานให้กับบริษัทผลิตผลทางทะเลอื่น นอกจากล็อบสเตอร์ที่เก็บเกี่ยวมาเยอะตามปกติชาวประมงก็ยังไปเสนอขายให้กับบริษัทเล็กๆ พวกนี้ด้วยเช่นกัน หนึ่งเพราะขี้เกียจค้าขายเอง สองเพราะราคาคุณภาพเนื้อล็อบสเตอร์นั้นต่างกัน เวลาแบ่งเงินเลยมักมีปัญหา
บริษัทเคลียร์วอเตอร์เป็นส่วนที่สะดุดตาที่สุดในท่า โกดังเก็บปลาก็อยู่ข้างท่าเรือพอดี พร้อมรถแช่แข็งสำหรับขนย้ายอาหารทะเลขนาดใหญ่จอดตรงด้านข้าง
เมื่อเห็นบริษัทเคลียร์วอเตอร์บูลก็หลุดหัวเราะเสียงดัง ฉินสือโอวถามว่ามีอะไร เขาจึงชี้ไปบนหลังคากล่าวว่า “ก็ซีดับเบิลยูมันเละเทะไปหมดเลย ทีแรกพวกเขาติดตั้งป้ายขนาดใหญ่ไว้ด้านบนอาคารเป็นจอแอลอีดี แล้วดูสิ ตอนนี้มันหายไปแล้ว ต้องโดนพายุถล่มใส่แน่เลย!”
พายุลูกนั้นตอนนี้ถูกรัฐบาลแคนาดาตั้งชื่อว่า ‘พายุคราเคน18’ คราเคนเป็นชื่อของสัตว์ประหลาดในทะเลทางยุโรปเหนือ ที่ได้ชื่อนี้เพราะว่าพลังทำลายล้างพายุมันรุนแรงมากนั่นเอง
ตอนฉินสือโอวโทรหาวินนี่ได้รู้ว่าภัยพิบัติครั้งนี้ทำให้เรืออับปางไปสิบลำ คนเสียชีวิต 20 คน ตอนนี้รายงานข่าวเรื่องพายุคราเคน 18 กลายเป็นประเด็นไปทั่วอเมริกาเหนือ ทางรัฐบาลแคนาดากำลังให้ความสนใจกับภัยพิบัตินี้เป็นพิเศษ
ระหว่างคุยกัน เรือฮาวิซทก็เข้าเทียบท่า แลนซ์ผู้เชี่ยวชาญตะโกนเรียกชายหัวล้านวัยกลางคนคนหนึ่งบนท่าเรือ “ตาหัวแร้งเกตส์! หันมาขอบใจฉันเสีย ฉันเอาดอลลาร์แคนาดามาส่งนายว่ะ!”
ชายหัวล้านวัยกลางคนหันมามองแลนซ์พร้อมหัวเราะเสียงดัง แล้วหยิบยาสูบโยนมาให้เขา “พวกนายนี่เอง ดีจริงที่นายไม่โดนคราเคนลากลงทะเลไปด้วย! ไหน เอาล็อบสเตอร์มาเท่าไรกันล่ะ? สองร้อยปอนด์ไหม?”
ทีแรกฉินสือโอวเข้าใจมาตลอดว่ามีแค่คนจีนที่ชอบให้บุหรี่เป็นการแสดงความซาบซึ้ง พอมาแคนาดาถึงพบว่าคนที่นี่ก็ชอบทำแบบเดียวกัน เวลารวมตัวเจอคนรู้จักมักจะสูบบุหรี่พูดคุยเหมือนกับคนจีน
แลนซ์คาบกล้องยาแล้วสูดเข้าเต็มปอด เอ่ยว่า “สองร้อยปอนด์? นี่นายอำฉันเล่นหรือไง? คิดว่าฉันจะไม่รู้กฎของซีดับเบิลยูเหรอ? ถ้าไม่ถึงหนึ่งพันปอนด์ก็ขึ้นท่าไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ?”
เกตส์หัวล้านถอนหายใจตอบ “นั่นมันกฎของเมื่อก่อน ตอนนี้ทุกคนก็บ้าจับล็อบสเตอร์เหมือนกันหมด ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก็เริ่มมีน้อยคนที่จะจับล็อบสเตอร์ถึงพันปอนด์ได้สักครั้ง พวกเราเลยต้องรับล็อบสเตอร์แบบสะเปะสะปะอย่างนี้”
ทั้งสองต่างพูดคุยขณะแลนซ์ขึ้นท่าเรือ ส่วนบูลพาคนไปเปิดฝาถังน้ำแข็ง ข้างในเต็มไปด้วยล็อบสเตอร์ที่ถูกยางมัดก้ามไว้อย่างแน่นหนา
เมื่อเห็นล็อบสเตอร์พวกนี้ เกตส์หัวล้านก็แทบโยนบุหรี่ในมือทิ้ง เขาพูดอย่างตะลึง “พระเจ้า นี่พวกนายไปบุกรังล็อบสเตอร์มาหรือไง? มีกี่ตัวกันเนี่ย? ฉันกล้าพนันเลยว่าปีนี้ฉันไม่เคยเห็นใครจับล็อบสเตอร์ได้เยอะเท่านี้มาก่อน!”
“ที่จริงก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอก ยังไม่รู้จำนวนแน่ชัด แต่พวกเราคิดว่าน่าจะมีสักหกพันปอนด์ได้! มา พาพวกของนายมาดูคุณภาพล็อบสเตอร์กัน แล้วพวกเราจะได้สินค้าได้เงินกันเสียทีไง!” แลนซ์แสร้งเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังแต่ที่จริงก็แอบภูมิใจไม่น้อย
เกตส์ลงจากเรือไปทดสอบดูเนื้อด้วยตัวเอง เนื้อล็อบสเตอร์ไม่เหมือนกับปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่มีเกณฑ์เข้มงวด หลักๆ แค่แยกเป็นสองแบบคือเปลือกแข็งและเปลือกนิ่ม ยิ่งเปลือกแข็งเนื้อยิ่งแน่น รสชาติดีราคาสูง
นอกจากนี้ ล็อบสเตอร์ยังแบ่งออกเป็นตัวผู้และตัวเมีย ของตัวผู้จะค่อนข้างเนื้อสัมผัสดีกว่า แต่เนื้อตัวเมียจะเป็นสีเหลือง ซึ่งทั้งสองมีราคาต่างกัน ช่วงก่อนล็อบสเตอร์ตัวเมียวางไข่ราคาจะสูงกว่าตัวผู้ พอหลังวางไข่ราคาก็ตกลง
เกตส์สุ่มตรวจล็อบสเตอร์พวกนี้คร่าวๆ โดยเคาะก้ามกับเปลือกหลังของพวกมัน แล้วอุทานว่า “พวกนายนี่โชคดีชะมัด! นอกจากเดาว่าไปตะลุยรังมันมา ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกนายจะหาล็อบสเตอร์ยักษ์ที่ดีขนาดนี้ได้จากไหนอีก! คุณภาพเยี่ยมมาก! ตัวผู้สามสิบห้าดอลลาร์ต่อหนึ่งปอนด์ ตัวเมียสามสิบดอลลาร์ต่อหนึ่งปอนด์!”
ราคานี้ถือว่าค่อนข้างสูง ช่วงก่อนที่จะเตรียมเลี้ยงล็อบสเตอร์ฉินสือโอวเคยเช็กราคาของปีนี้แล้วพบว่ามันมีการเปลี่ยนแปลง ปกติล็อบสเตอร์ที่ชาวประมงจับมาขายให้บริษัทผลิตผลทางทะเล หนึ่งปอนด์จะได้สิบถึงสิบห้าดอลลาร์
อย่างไรก็ตามควรบวกราคาเพิ่มเพื่อคืนกำไรอยู่ดี ฉินสือโอวจึงถอนหายใจกล่าวว่า “ในตลาดราคาล็อบสเตอร์มีแต่ร้อยดอลลาร์ต่อหนึ่งปอนด์ทั้งนั้น ที่ท่าเรือทำไมถึงให้ราคานี้กัน?”
เกตส์ตอบยิ้มๆ “พวก ท่าทางนายจะไม่เข้าใจนะว่าการตลาดล็อบสเตอร์น่ะ…”
“ไอ้โล้น ระวังคำพูดแกด้วย นี่คือกัปตันของเรานะ! กัปตันผู้ทรงเกียรติน่ะ!” บูลพูดอย่างหัวเสีย เหล่าชายฉกรรจ์ที่ตอนนี้เลื่อมใสฉินสือโอวอย่างสุดใจ ย่อมไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเขาเป็นอันขาด
เกตส์ผู้มีพื้นฐานเป็นนักธุรกิจไม่ได้ถือสาโกรธอย่างใด เพียงหัวเราะเสียงดังก่อนอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง “ที่พวกเราซื้อล็อบสเตอร์ ไม่ใช่เพื่อส่งให้ตลาดแล้วโดนเอาไปเข้าคลังเก็บพวกนั้น นั่นมันสิ้นเปลืองแรงงานกับทุนของเราเกินไป…”
ท่าเรืออาริชัตในรัฐโนวาสโกเซียของบริษัทเคลียร์วอเตอร์มีโกดังเก็บล็อบสเตอร์ชื่อดรายแลนด์พาวนด์ โกดังแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในฐานะ ‘โรงแรมห้าดาวล็อบสเตอร์’ ว่ากันว่าสามารถจุล็อบสเตอร์ได้ถึงห้าพันกว่าตัว
โกดังล็อบสเตอร์แบ่งเป็น 34 ชั้น มีน้ำทะเลเย็นๆ ไหลเวียนอยู่ด้านในโดยคงอุณหภูมิไว้ระหว่าง 34-40 ฟาเรนไฮต์เพื่อรักษาระดับความแข็งของล็อบสเตอร์ ทำให้สามารถจัดส่งมันไปทั่วโลกได้ตลอดทั้งปี
หลังแนะนำวิธีการทำธุรกิจของตัวเองเรียบร้อย เกตส์ก็บอกอีกว่า “ถึงแม้จะส่งให้ตลาดโดยตรงแต่พวกเราก็ยังต้องใช้รถแช่แข็งหรือเครื่องบินในการขนส่งอยู่ดี ซึ่งราคาก็ไม่ใช่น้อยเลย…”
ตอนเขาพูดถึงตรงนี้ นิมิตส์ที่กินอิ่มแล้วบินตามเรือฮาวิซทมาวนหาทางเข้า พอเห็นฉินสือโอวมันก็พุ่งถลาลงมาหุบปีกอยู่บนบ่าเขา
เมื่อเห็นนกฟรีเกตยักษ์ เกตส์พลันนิ่งงันไป ก่อนมองฉิวสือโอวอีกรอบแล้วไล่ไปยังชื่อเรือข้างเรือที่เขียนด้วยสีขาวไว้ เขาถามหยั่งเชิงว่า “เรือฮาวิซท? พวกนายคือเรือฮาวิซทงั้นเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ตอบ “ใช่ครับ เรือฮาวิซทเอง…”
“พระเจ้า! ไม่คิดว่าพวกนายจะมาที่สโนว์ดิคนะเนี่ย? โอ้ พระเจ้า! รู้หรือเปล่า ตอนนี้พวกนายกลายเป็นฮีโร่ของแคนาดาไปแล้ว! ในข่าวบอกว่าพวกนายกล้าฝ่าไต้ฝุ่นคราเคน 18 ไปช่วยผู้รอดชีวิตแปดสิบสี่คน? จริงหรือเปล่า? เป็นเรื่องจริงเหรอ?” เกตส์คว้าแขนฉินสือโอวไว้ขณะรัวถาม
ฉินสือโอวแบมือ ตอบว่า “น่าจะอย่างนั้น พวกเราช่วยชีวิตคนบนเรือแนสแกสจริงๆ ถ้าผมปฏิเสธมันก็คงย้อนแย้งเกินไป แต่ผมคิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญตอนนี้คือการเสนอราคาขายล็อบสเตอร์กับปลาทะเลของเราต่างหาก”
การเสนอราคาผ่านไปอย่างง่ายดาย หลังตกลงราคาล็อบสเตอร์ก็ทำการแพ็กใส่กล่องชั่งน้ำหนัก ซึ่งทั้งหมดได้ 6,800 ปอนด์ ล็อบสเตอร์ตัวผู้ 4,000 ปอนด์ ตัวเมีย 2,800 ปอนด์ รวมเป็นสองแสนสองหมื่นสี่พันดอลลาร์แคนาดา
เกตส์เตรียมจะเอ่ยแสดงความยินดีกับพวกเขาแล้วเป็นอันเสร็จสิ้น ปรากฏบูลและชาวประมงคนอื่นกลับนำถังน้ำแข็งเข้ามาเปิดอีกอัน เผยให้เห็นหน้าตาของปลาทะเลที่แพ็กมาอย่างดี
แม้จะเคยเห็นฉากนี้มาหลายครั้ง แต่เกตส์ก็อดทึ่งกับการเก็บเกี่ยวของพวกฉินสือโอวไม่ได้อยู่ดี
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset