ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 459 ยุ่งเหยิงไปหมด

ตอนนี้ที่ฉินสือโอวเห็นหีบสมบัติเรืออับปางก็ตื่นเต้นตามความเคยชิน ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เห็นหีบในช่องแช่ เขาก็รู้สึกว่าเงินดอลลาร์นับไม่ถ้วนกำลังโบกมือให้เขาอยู่
ดูความประณีตโอ่อ่าหรูหราของเรือใหญ่ลำนี้ก็รู้ว่าของข้างในต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกโพไซดอนทำลายฝาอันผุพังของหีบสมบัติอย่างคาดหวัง ของข้างในเผยตัวออกมา เครื่องลายครามเป็นกองเลย!
ตลอดเวลามานี้ ฉินสือโอวเคยเจอรูปปั้นในทะเล เจอรูปวาด แต่ไม่เคยเจอเครื่องลายครามเลย
ต้องรู้ว่าขอแค่ย้อนเวลาไปสักร้อยปี เครื่องลายครามทั้งหมดโดยเฉพาะเครื่องลายครามจีนล้วนแล้วแต่มีราคาทั้งนั้น เรือลำนี้ดูที่พิกัดและหน้าตาก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เรือจีน แต่ยุโรปสมัยใหม่ก็มีเครื่องลายครามมูลค่าสูงมากมาย
พอคิดแบบนี้ ฉินสือโอวมีความสุขจนน้ำตาแทบไหล
ปรากฏว่าพอเขาดูดีๆ ก็พบว่าตัวเองร้องไห้จริงๆ เพราะเครื่องลายครามในหีบสมบัตินี้แตกไปหมดแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าราคาของเครื่องลายครามพวกนี้คงจะไม่ต่ำแน่ๆ ในหีบมีกระดาษหนังวัวกับหนังกวางนุ่มนิ่มหนาๆ ห่อไว้อยู่ แต่ตอนที่เรืออับปางกระแทกก้นทะเลแรงเกินไป เครื่องลายครามเลยโดนกระแทกจนแตกอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพียงแต่เรื่องดีก็คือ ในที่สุดฉินสือโอวก็รู้แล้วว่าเรือลำนี้ชื่อว่าอะไร ชื่อว่า ‘ราชาแห่งท้องทะเล’ น่าจะเป็นเรืออังกฤษอับปาง บนเครื่องลายครามก็ใช้ตัวหนังสือภาษาอังกฤษพิมพ์ชื่อเรืออยู่ด้วย
ฉินสือโอวไม่ตายใจ เขาเปิดหีบออก เครื่องลายครามในนั้นมีหลากหลายแบบ บางอันก็มีขอบทอง บางอันก็สีสันสดใส ไม่มีเครื่องลายครามสักอันที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ที่ดีที่สุดก็แตกเป็นสองเสี่ยง น่าเสียดายจริงๆ
ต้องรู้ว่าเครื่องลายครามพวกนี้ในตอนนั้นถูกดูแลอย่างดี แค่ดูที่ผิวซึ่งยังคงเงาวับเหมือนใหม่ทั้งที่แช่น้ำทะเลมานานหลายร้อยปีก็รู้แล้วว่าคุณภาพดีแค่ไหน บางทีนี่อาจจะเกี่ยวกับหนังกวางกันน้ำที่ห่อมันอยู่ก็ได้ แต่นี่ก็อธิบายได้ว่าเครื่องลายครามพวกนี้เป็นของดีคุณภาพสูง
ค้นอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง ของในเรือเยอะมาก ยังมีเครื่องเงินและทองอีก แต่ว่าพลังของเวลาก็น่ากลัวมาก การกัดกร่อนของน้ำทะเลกับสาหร่ายที่พันอยู่ทำให้พวกมันไม่เหลือสภาพเดิม ไม่มีมูลค่าอะไรแล้ว
ไม่ได้อะไรกลับมา ฉินสือโอวได้แต่กลับขึ้นผิวน้ำ ปลาแฮดดัคจับเสร็จแล้ว กลับท่าได้แล้ว
เขาก็ยังไม่ถอดใจกับเครื่องลายครามในเรืออยู่ดี กะจะกลับไปปรึกษากับบิลลี่แล้วก็เบลคดูว่าพอจะสามารถซ่อมเครื่องลายครามแตกพวกนี้ได้ไหม
เหตุเพราะเรืออับปางที่เจอดูเหมือนจะไม่ค่อยมีมูลค่า ฉินสือโอวก็เลยเซ็ง ไม่ตื่นเต้นเหมือนกับพวกชาวประมง เขานั่งดูผิวน้ำทะเลเงียบๆ ที่หัวเรือ เจ้าของเรือคนอื่นๆ เห็นท่าทางเขาแบบนั้นก็พากันยกนิ้วโป้งให้ ท่าทาแบบนี้มีความลึกซึ้ง มีความหมายแฝง
หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป เรือประมงกลับไปจุดที่วางที่ดักกุ้งไว้ ฉินสือโอวมองดูก็ถลึงตาโดยพลัน เฮ้ย หรือว่าเรามาผิดที่? นี่มันที่ไหน ทำไมทุ่นลอยเยอะขนาดนี้?
บนผิวน้ำสุดลูกหูลูกตา ทุ่นลอยหลากสีหลักร้อยอันลอยไปตามแรงคลื่น ทุ่นพวกนี้สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายราวกับดวงตามากมายหลายคู่ที่กะพริบตามาทางฉินสือโอว…
“ให้ตายเถอะ!” พอเห็นแบบนี้ชาวประมงทั้งหมดก็อดด่าออกมาไม่ได้
ไม่ต้องเดา ทุ่นเหล่านี้ต้องเป็นสัญลักษณ์ทุ่นที่ดักกุ้งของเรือประมงลำอื่นแน่ๆ พวกเขาถือโอกาสที่พันธมิตรเรือฮาวิซทไม่อยู่เอาที่ดักกุ้งของตัวเองปล่อยลงในทะเลแถบนี้ด้วย แถมยังกินเนื้อที่ของเรือฮาวิซทแบบหน้าไม่อายอีก
บนพื้นดินก็มีกฎของพื้นดิน ทะเลมีกฎทะเล ไปที่ไหนก็ต้องมีกฎ
กฎของการจับกุ้งมังกรก็คือ ขอแค่เป็นแถบทะเลสาธารณะ ใครโยนทุ่นลงมาก่อน อย่างน้อยเขตทะเลรัศมีสี่ห้ากิโลเมตรก็ถือเป็นเขตของเขา คนอื่นจะวางที่ดักกุ้งไม่ได้
ที่ดักกุ้งล้วนต้องใช้สายเคเบิลยาวๆ ผูกไว้ เพราะน้ำทะเลเคลื่อนอยู่ตลอด ฉะนั้นเชือกเลยไม่ได้อยู่กับที่ ถ้าเชือกใกล้กันเกินไปก็จะพันกันได้ง่าย พอตอนที่เก็บที่ดักกุ้งขึ้นเรือก็จะทำให้เชือกไม่ได้รับแรงจนขาด
เมื่อก่อนไม่มีใครแหกกฎนี้ ฉินสือโอวก็ไม่ได้คิดมาถึงด้านนี้ ตอนนั้นเขาห่วงแค่ว่าชาวประมงคนอื่นๆ โยนที่ดักกุ้งไว้ใกล้เกินไป ที่ไหนได้ ชาวประมงพวกนี้ไม่ใช่แค่ใกล้ แต่เอาที่ดักกุ้งมารวมกันไว้เลยต่างหาก!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลงานของพันธมิตรเรือฮาวิซททำให้คนพวกนี้บ้าคลั่งไปเลยจนพวกนั้นเกิดความคิดอย่างถ้าฉันไม่ได้กุ้งมังกรพวกแกก็อย่าคิดจะได้ไป
ไม่ว่าจะว่าอย่างไร คนพวกนี้ก็ล้ำเส้นไปแล้ว ฉินสือโอวโกรธทันที นอกจากคำว่ารังแกกันเกินไปจะเรียกว่าอะไรได้อีก?
“ให้ตายเถอะ ทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้! เห็นความอ่อนน้อมของฉันเป็นความอ่อนแอใช่ไหม? ให้ความเกรงใจแล้วเหยียบหัวกันใช่ไหม? เห็นฉันรังแกง่ายใช่ไหม?” ฉินสือโอวตะคอกใส่ช่องวิทยุสาธารณะอย่างกราดเกรี้ยว “เก็บที่ดักกุ้งตอนนี้เลย! แม้แต่สายที่พันสายเคเบิลเราก็ตัดทิ้งไปให้หมด!”
หลังจากที่เตือนจบ ฉินสือโอวก็โยนวิทยุในมือทิ้งไป ให้บูลกับแลนซ์ไปเก็บที่ดักกุ้ง
เลี่ยงยาก เชือกของที่ดักกุ้งพันกับเชือกของที่ดักอันอื่น กำลังมอเตอร์แรงมากเลยควบคุมไม่ได้ มันดึงเชือกตามกำลังคงที่ พอเชือกพันกันเสียดสีไม่กี่ครั้งก็ขาด
เห็นเชือกที่ขาดไป บูลก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “กัปตัน เล่นไอ้พวกพ่อแม่ไม่สั่งสอนนี่ให้ตายเลยเถอะ! ต้องสั่งสอนเจ้าพวกงั่งนี่สักหน่อยแล้ว!”
ชาร์คเข้ามาห้ามบูลกับฉินสือโอวที่กำลังจะระเบิดอย่างสุขุมแล้วพูดอย่างใจเย็น “บอส อย่าเพิ่งใจร้อน ยังเหลือปลายเชือกอีกข้าง เราเริ่มจากตรงโน้น เราใช้คนลาก ดึงที่ดักกุ้งขึ้นมาก่อนค่อยว่ากัน”
เพื่อที่จะกันไม่ใช้เชือกปลายหนึ่งขาด ฉะนั้นที่ดักกุ้งล้วนมีสายเคเบิลสอดผ่านตรงกลาง ทั้งสองปลายของเชือกผูกทุ่นไว้ด้วย ปลายหนึ่งขาดไปก็ดึงจากอีกปลายได้ เป็นหลักประกันสองชั้น
แต่ตอนนี้เชือกด้านหนึ่งขาดไปแล้ว อีกด้านเลยต้องระวัง ไม่อย่างนั้นถ้าขาดอีกก็ไม่มีทางงมที่ดักกุ้งขึ้นมาแล้ว
เชือกปลายนี้ก็พันกัน เพียงแต่ฉินสือโอวไม่กลัว เขาเตรียมไว้แล้ว จิตสำนึกโพไซดอนหาจุดที่เชือกพันเป็นปม ควบคุมกระแสน้ำให้ไหลเข้าไปเพื่อแก้ปมที่พันไม่ค่อยแน่นจนสามารถเก็บที่ดักกุ้งขึ้นมาได้ปกติ
ผลงานที่ได้มายังคงไม่เลว ในที่ดักกุ้งสี่สิบอันมีกุ้งมังกรทั้งหมดหกสิบกว่าตัว นั่นทำให้ความโกรธของเหล่าชาวประมงบรรเทาลงบ้าง ทุกคนทำท่าโมโหพร้อมจะกระทืบคนแล้ว
ฉินสือโอวคิดวิธีเอาคืนไว้เรียบร้อยแล้ว เขาเลยไม่โกรธแล้ว สั่งให้ชาร์คหาที่ดักกุ้งอีกสี่อัน จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงขึ้นมาทีละอัน
เหล่าชาวประมงสาวเก็บที่ดักกุ้งอยู่ข้างนอก ฉินสือโอวเข้าไปในห้องคนขับเพื่อถามกัปตันอีกห้าคน สภาพของพวกเขาแย่กว่า เพราะพวกเขาไม่ได้มีจิตสำนึกโพไซดอนที่ช่วยแก้ปมเชือก เรือดาบคมเสียที่ดักกุ้งไปหนึ่งตับแล้ว
ฉินสือโอวปลอบใจพวกเขา แต่ไม่ได้ใช้จิตสำนึกโพไซดอนเข้าช่วย พวกเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน เขาก็ไม่ใช่แม่ชี เรื่องบางเรื่องเขาไม่จำเป็นต้องยุ่ง
เรือฮาวิซทเก็บที่ดักกุ้งกลับมาได้ก่อน เอากุ้งมังกรทั้งหมดมารวมกัน แลนซ์เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดอย่างซาบซึ้ง “พระเจ้าคุ้มครอง ที่ดักกุ้งไม่มีปัญหาเลย”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดขึ้น “ใช่ ของเราไม่มีปัญหา แต่ไอ้พวกพ่อแม่ไม่สั่งสอนนั่นน่ะมี!”
……………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset