เมนูหลักของมื้อค่ำนี้คือเนื้อหมูกับเนื้อหมา ล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อดีชิ้นใหญ่ๆ ทั้งนั้น ถูกตุ๋นในซุปร้อนๆ จนหอมฟุ้ง กินคู่กับกระเทียมสับกับดอกกุ้ยช่ายสับ กินเนื้อคำหนึ่งดื่มซุปคำหนึ่ง ร่างกายของคนก็อบอุ่นขึ้นมาได้เลยทันที
หมูปีใหม่นั้นล้วนแต่เป็นหมูบ้านของพื้นที่นี้ทั้งนั้น เหมือนกับหมูดำตัวเล็กที่ฉินสือโอวนำกลับไปที่เกาะแฟร์เวล เลี้ยงทีหนึ่งก็ใช้เวลาหนึ่งปี เพราะเป็นหมูที่เพิ่งซื้อมาตอนต้นปีพอดี เมื่อถึงปลายปีแล้วก็ฆ่าเสีย ก็เพื่อทำมาทำมื้อค่ำต้อนรับปีใหม่นี้มื้อเดียว
เลขาหมู่บ้านที่กำลังเคี้ยวเนื้อหมูอยู่ในปาก พูดด้วยเสียงทอดถอนใจออกมาว่า “ฉันเห็นจากในอินเทอร์เน็ตว่าวัยรุ่นสมัยนี้รู้สึกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนนั้นไม่ดี ทำเอาใจหายน่าดู แต่ฉันรู้สึกว่านะ เด็กหนุ่มอย่างพวกเธอน่ะโชคดีแต่ดันไม่รู้ตัวมากกว่า ถ้าเป็นสมัยพวกฉันหนุ่มๆ ล่ะก็ ฆ่าหมูปีใหม่ทั้งที มีใครบ้างที่กินเนื้อทันทีโดยไม่เสียดายเลย? ความจริงขอแค่ได้กินเครื่องในสักสองชิ้นก็ถือว่าดีมากแล้ว”
หัวหน้าหมู่บ้านยกแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วพูดว่า “พอแล้วน่าคุณเลขา เลิกคุยเรื่องพวกนี้เถอะ มาๆ ๆ พวกเราดื่มเหล้ากัน การที่ชีวิตมันดีขึ้นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ?”
ภรรยาของเหวินซูยกอาหารมาเสิร์ฟไม่หยุด อาหารพวกนี้ไม่ใช่ของที่ทำเอง แต่เป็นอาหารที่เหวินซูโทรสั่งมาจากร้านอาหารในเขตอำเภอ ทั้งสะดวก และอร่อย
เมื่อได้เห็นอาหารพวกนี้ ฉินเผิงก็เริ่มคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของฉินสือโอวขึ้นมา ฆ่าหมูปีใหม่แต่ก็ยังสั่งอาหารมาจากในอำเภออีก นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านตระกูลฉินเป็นครั้งแรก ดูท่าพวกคณะกรรมการหมู่บ้านพวกนี้คงมีจุดประสงค์แอบแฝงอย่างแน่นอน
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขากำลังตั้งหน้าตั้งตากินข้าวดื่มเหล้าอยู่ พอมีคนพูดด้วยเขาก็แค่ขานรับสั้นๆ กลับไป
ตอนหลังได้มีการเสิร์ฟไส้กรอกเลือดที่ตัดออกเป็นท่อนๆ เขาใช้ตะเกียบหยิบมาสองชิ้น ชิ้นหนึ่งจิ้มกับกระเทียมบด อีกชิ้นจิ้มกับดอกกุ้ยช่ายบด กินจนปากมันเยิ้ม และชมไม่หยุดปากว่า “อืม ไส้กรอกเลือดบ้านพี่ผมนี่อร่อยจริงๆ ผมทำยังไงก็ทำรสชาติแบบนี้ออกมาไม่ได้”
ไส้กรอกเลือดพวกนี้ก็คือไส้กรอกที่ใส่เลือดหมูเข้าไป วัตถุดิบหลักคือเต้าหู้กับเลือดหมู นำมาบดผสมให้เข้ากัน ใส่หัวหอม ขิง กระเทียม ผงพริกไทยเสฉวน น้ำตาล ผงปรุงรสเข้าไป แล้วใช้หม้อใบใหญ่นึ่ง เมื่อสุกแล้วนำมากินตอนร้อนๆ รสชาติอร่อยกว่าเนื้อเสียอีก
เมื่อได้ยินเขาพูดชม เหวินซูปัดมือ แล้วพูดว่า “ถ้าเสี่ยวโอวชอบกิน งั้นก่อนกลับก็เอากลับไปด้วยหลายๆ ท่อนนะ ที่บ้านมีเยอะ อยากได้เท่าไรก็เอาไปได้เลย”
ฉินสือโอวหัวเราะ บอกว่าพี่ชายผมดีกับผมจริงๆ ทำเอาผมไม่รู้จะตอบแทนยังไงเลย
เหวินซูเอามือลูบจมูก เริ่มพูดเข้าประเด็น “เอ่อ เสี่ยวโอว ที่พี่ให้ไส้กรอกเลือดนาย พี่ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนจริงๆ ของแบบนี้ไม่มีค่าอะไรหรอก แต่ว่านายนะ เหอๆ คือว่านายก็เห็นแล้ว ใช่ไหม เหอๆ เอ่อ…”
ฉินเผิงที่เห็นว่าการแสดงจะเริ่มขึ้นแล้ว จึงถือตะเกียบกับถ้วยแล้วเริ่มดูโชว์อย่างมีความสุข
เหวินซูรู้สึกเกรงใจที่จะพูด เลขาหมู่บ้านที่อายุพอๆ กับพ่อของฉินสือโอวจึงพูดแทนว่า “เสี่ยวโอว ถ้านับตามศักดิ์แล้วนายต้องเรียกฉันว่าคุณปู่ แต่ฉันในวันนี้ไม่ได้จะเอาเรื่องนี้มาสั่งการอะไร พวกเราทุกคนเห็นแล้วว่าในตอนนี้นายประสบความสำเร็จแล้ว แต่ว่าหมู่บ้านเรานี่สิยังยากจนอยู่เลย”
ฉินสือโอวพยักหน้า บอกเป็นนัยให้เลขาหมู่บ้านพูดต่อไป
เลขาหมู่บ้านถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดว่า “ตอนนี้นายมีเงินแล้ว นายจะช่วยเหลือหมู่บ้านเราหน่อยได้ไหม? นายให้เงินทุนมาส่วนหนึ่ง ฉันก็จะไปในเมืองเพื่อขอกู้เงินมาด้วยอีกส่วนหนึ่ง พวกเรามาสร้างโรงงานผลไม้แปรรูปเหมือนกับเมืองหนานเซิ่งดีไหม? สร้างเล็กๆ ก็พอ คนในหมู่บ้านจะได้หาเงินได้มากขึ้นมาอีกนิด”
บ้านเกิดของฉินสือโอวล้อมรอบไปด้วยภูเขา ใกล้เขาก็พึ่งเขา ใกล้น้ำก็พึ่งน้ำ ในสมัยก่อนแม่น้ำไป๋หลงเคยเป็นหนึ่งในคลองใหญ่ที่ใช้เป็นเส้นคมนาคมค้าขาย ทำให้หมู่บ้านเล็กๆ ใกล้ๆ สามารถหาเงินกับมันได้ แต่หลังจากสร้างประเทศแล้วคลองใหญ่ก็ไม่ได้ใช้งาน จึงหาเงินจากแม่น้ำไป๋หลงไม่ได้อีกต่อไป ตอนนี้ก็ใช้แค่นำมารดน้ำในสวนได้เท่านั้น
ส่วนภูเขารอบๆ นั้นถึงแม้ว่าจะมีจำนวนไม่น้อย แต่ตอนนี้ทางรัฐบาลไม่อนุญาตให้เปิดเหมืองเองโดยพลการ ทำให้เหล่าชาวบ้านทำได้แค่ปลูกต้นไม้กัน แต่พอต้นไม้เศรษฐกิจเติบโตช้า จึงเปลี่ยนมาปลูกต้นผลไม้แทน
แต่การปลูกต้นผลไม้ก็มีอีกปัญหาหนึ่ง คือผลไม้ออกเยอะมากจนล้นไม่ก็เจอสภาพอากาศแย่จนเก็บเกี่ยวได้น้อย ไม่ว่าจะเก็บเกี่ยวได้มากจนล้นหรือเก็บเกี่ยวได้น้อยก็ตาม สุดท้ายคนที่เสียหายก็คือพวกชาวสวน
หากเก็บเกี่ยวได้เยอะ ราคาก็ถูกลง เพราะในหมู่บ้านไม่มีห้องเย็น เมื่อขายไม่ออกก็จะเสีย หากเก็บเกี่ยวได้น้อย ราคาดีก็จริง แต่เพราะผลไม้มีไม่มาก ทำให้ทำกำไรไม่ได้อยู่ดี
พ่อและแม่ของฉินสือโอวก็เคยทำสวนผลไม้มาก่อน ก็เพราะเห็นว่าทำเงินไม่ได้สุดท้ายจึงตัดต้นผลไม้ทิ้งทั้งหมดเปลี่ยนไปปลูกผักแทน
เมื่อเลขาหมู่บ้านเสนอเรื่องการสร้างโรงงานผลไม้ขึ้นมา ฉินสือโอวเองก็รู้สึกว่าเป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว ข้อแรกคือโรงงานแบบนี้ถ้าสร้างเสร็จแล้วยังไงก็ทำกำไรได้ ข้อสองคือเป็นการปลดแอกให้กับพ่อและแม่ของฉินสือโอวด้วย เขากะว่าจะให้ทั้งสองคนไปขลุกอยู่ในโรงงานแทน เมื่อเป็นแบบนี้แล้วทั้งสองคนก็จะไม่ต้องไปลำบากทำงานในสวนอีกแล้ว
ถึงแม้เลขาหมู่บ้านจะไม่พูดขึ้นมา ฉินสือโอวก็คงจะเสนอขึ้นมาเอง ถ้าให้เขาแบ่งเงินให้คนในหมู่บ้าน เขาคงไม่เอาด้วยแน่นอน เพราะการให้ต้องได้รับด้วย แต่การสร้างโรงงานผลไม้ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้กำไร แต่ให้พ่อและแม่รู้สึกมีหน้ามีตาที่ลูกชายประสบความสำเร็จแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเช่นกัน
เมื่อกลืนเนื้อในปากลงไปแล้ว ฉินสือโอวจึงพูดเข้าประเด็นทันทีว่า “คิดว่าต้องใช้เงินลงทุนเท่าไรครับ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็เท่ากับว่ามีหวัง เลขาหมู่บ้านจึงรีบมองไปที่เหวินซู เหวินซูพูดว่า “ฉันเคยคำนวณแล้ว เรื่องที่ดินทางหมู่บ้านเราจะเป็นคนจัดการเอง อันนี้นายไม่ต้องออกเงิน คณะกรรมการจัดการได้อยู่แล้ว แต่การสร้างตัวโรงงานต้องใช้ประมาณสี่แสนกว่าหยวน เงินจำนวนนี้แหละที่เป็นเรื่องใหญ่”
“ต่อไปก็คือพวกเครื่องจักร เครื่องจักรพวกเราจะใช้ของเหมือนกับเมืองหนานเซิ่ง ทั้งเครื่องล้างผลไม้ เครื่องล้างสเตนเลส เครื่องปิดฝากระป๋อง หม้อผสมน้ำตาล เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด เครื่องฆ่าเชื้ออุณหภูมิต่ำ ชุดเครื่องจักรพวกนี้ หากเป็นของใหม่ก็ราคาประมาณสองแสนกว่าหยวน ปกติต้องใช้สองชุด ถ้าหากพวกเราไปซื้อเองถึงทางใต้ราคาอาจถูกลงนิดหน่อย”
“หากรวมค่าจิปาถะเข้าไป เปิดโรงงานผลไม้กระป๋องขนาดเล็ก ก็ต้องใช้ประมาณหนึ่งล้านกว่าหยวน”
ขณะพูด เหวินซูให้ภรรยาไปเอาสมุดโน้ตมาเล่มหนึ่ง ในนั้นเป็นบันทึกที่เขาจดไว้ตอนไปสำรวจโรงงานผลไม้กระป๋องที่เมืองหนานเซิ่ง
เลขาหมู่บ้านพูดว่า “หมู่บ้านไปขอกู้เงิน น่าจะกู้ได้ประมาณสี่แสนกว่าหยวน ยังขาดอีกห้าแสนกว่าหยวน”
ฉินสือโอวดูสมุดจดบันทึกคิดคำนวณอยู่สักพักแล้วแหงนหน้ามาพูดว่า “ได้ครับ ไปกู้เงินจากในเมืองมาสี่แสนหยวน ผมจะให้อีกหนึ่งล้านหยวน!”
เหล่าคณะกรรมการหมู่บ้านพากันตะลึง เลขาหมู่บ้านพูดออกมาอย่างประหลาดใจว่า “เงินหนึ่งล้านก็สร้างโรงงานอาหารกระป๋องได้แล้ว ยังจะไปขอกู้อีกทำไม?”
ฉินสือโอวอธิบายว่า “ผมเห็นในสมุดของพี่เขียนไว้ว่าการสร้างห้องเย็นขนาด 100 ตันต้องใช้เงินอย่างน้อยสามแสนห้าหมื่นหยวน แต่ถ้าเราจะสร้างโรงงานผลไม้กระป๋องจริงๆ ก็ต้องเตรียมห้องเย็นด้วย ไม่ต้องไปเช่าคนอื่น เพราะว่ามันไม่คุ้ม”
เหวินซูพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ สามแสนห้าหมื่นหยวน จะได้ขนาดสามร้อยสี่สิบตารางเมตร รวมเครื่องทำน้ำเย็นขนาด 26 โวลต์สองเครื่อง กับเครื่องทำความเย็นตระกูล DD ขนาด 200 ตารางเมตรอีกสองเครื่อง ก็ราคานี้”
“งั้นตอนนี้พวกเราก็เสร็จเรื่องแล้วใช่ไหม?” เลขาหมู่บ้านพูดพร้อมหัวเราะฮ่าๆ
ฉินสือโอวบอกว่า “จุดสำคัญคือตลาด ต้องมีตลาดก่อนจึงจะถือว่าเสร็จเรื่องแล้วจริงๆ
“เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง พวกเราทำกระป๋องให้สะอาด ดูสวย จากนั้นฉันจะเอาไปตลาดการเกษตรในเมือง คนใหญ่คนโตที่นั่นเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายของฉันเอง สนิทกันมาก” หัวหน้าหมู่บ้านพูดพร้อมตบอกตัวเอง
“แล้วอย่างนี้เรื่องคนบริหาร?” เลขาหมู่บ้านถามหยั่งเชิง เพราะนี่สิถึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ฉินสือโอวหัวเราะ แล้วพูดว่า “เรื่องการบริหาร คนในหมู่บ้านห้ามเข้ามายุ่ง! ผมจะไปจ้างผู้จัดการกับนักบัญชีมาจากในเมือง เรื่องนี้จำเป็นต้องให้มืออาชีพมาบริหาร ก่อนที่โรงงานผลไม้กระป๋องจะได้กำไร เงินเดือนพวกเขาผมจะเป็นคนจ่ายเอง หลังได้กำไรแล้วก็ให้โรงงานเป็นคนจ่าย แต่ว่า หุ้นโรงงานนั้นจะแบ่งให้คนทั้งหมู่บ้าน ทุกบ้านจะมีหุ้นกันหมด ทุกๆ ไตรมาสจะทำการแบ่งเงินปันผลให้หนึ่งครั้ง
เมื่อได้ยินคำนี้ พวกเลขาหมู่บ้านค่อนข้างเสียดาย แต่ก็พอใจ แค่ประโยคที่ว่าปันผลให้คนทั้งหมู่บ้าน พวกเขาก็ชูนิ้วโป้งให้ฉินสือโอวกันแล้ว
………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 473 โรงงานผลไม้กระป๋อง
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!