วินนี่กำลังนำนักท่องเที่ยวไปที่ร้านผลิตภัณฑ์อาวุธและเครื่องใช้กลางแจ้ง นักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ว่าชายหรือหญิงต่างสนใจในอาวุธปืนเป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงเกาะแฟร์เวลก็ต้องไปที่ร้านขายปืน แม้ตัวเองไม่เล่นปืนก็ต้องถ่ายรูปคู่กับมันจำนวนมาก
เจี้ยนผานโฮ่วถือเอเคเอ็มไว้กระบอกหนึ่งในขณะที่บรรยายให้นักท่องเที่ยวฟัง “ไม่ควรเล็งปากกระบอกปืนไปที่ผู้อื่นเด็ดขาด เข้าใจไหม? ใครก็ตาม! แม้จะไม่มีลูกปืนก็ไม่สามารถทำได้ ทำตามฉัน หันปากกระบอกปืนไปบนฟ้า และอย่าหันไปทางพื้น เพราะมีแรงสะท้อนถอยหลังที่รุนแรงมาก… โอ้ว คุณพี่มาได้ยังไง?”
เมื่อหันไปเห็นฉินสือโอว เจี้ยนผานโฮ่วดูประหลาดใจและเล็งปืนไปที่เขา
เมื่อถูกเพ่งด้วยปืน ไม่ว่าฉินสือโอวจะกล้าหาญอย่างไรก็ต้องตกใจ เขารีบโบกมือและพูดว่า “อยากตายเหรอ? หันปืนไปทางอื่นเดี๋ยวนี้!”
เจี้ยนผานโฮ่วส่ายปืนไปมา หัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกลัวหรอกพี่ นี่ปืนปลอม ใช้สำหรับบรรยายให้ทุกคนฟัง ข้างในไม่มีกระสุน คือว่า ทำไมนายถึงมาที่ร้านเราได้ล่ะ? มาเช็กบัญชีเหรอ?”
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่กระจ่างว่า “คือว่า ฉันแวะมาดูเฉยๆ นายพาพวกเขาไปที่สนามยิงปืนก่อนเถอะ”
เมื่อเห็นฉินสือโอว วินนี่เม้มปากและยิ้ม แต่ไม่ได้กล่าวทักทาย เพียงแต่ช่วยเจี้ยนผานโฮ่วแจกปืนและกระสุนแก่นักท่องเที่ยว และพาพวกเขาไปที่สนามยิงปืน
ฉินสือโอวเข้าไปในเคาน์เตอร์ แล้วยกปืนบาร์เรตต์ที่เป็นสมบัติประจำร้านออกมา เขากำลังจะลองมัน เจี้ยนผานโฮ่ววิ่งกลับมาอย่างหลบๆ ซ่อนๆ
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางที่ลึกลับของเจี้ยนผานโฮ่ว ฉินสือโอวระวังตัวมากกว่าเดิม “นายมีอะไร? และทำไมนายไม่ดูแลนักท่องเที่ยวเหล่านั้นนายกลับมาทำไม? ถ้าเกิดเรื่องจะทำยังไง?”
เจี้ยนผานโฮ่วบอกว่า “มีพอลอยู่ มีเขาอยู่ทั้งคนไม่เกิดเรื่องหรอก อีกอย่างนะพี่ ผมกลับมาเพื่อมารายงานบางเรื่องกับพี่ เมื่อสักครู่ผมได้ข่าวมาว่ามีคนโง่คนหนึ่งซื้อออดี้ให้วินนี่ พี่ต้องระวังแล้วล่ะ”
“ทำไมฉันถึงต้องระวัง นี่มันเรื่องใหญ่ที่ไหนกันล่ะ?” ฉินสือโอวโบกมือ “ฉันเชื่อมั่นในวินนี่”
เจี้ยนผานโฮ่วเบะปากและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพี่จะรีบมาที่ร้านปืนทำไมล่ะ? อย่าบอกนะว่ามาเล่นปืน นี่ไม่ใช่สไตล์พี่นี่นา เอาเถอะ ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว ผมรู้แล้วว่าใครต้องการแย่งแฟนพี่ ไปกันเถอะ เอากระสุนปืนไป ไปฆ่ามันกันเถอะ!”
นี่ถือเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ฉินสือโอวถามขึ้นว่า “ใครล่ะที่ต้องการแย่งแฟนฉัน?”
เจี้ยนผานโฮ่วพาเขาไปที่ทางเข้าสนามยิงปืน ทำเหมือนกำลังดูคนเหล่านั้นฝึกยิงปืน จากนั้นพูดขึ้นว่า “มองตามผมนะ ทาง 11:00 น. ตรง ใช่แล้ว คนนั้นเอง คนที่สวมชุดอาร์มานี่ ใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ และเซตผมคนนั้น!”
ฉินสือโอวหันไปตามทิศทางที่บอก เห็นผู้ชายใส่สูทอายุราวๆ สามสิบกำลังคุยกับวินนี่ วินนี่ยิ้มตามมารยาท ดูอ่อนโยนและสง่าแต่ก็ยังดูห่างเหิน
ฉินสือโอวเฝ้ามองอยู่ไกลๆ เจี้ยนผานโฮ่วยื่นกล้องส่องทางไกลที่มีกำลังขยายแบบเท่าให้เขา และพูดว่า “นี่ ใช้อันนี้ส่อง”
“ผู้ชายที่กำลังคุยกับวินนี่ใช่ไหม?”
“ถูกต้อง คนนั้นแหละ ข้อมูลของผมไม่มีผิดพลาดแน่ เป็นเขาแน่นอน…”
“ถ้าเป็นเขานายก็บอกฉันตรงๆ ก็ได้ว่าเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าวินนี่ พูดทำไมว่าทิศ 11:00 น. สวมชุดอาร์มานี่ ใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ ห่างกันตั้งสองเมตร คิดว่าฉันจะเห็นยี่ห้อเสื้อผ้าและนาฬิกาเหรอ?”
“อืม ก็จริง แล้วพี่ยังต้องการกล้องส่องทางไกลอีกไหม?”
“ต้องการสิ ฉันต้องดูให้แน่ชัดว่าใครกันที่กล้ามาแย่งแฟนฉัน”
ผู้ชายที่มาพัวพันกับวินนี่ใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง หน้าตาดูธรรมดาแต่มีความมั่นใจ พูดจาสุภาพเรียบร้อย และมักจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า ฉินสือโอวแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นคนชอบสร้างภาพ
“ให้ตายเถอะ ต้องบอกโคโกโร่แล้วล่ะ กลุ่มทัวร์ไม่ควรรับทุกคน สัตว์ป่า(ฉินโซ่ว)แบบนี้จะพามาต่างประเทศทำไม?” ฉินสือโอวพึมพำ
“พี่ ด่าตัวเองทำไม?” เจี้ยนผานโฮ่วถามอย่างงุนงง
ฉินสือโอวทำหน้างงงวย “ฉันด่าตัวเองเมื่อไร?”
“เมื่อครู่พี่พูดถึงฉินสือโอวไม่ใช่เหรอ?”
“ให้ตายเถอะ หูนายฟังไม่เข้าเรื่อง ฉันพูดว่าฉินโซ่ว(สัตว์ป่า) เอาเถอะ อย่าพูดมาก มันต้องการแย่งแฟนฉัน จัดการมันยังไงดี?”
“ยังต้องให้พูดอีกเหรอ ฆ่ามัน!”
“เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ มีเพื่อนที่ดีอย่างนายเป็นความโชคดีของฉัน เอ้า นี่ปืนไรเฟิลซุ่มยิง ในยิงมันให้ตายเลย”
“ฮ่าๆ พี่ พี่ว่าสภาพอย่างผมจะแบกปืนไรเฟิลซุ่มยิงไหวเหรอ? พี่ลงมือเองดีกว่า”
ทั้งสองพูดล้อเล่นกัน นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกันกลับกันแล้ว ขณะที่วินนี่เดินมาถึงข้างๆ ฉินสือโอวเธอก็หยุดจัดเสื้อให้เขาอย่างกะทันหัน และพูดอย่างมีความสุขว่า “คุณให้นมลูกสาวหรือยังคะ? หลัวปอยังเด็ก ต้องดื่มนมวันละสองหนนะ”
ฉินสือโอวเหลือบมองคนจอมสร้างภาพคนนั้นหนึ่งครั้ง แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกสะใจอย่างมาก น้องชาย อยากได้หญิง แต่เลือกศัตรูผิดที่และผิดเวลาแล้วล่ะ
หลังจากที่ได้เจอ ‘คู่แข่ง’ ฉินสือโอวกลับไปอย่างสบายใจ ขณะที่ขับรถเข้าไปในเมือง เขาเห็นคนสวมใส่ชุดที่มีโลโก้ ‘โมโตโรล่า’ กำลังถอดชิ้นส่วนและทำความสะอาดแผงวงจรและเครื่องจักร จึงจอดรถด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แฮมเล็ตกำลังคุยกับชายวัยกลางคน เมื่อเห็นฉินสือโอวเขาก็ทำการทักทาย “ฉิน นายไปทำอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไรครับ แค่ขับรถเล่น แล้วนี่ใครครับ?”
“โอ้ นี่คือพนักงานของบริษัทโมโตโรล่า ในวันฉลองประจำเมืองอาทิตย์ที่แล้วเราได้เช่าสถานีฐานมาชั่วคราวใช่ไหม? ตอนนี้พวกเขามาเก็บสถานีฐานคืน ท่านนี้คือแฟรงค์ เคนต์ เป็นหัวหน้าวิศวกรของบริษัทโมโตโรล่า สาขาเซนต์จอห์น” แฮมเล็ตแนะนำให้ฉินสือโอวฟังอย่างคร่าวๆ
ฉินสือโอวจับมือกับเขาตามมารยาท โมโตโรล่าเหรอ ในอดีตเคยเป็นผู้มีอำนาจในด้านการสื่อสารเคลื่อนที่ในระดับโลก มันและโนเกียต่างมีความสำคัญอย่างมากต่อโลกใบนี้ ว่ากันว่าตอนเขาเรียนมหาวิทยาลัยมือถือที่เขาใช้ก็เป็นยี่ห้อโมโตโรล่า แต่น่าเสียดายที่มันไม่สามารถคว้าโอกาสของสมาร์ตโฟนได้ จึงกลายเป็นคู่แข่งที่ไม่น่ากลัวอีกต่อไป
แฟรงค์ เคนต์เป็นชัยวัยกลางคนอายุสี่สิบ เป็นชาวยูโรปาแท้ ตาลึก ดั้งโด่ง เขาไม่ค่อยเก่งในการพูดคุย จึงพูดเรื่องระบบอินเตอร์คอมดิจิตอลของโมโตโรล่ากับฉินสือโอวและแฮมเล็ต
ระบบนี้เป็นหนึ่งในระบบเทตทร่า มีชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า TETRA ปัจจุบันได้กลายเป็นระบบสื่อสารเคลื่อนที่ดิจิตอลแบบใหม่ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากล นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในมาตรฐานการสื่อสารแบบดิจิตอลที่แคนาดาใช้
“ตอนนี้ระบบอินเตอร์คอมคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ของโมโตโรล่าของเรากำลังครองส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้น เราสามารถให้บริการลูกค้าด้วยระบบหลายสถานีที่มีการเชื่อมต่อโทรศัพท์ท้องถิ่นหลายจุดตามความต้องการของลูกค้าและการวางแผนเครือข่าย”
“ด้วยวิธีนี้ อุปกรณ์เชื่อมต่อโครงข่ายโทรศัพท์ท้องถิ่นในทุกสถานีจะถูกตั้งอยู่ที่สถานีกลาง และเชื่อมต่อกับสถานีฐานของสถานีกลางนี้และสถานีฐานอื่น ๆ โดยรอบผ่านลิงก์ E1 บางส่วน ในขณะเดียวกัน ระหว่างสถานีฐานก็เชื่อมต่อกันผ่านลิงก์ E1 บางส่วน จนทำให้มีสัญญาณการสื่อสารที่ดี มีช่องทางการสื่อสารมากที่สุด และมีคลื่นรังสีที่ยาวที่สุด…”
……………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 495 สถานีฐานการก่อสร้าง
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!