ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 452 แอบทำลับๆ ล่อๆ

พวกชาวประมงบนเรือฮาวิซทดื่มเบียร์กันอย่างครื้นเครง บรรยากาศเรือประมงลำอื่นก็ครึกครื้นเช่นกัน ถึงเวลาดึงอวนแล้ว!
เครื่องยนต์ของเรือประมงแต่ละลำส่งเสียงคำราม อวนอันหนักอึ้งถูกดึงขึ้นมาช้าๆ
มองดูสายเคเบิลที่ตึงจนแทบจะขาด เรโกริโอ แอนโทนิโอ กัปตันของเรือเจ้าหน้าที่มาดริดพูดอย่างภูมิใจ “ดู จะจับปลาก็ต้องใช้สมองเป็น คนเซนต์จอห์นจับปลาเก่งนักไม่ใช่เหรอ? งั้นเราก็ตามพวกเขา อย่างไรก็ต้องได้เงินบ้างจริงไหม?”
“ฉันเดาว่าปลาอวนนี้ต้องถึงห้าตันแน่!” อัลฟอลโซ ลิซาราโซที่เป็นคนขับเรือของกัปตันพูดในแง่ดี
“คนเซนต์จอห์นช่างเป็นคนดีที่พระเจ้าส่งมาจริงๆ ฮ่ะๆ ต้องขอบคุณเจ้าพวกดวงซวยพวกนั้น”
“ตอนนี้พวกเขาจะต้องโกรธมากแน่ๆ แต่นี่คือความจริง พวกเราต้องสอนเพื่อนตัวน้อยพวกนี้ให้ยอมรับความจริงที่โหดร้ายสักหน่อย”
“งั้นพวกเขาต้องจ่ายค่าเรียนสักหน่อยไหม?”
พวกชาวประมงบนเรือเยาะเย้ยกันไม่หยุด ล้วนแล้วแต่ตื่นเต้นไปกับปลาที่กำลังจะได้
สายเคเบิลถูกดึงกลับมาทีล่ะนิ้ว ปลาตัวโตยาวหนึ่งเมตรหรือแม้แต่เมตรครึ่งต่างโผล่ขึ้นจากน้ำ…
“แจ๋ว! ปลาดีๆ เยอะขนาดนี้ เยอะ…”
หลังจากที่ชาวประมงเห็นปลาทะเลที่จับได้ก็ตะโกนอย่างดีใจ แต่พอเห็นผิวสีน้ำตาลเทาของปลาพวกนี้ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
มีคนเอ่ยปลอบใจ “ไม่เป็นไร อาจจะเป็นปลาแซลมอนโคโฮที่เพิ่งจะวางไข่เสร็จแล้วเพิ่งกลับมาที่ทะเลก็ได้ ตอนกลางวันเราเจอปลาแซลมอนโคโฮฝูงหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากนั้นอวนก็ถูกเครื่องยนต์ยกขึ้นมาแล้วกางออก ปลาพวกนี้ร่วงลงมาบนดาดฟ้าไม่ก็ในช่องแช่แข็ง เผยตัวจริงออกมาหมดเปลือก…
พอดูหน้าตาของปลาพวกนี้ให้ชัดๆ แล้ว เสียงโห่ร้องดีใจของเหล่าชาวประมงก็ค่อยๆ แผ่วลงก่อนที่แววตาจะเริ่มนิ่งค้าง
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น พวกชาวประมงก็ใช้เสียงที่ดังกว่าเสียงโห่ร้องยินดีเมื่อครู่ก่นด่า “หลอกกันนี่หว่า!”
“ไอ้เวร! ทำไมกลายเป็นปลาทูน่าขาวไปได้!”
“เสียแรงเปล่า! เปลืองน้ำมัน! สมควรตายๆๆ! ไอ้งี่เง่า! ปลาทูน่าขาว! ปลาทูน่าขาว! ปลาทูน่าขาวสมควรตายพวกนี้ทำไมไม่สูญพันธุ์ไปซะ!”
“ทำไมเราโชคร้ายแบบนี้? ลำบากมาเพื่อจับไอ้พวกนี้เนี่ยนะ? งมหินขึ้นมากองหนึ่งยังดีเสียกว่า!”
ใบหน้าเย่อหยิ่งของกัปตันเรโกริโอ แอนโทนิโอซีดเผือด มือทั้งสองข้างของเขากำข้างเรือไว้แน่น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่ อยากด่าคนแต่ก็ด่าไม่ออก!
เขาจะด่าใครได้? ได้แต่โทษตัวเขาเองที่โดนผลประโยชน์กับจินตนาการครอบงำจนหน้ามืดตามัว แต่จริงๆ แล้วถ้าใจเย็นหน่อยเขาก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าฝูงปลานั้นเป็นปลาอะไร
ก็ใช่ แม้แต่บูลยังสามารถเดาจากเบาะแสไม่กี่อย่างเลยว่าเป็นปลาทูน่าขาว กัปตันที่ออกทะเลมาหลายปีอย่างพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะเดาไม่ออก
ที่พลาดได้ขนาดนี้หลักๆ ก็เพราะชาวประมงเหล่านี้เชื่อในเรือฮาวิซทแบบไม่ลืมหูลืมตา พวกเขาแค่เห็นเรือฮาวิซทปล่อยอวน แต่กลับไม่เห็นว่าอวนไม่ได้กางออก! บวกเข้ากับความคิดที่จะแย่งเงินซึ่งแทรกซึมเข้าไปทุกส่วนของสมอง พอเห็นฝูงปลาแล้วจะยังใจเย็นวิเคราะห์ได้ไง?
เหมือนที่คำสแลงของแคนาดาว่าไว้ ก่อนที่พระเจ้าจะทำลายจะต้องให้บ้าเสียก่อน!
เรื่องซวยไม่ได้มาเรื่องเดียว ซวยซ้ำซวยซ้อน ลำบากตั้งนานจับปลาทูน่าขาวที่ไร้ประโยชน์ได้เป็นฝูงก็แย่แล้ว หลังจากนั้นยังมีคนบอกเรโกริโอ แอนโทนิโอเสียงสั่นอีกว่า “กัปตัน อวนของเรามีรอยขาดสองสามที่…”
ฉินสือโอวเรียกปลาทูน่าขาวว่า ‘ปลาต้มตุ๋นแสนสมบูรณ์แบบ’ ไม่ใช่แค่พวกมันไม่มีราคา แต่ยังเพราะปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้าย พวกมันเป็นปลากินเนื้อเชียวนะ เหมือนกับฉลาม
หลังจากที่จับขึ้นมาแล้ว ปลาทูน่าขาวก็ดิ้นสุดแรง พวกมันตัวใหญ่แรงเยอะ จะดิ้นจนอวนขาดสักสองสามรูก็เป็นเรื่องปกติ
ได้ยินรายงานจากลูกน้อง คราวนี้เรโกริโอ แอนโทนิโอทนไม่ไหวแล้ว เขาตบข้างเรือแล้วด่ากราด “ไอ้คนเซนต์จอห์นสมควรตาย! ตาบอดกันหรือไง? ปลาแบบนี้ก็จับได้เหรอ? ไปตายซะ!”
ยังมีพวกที่ด่ากราดพร้อมกับเรโกริโอ แอนโทนิโออีกเยอะ กัปตันแทบจะทุกคนที่พบว่าปลาที่จับมาอย่างลำบากเป็นปลาทูน่าขาวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟด่าไม่หยุด
บูลเปิดวิทยุพลางกินเบียร์ในขณะที่ยิ้มไปด้วย บางครั้งเขาก็พูดแทรกนิดหน่อย ด่าว่าทำไมปลาทูน่าขาวถึงเยอะแบบนี้จนทำเอาพวกเขาเสียหายไปไม่น้อย
คนอื่นๆ พอได้อารมณ์ก็ด่าด้วยสักหน่อย แต่ความสนใจของคนส่วนมากอยู่ที่กินกุ้งมังกรกับดื่มเบียร์
ฉินสือโอวให้พวกเขาพักผ่อนให้ดีๆ พอตกกลางคืนก็ต้องทำงานกันแล้ว
ทะเลดีกว่าพื้นดินก็ตรงที่ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างวันไม่เยอะ พออาทิตย์ตกดิน น้ำทะเลก็จะระบายความร้อนออกมา แม้ว่าจะมีลมทะเลพัดมา แต่ว่าอุณหภูมิก็ไม่หนาวจนถึงขั้นทนไม่ได้
วินนี่กับชาวประมงคนอื่นๆ ล้วนสวมเสื้อโค้ตผ้าฝ้ายกับชุดดำน้ำ เพียงแต่เธอไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยทำงาน ฉินสือโอวก็ไม่ให้เธอทำ ที่จริงเขาเองก็ไม่ทำ ขี้เกียจได้โล่จริงๆ …
ฉินสือโอวเล่นกับหู่จือและเป้าจือ จิตสำนึกโพไซดอนกำลังหาจุดเหมาะๆ ที่จะวางที่ดักกุ้ง ไอซ์สเกตที่อยู่ข้างหลังมาหาเขาอย่างดีใจ พาเขามุ่งหน้าไปทางทิศใต้
ตามไอซ์สเกตไปสามสี่สิบกิโลเมตร แสงสีเงินสว่างก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ฝูงปลาแซลมอนโคโฮ!
ปลาแซลมอนโคโฮเป็นปลาที่อยู่กันเป็นกลุ่ม นอกจากช่วงผสมพันธุ์แล้วพวกมันก็จะไม่แยกกัน เห็นได้ชัดว่าแม้จะโดนไล่จนกระจายกันไปเมื่อตอนกลางวัน แต่หลังจากนั้นพวกมันก็กลับมารวมกลุ่มกันใหม่ กลายเป็นฝูงขึ้นมาอีก
เห็นปลาแซลมอนโคโฮ ฉินสือโอวก็ดีอกดีใจ เขาถ่ายพลังโพไซดอนส่วนหนึ่งให้ไอซ์สเกตเป็นรางวัล พอโบกมือ จิตสำนึกโพไซดอนครอบเอาปลาแซลมอนโคโฮส่วนมากไว้
เอาไปเลย!
จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมฝูงปลากลับไปยังเขตทะเลของฟาร์มปลาต้าฉิน จิตสำนึกโพไซดอนอีกอันแยกกันหาฝูงกุ้งกับฝูงปลาจากบอลหิมะและไอซ์สเกต
เลือกน่าทะเลได้แล้ว เรือฮาวิซทปิดไฟดวงใหญ่เหลือแค่ไฟดวงเล็กๆ ให้ความสว่างที่ท้ายเรือ ฉินสือโอวออกคำสั่งให้พวกชาวประมงโยนที่ดักกุ้งลงทะเลไป
เรือลำอื่นมองไม่เห็นว่าเรือฮาวิซทกำลังทำอะไรอยู่ ได้แต่นั่งพักอย่างหัวเสีย
กลางคืนไม่เหมือนกลางวัน พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้มากไป ถ้าเกิดไม่ระวังจนเรือทั้งสองลำชนกันล่ะก็สนุกสนานแน่ๆ ถึงตอนนั้นฉินสือโอวอาจจะพาคนเข้าไปกระทืบพวกเขาจริงๆ ก็ได้
เห็นพวกชาวประมงคลำทำงานกันท่ามกลางความมืด ฉินสือโอวก็ออกอาการเซ็ง การจับปลาที่ตอนแรกควรจะเปิดเผย ตอนนี้ไหงกลายเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ อย่างกับมาขโมยปลา?
ที่น่าเซ็งกว่าก็คือ ตอนกลางคืนปล่อยอวนจับปลาไม่ได้ ควบคุมได้ไม่ดี อวนจะพังได้ง่าย แบบนั้นได้ไม่คุ้มเสีย
พอเป็นแบบนั้น เมื่อกลางวันได้มาไม่เยอะ พอเหล่าชาวประมงวางที่ดักกุ้งเสร็จก็ไปนอนกันก่อน ถึงตอนเที่ยงคืน ฉินสือโอวก็เรียกพวกเขาให้ตื่น เปิดไฟดวงใหญ่ เริ่มเก็บที่ดักกุ้ง!
พอไฟบนเรือฮาวิซทสว่างขึ้น เรือประมงลำอื่นก็มองเห็นแล้วว่าพวกเขากำลังทำอะไร
เห็นชาวประมงบนเรือฮาวิซทยุ่งอยู่กับการเก็บที่ดักกุ้ง พวกเขาก็รีบเข้าไปใกล้ เลือกที่ได้แล้วก็โยนที่ดักกุ้งลงไป ขอแบ่งจากเขาหน่อยก็ยังดีนี่
ฉินสือโอวยิ้ม ฝูงกุ้งในแถบทะเลแถวนี้ไม่ใหญ่ เขาใช้จิตสำนึกโพไซดอนล็อกพิกัดที่แม่นยำมาแล้ว จุดที่ที่ดักกุ้งตกลงไปเป็นจุดที่กุ้งมังกรรวมตัวกันเยอะที่สุด ถ้ากระจายปล่อยที่ดักกุ้งมั่วๆ ไปรอบๆ ล่ะก็ จับกุ้งมังกรได้ไม่กี่ตัวหรอก
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset