ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 455 นำพันธมิตรเรือออกทะเล

ฉินสือโอวไม่ค่อยสนใจสิ่งที่พวกชาวประมงพวกนี้พูดสักเท่าไร ตอบตามมารยาทไปไม่กี่คำก็บอกปัดพวกเขาไป ไม่ใช่ว่าเขาไร้มารยาท แต่เพราะหิวมากเลย…
เหล่าชาวประมงทยอยมาถึงที่โรงแรม ฉินสือโอวดีดนิ้ว พนักงานก็เริ่มยกอาหารมา พอซุปบีทรูทอุ่นๆ ถูกยกขึ้นมาก็แย่งกันกินจนหมด ส่วนอีวิลสันก็ยกกินจากชาม
ไม่มีทางอื่น ฉินสือโอวเลยได้แต่สั่งเพิ่มอีกสองที่ถึงจะเพียงพอกับความต้องการ
ที่จริงแล้วซุปบีทรูทเป็นซุปผักข้นของยูเครน พอเป็นซุปแล้วจะร้อนหรือเย็นก็กินได้ กินซุปร้อนในวันหนาวๆ จะอุ่นสบายมาก เป็นที่นิยมในแถบยุโรป เพราะที่แคนาดามีคนยุโรปที่ย้ายสัญชาติมามากมายเลยทำให้ซุปชนิดนี้เป็นที่นิยมในช่วงฤดูหนาว
หลังจากนั้นทางโรงแรมก็ยกอาหารพื้นเมืองของท่าเรือสโนว์ดิคมา อย่างเช่นสตูรวม คล้ายๆ กับสตูตะวันออกเฉียงเหนือ ซี่โครงหมูกองโตตุ๋นกับผัก พวกชาวประมงกินกันจั๊บๆ ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่ารสชาติธรรมดา เทียบไม่ได้กับซุปสตูที่เขากินตอนสมัยมหาวิทยาลัย
มีกับข้าวหลายอย่าง ที่วินนี่สั่งมารสชาติดีแต่ปริมาณน้อยไปหน่อย ทำไงได้ โรงแรมก็แบบนี้กันทั้งนั้น
พวกชาวประมงกินกับข้างกันไม่พอเลยเล็งจานหลัก วินนี่สั่งอาหารสี่อย่างที่ขึ้นชื่อที่สุดของสโนว์ดิค มีแฮมเบอร์เกอร์เนื้อแองกัส พิซซ่าไก่ผงกะหรี่น้ำเชื่อมเมเปิล ลาซานญ่า กับริซอตโต้ซอสเนื้อกวาง
สี่อย่างนี้เป็นของโปรดของพวกชาวประมง มีจุดเด่นอย่างหนึ่งที่ทั้งสี่จานมีเหมือนกันซึ่งก็คือปริมาณเยอะ แฮมเบอร์เกอร์เนื้อแองกัสใหญ่พอๆ กับชามกระเบื้องใบโต ฉินสือโอวกินไปแค่ครึ่งเดียวก็กินไม่ไหวแล้ว เนื้อวัวในนั้นใหญ่กว่าฝ่ามือเขาเสียอีก
อีวิลสันเห็นว่าฉินสือโอวกินไม่ลงเลยเสนอตัวช่วย รับแฮมเบอร์เกอร์ครึ่งเดียวนั้นมายัดเข้าปากไป
ฉินสือโอวมองอึ้งๆ อีวิลสันแทบจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ ยัดเข้าปากไปก็เห็นแก้มเขาขยับไม่กี่ครั้ง พอคอยืดก็กลืนแฮมเบอร์เกอร์ลงไปแล้ว
วินนี่มองแล้วเป็นห่วงเลยเทโกโก้ร้อนแล้วหนึ่งให้อีวิลสัน อีวิลสันยกขึ้นซดจนหมด มือหนึ่งแฮมเบอร์เกอร์ อีกมือถือพิซซ่าแล้วกินต่อไป!
เหล่าชาวประมงกินจวนเสร็จก็เริ่มหงอย แลนซ์เอ่ยขึ้น “ครั้งนี้รายได้เราไม่เลว แต่ออกทะเลครั้งหน้าต้องลำบากกว่านี้แน่ เฮ้อ ระหว่างทางที่มาฉันได้ยินคนพูดถึงเรือฮาวิซทของเราเยอะแยะ คราวนี้เราดังแล้วจริงๆ ”
บูลกินอิ่มมีแรง อารมณ์ก็ขึ้น เขาตบโต๊ะก่อนจะพูดอย่างโมโห “กัปตัน เราต้องแสดงให้พวกนั้นเห็นสักหน่อย ให้พวกมันรู้ว่า…”
ยังพูดไม่จบ อีวิลสันเห็นเขาถลึงตาใส่ฉินสือโอวเลยนึกว่าจะตีกันอีก ซัดมาหนึ่งหมัดจนบูลกระเด็นลงไปใต้โต๊ะ
ฉินสือโอวรีบประคองบูลขึ้นมา ชาวประมงหลายคนพากันหัวเราะ วินนี่ต่อว่าอีวิลสันสองสามคำ อีวิลสันเกาหัวแล้วถือจานของตัวเองเดินไปจากโต๊ะอาหารอย่างไม่สบอารมณ์
คราวนี้วินนี่จนใจ ได้แต่ตามไปปลอบใจเขา กล่อมให้เขากลับโต๊ะ
ชาร์คคุยเล่นกับคนอื่นๆ เสร็จก็พูดเสียงค่อย “บอส ผมแนะนำให้คุณประกาศว่าครั้งหน้าออกทะเลเราจะรวมตัวพันธมิตรเรือดีกว่า แม้ว่าจะทำให้เราได้ปลาน้อยลงแต่ประสิทธิภาพจะมากขึ้น”
ก่อนหน้านี้ที่มีชาวประมงมาเสนอเรื่องพันธมิตรเรือ ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ ตอนนี้ชาร์คก็เสนอแผนแบบนี้ เขาเลยสนใจขึ้นมา ถามว่าทำยังไง
ชาร์คตอบ “เราประกาศออกไป รับสมัครเรือกี่ลำออกทะเลด้วยกัน ใครยินดีมาก็มา คุณเป็นผู้บังคับบัญชา พวกเขาต้องเชื่อฟัง จากนั้นสุดท้ายเอาหนึ่งในสิบส่วนถึงหนึ่งในสี่ส่วนของปลาที่จับได้แบ่งให้พวกเรา”
พวกแลนซ์ไม่ค่อยยินดีเท่าไร เพราะการรวมตัวพันธมิตรเรือส่งผลกระทบต่อปริมาณปลาที่จับได้ เนื้อน้อยคนเยอะ ไม่พอแบ่ง
ฉินสือโอวพิจารณาครู่หนึ่งรู้สึกว่าใช้ได้เลยให้แลนซ์ไปประกาศรับสมัครเรือสิบลำ เก็บปลาที่จับได้ในตอนท้ายหนึ่งในสี่ส่วน
สัดส่วนของการเก็บค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง หนึ่งในสี่ส่วนเลยนะ ถือเป็นสัดส่วนที่สูงสุดเลยทีเดียว แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาไม่ได้เก็บเกินไป เรือประมงเหล่านั้นแค่ตามเขา รายได้ต้องเยอะกว่าออกทะเลเองหลายเท่าอยู่แล้ว จ่ายแค่หนึ่งในสี่ส่วนเป็นค่าข้อมูล ก็สมเหตุสมผลไม่ใช่เหรอ?
ถ้าไม่ใช่เพราะตามกฎเป็นหนึ่งในสี่ส่วน ฉินสือโอวต้องเรียกสูงกว่านั้นแน่นอน ไม่อยากตามก็แล้วแต่ สมัยนี้ค่าข้อมูลแพงขนาดไหน? นี่ก็ถือว่าถูกมากๆ แล้ว
คราวนี้พักบนบกสองวัน งานของฉินสือโอวในทุกๆ วันก็คือ ตอนเช้าไปออกกำลังกายกับวินนี่ สายๆ พาหมาเดินเล่น บ่ายไปกะหนุงกะหนิงกันที่สวน ตกกลางคืนไปโรงแรมทำเรื่องน่าเขิน
ช่วงสายของวันที่สาม ฉินสือโอวพาวินนี่และหมาขึ้นเรือสำราญ พวกเขาต้องกลับเกาะแฟร์เวลกันแล้ว เพราะวันหยุดของวินนี่สิ้นสุดลงแล้ว
ตอนนี้เข้ากลางเดือนกุมภาพันธ์ตามปฏิทินสุริยคติแล้ว ปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นวันปีใหม่จีน ฉินสือโอวตั้งใจว่าจะกลับบ้านตอนกลางเดือนมกราคม ฉะนั้นเขายังออกทะเลได้อีกสองสามรอบ
พอถึงท่าเรือ ฉินสือโอวถามชาร์คเรื่องรับสมัครพันธมิตรเรือ ชาร์คบอกว่าหลายวันมานี้ได้รับโทรศัพท์ไม่น้อย แต่ไม่ค่อยโอเคกับการแบ่งผลประโยชน์หนึ่งในสี่ส่วน ตอนนี้มีเรือทั้งหมดห้าลำที่ยืนยันว่าจะออกทะเลกับพวกเขา
ห้าลำก็ห้าลำ ฉินสือโอวรู้สึกว่าห้าลำก็ไม่น้อยแล้ว ดูท่าว่าชาวประมงที่ท่าเรือสโนว์ดิคพวกนี้จะไม่ค่อยมองการณ์ไกลกัน นี่ไม่ใช่ลงทุนผลิตเสียหน่อย แต่หลังจากได้ผลลัพธ์แล้วจ่ายค่าข้อมูลนิดหน่อยก็พอ
ชาร์คอธิบาย “คนส่วนมากไม่ได้รู้สึกว่าสัดส่วนสูงเกินไป แต่ไม่มั่นใจในตัวพวกเรา พวกเขาคิดว่าที่เราจับปลาได้ผ่านๆ มาเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือไม่ก็พระเจ้าช่วยอะไรแบบนี้ เพราะเราช่วยคนไว้เยอะ คนดีได้ดีไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวตอบพลางหัวเราะกว้าง “ดูท่าฉันจะยังไม่ได้ทำให้เจ้าพวกนี้เชื่อตาม โอเค งั้นเราออกทะเล ให้พวกมันได้ดูความสามารถของฉัน!”
เกือบจะถึงเวลารวมตัวแล้ว กัปตันเรือทั้งห้ารออยู่ที่ท่าแล้ว คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกัปตันหนุ่มที่อายุประมาณสามสิบ พวกเขามาจากนครเซนต์จอห์นเหมือนกับพวกฉินสือโอว ถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน มิน่าล่ะถึงได้เชื่อใจเขา
ฉินสือโอวกวาดตาดู เรือทั้งห้าลำมีชื่อว่าดาบคม ป๊อปอาย ระฆังแห่งความสุข น้ำเชื่อมปลาดำ แลบราดอร์คำราม ล้วนเป็นเรือประมงเล็กขนาดระหว่างหนึ่งร้อยถึงสองร้อยตัน ความยาวก็แค่ประมาณสิบกว่าถึงยี่สิบเมตร
เรือประเภทนี้ออกทะเลต้นทุนน้อยหน่อย มิน่าล่ะกัปตันถึงกล้าพนัน พนันได้ก็ได้ พนันไม่ได้ก็เสียไม่เท่าไร
เหล่าลูกเรือทำการเตรียมตัวก่อนออกทะเลโดยการตรวจเครื่องและขนเสบียงกับน้ำจืด ฉินสือโอวคุยกับกัปตันทั้งห้าคนครู่หนึ่ง แนะนำตัวทำความรู้จักและ ทำความคุ้นเคยนิสัยของกันและกัน เผื่อออกทะเลไปแล้วจะเกิดขัดแย้งอะไรกัน
ทางฉินสือโอวมีข้อเดียว คือเขาต้องมีสิทธิสั่งการเด็ดขาด ถ้ามีใครไม่ฟังเขาก็จะเตะออกจากพันธมิตรทันที
กัปตันทั้งห้าไม่ได้มีข้อโต้แย้ง ขอแค่ได้เงินก็พอ
ภายใต้การนำของเรือฮาวิซท เรือหกลำก็พากันออกจากท่า แค่แป๊บเดียวข้างหลังก็มีเรือตามมาอีกยี่สิบสามสิบลำแล้วยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ดูเป็นขบวนใหญ่ทีเดียว
มองดูเรือที่ตามหลังมา ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “สมควรตาย ไอ้พวกงั่งพวกนี้ไม่มั่นใจในตัวเราไม่ใช่เหรอ? แล้วจะตามมาทำไมอีก?”
“นี่แหละ ธรรมชาติของมนุษย์” แซ็กยักไหล่พูด “พวกเขาไม่มั่นใจในเราก็เลยไม่กล้าเอารายได้หนึ่งในสี่ส่วนเข้ามาเดิมพัน แต่พวกเขาก็ยินดีตามพวกเราไปขอส่วนแบ่งด้วยหน่อย ยังไงก็ไม่เสียเงินไม่ใช่เหรอ?”
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset