โอดอมกล่าวลาอัลเบิร์ตอย่างสง่าผ่าเผยแล้วออกจากฟาร์มปลาไป ส่วนอัลเบิร์ตก็ได้แต่สบถคำหยาบออกมาด้วยความโมโห ‘เฮงซวยเอ้ย’ จากนั้นเขารีบนั่งลงบนหาดทรายโดยไม่สนว่าจะเปียกซึมไหม แล้วกอดไปที่ขาและร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดออกมา
ตอนนี้อัลเบิร์ตเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว เพราะเท้าขวาของเขาชาจนไม่รู้สึกอะไรเลย…
ออกจากฟาร์มปลาแกธเธอริง โอดอมก็ไปที่ฟาร์มปลาต้าฉิน ระหว่างทางได้โทรศัพท์หาฉินสือโอวเพื่อถามว่าถ้าไปเป็นแขกในตอนนี้ได้หรือเปล่า
ฉินสือโอวรู้สึกชอบหมอหนุ่มผู้เจียมเนื้อเจียมตัวคนนี้มาก เขาจึงรีบขับคาดิลแลควันอ้อมเข้าเมืองเพื่อไปรับเขามายังฟาร์มปลา
โอดอมที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก หลังจากที่รถขับเข้ามายังหน้าประตูใหญ่ของฟาร์มปลาแล้ว เขาก็ลดกระจกลงแล้วมองไปยังแปลงผักสองข้างทางกับโรงเรือนที่ตั้งอยู่ไกลๆ ด้วยความตื่นเต้น
ปอหลัวพอได้ยินเสียงรถก็วิ่งอ้อมออกมาจากทางด้านหลังโรงเรือน และตะบึงตามรถมา โอดอมได้เห็นดังนั้นก็อุทานออกมาด้วยความตะลึงใจ “ว้าว พระเจ้า กวางมูสเผือก และยังเปลี่ยนเป็นสีทองได้อีก เจ้าตัวชนิดนี้ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ ซะด้วย!”
ฉินสือโอวหัวเราะ “ถ้านายคุ้นเคยกับมันแล้ว นายก็จะรู้ว่าเจ้าตัวนี้น่ะมีตัวเดียวในโลก เพราะไอคิวของมันสูงมาก แล้วรู้ไหมว่าเมื่อกี้มันกำลังทำอะไรอยู่? มันกำลังเฝ้าโรงเรือนอยู่น่ะสิ”
โอดอมที่นึกว่าเขาพูดล้อเล่น ก็ได้แต่หัวเราะและไม่ได้พูดอะไร พลางเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาไปพูดเรื่องการปลูกผัก
ฉินสือโอวจอดรถและพูดขึ้นว่า “แปลงผักนั่นน่ะตอนนี้ยังรกร้างอยู่ ฉันเลยกะไว้ว่าอีกสองสามวันพออากาศมันอุ่นขึ้นสักหน่อยแล้ว จะทำการไถพรวนแล้วปลูกพวกข้าวโพด ถั่วลิสง ถั่ว และผักน่ะ”
โอดอมหัวเราะขึ้น “ช่างเป็นวิถีชีวิตที่เพอร์เฟกต์จริงๆ ผมก็เพิ่งมาจากฟาร์มปลาแกธเธอริง จริงๆ แล้วผมคิดจะซื้อวิลล่าสักหลังแล้วไถพรวนดินทำสวนผักเสพสุขกับวิถีชีวิตท้องทุ่ง แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว”
ฉินสือโอวได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็รู้แล้วว่าเมื่อครู่พวกที่ไปชมฟาร์มปลามีเขาอยู่ในนั้นด้วย แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
โอดอมยิ้ม แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง สุดท้ายพอพูดถึงอัลเบิร์ตที่ตกใจกลัวแล้วนั่งลงบนหาดทรายก็หัวเราะออกมา
เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ฉินสือโอวรู้สึกถูกชะตากับเขามากขึ้นไปอีก
หลังจากมารับโอดอม เจมส์ก็โทรศัพท์มาอีก แล้วบอกว่าเขาก็มาถึงเซนต์จอห์นแล้ว เพื่อมาเยี่ยมเขาเลยถือโอกาสมาดูอาหารทะเลของเขาด้วย
ฉินสือโอวเลยให้เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ไปรับเขา แล้วก็ให้พวกชาร์คและซีมอนสเตอร์ไปจับกุ้งหอยปูปลาขึ้นมาจากฟาร์ม เพื่อที่จะเอามาดูแลต้อนรับเพื่อนทั้งสองคนในตอนเย็น
เขาเห็นโอดอมค่อนข้างที่ชอบในวิถีชีวิตชนบท เลยพาเขาไปที่โรงเรือน พลางแนะนำผักของตัวเองให้เขาฟังและเก็บไปบ้างบางส่วน
พอมาถึงโซนมะเขือเทศ เขาก็เด็ดออกมาใช้น้ำล้างอย่างง่ายๆ แล้วยื่นให้โอดอม หมอหนุ่มกัดเข้าไปหนึ่งคำ สักพักน้ำมะเขือเทศเปรี้ยวๆ หวานๆ มาพร้อมกับกลิ่นหอมสดชื่นก็ได้แตกกระจายไปทั่วปาก
มะเขือเทศที่ปลูกในโรงเรือนโดยใช้พลังแห่งโพไซดอนในการรดน้ำจึงทำให้สายพันธุ์เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยเหมือนกับลูกพลัมสุก เนื้อนุ่ม น้ำก็เข้มข้น เพียงแค่กัดไปหนึ่งคำหลังจากสุกแล้ว ก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงซอสมะเขือเทศในทุกมุมปาก จนเหลือไว้แค่เปลือกในตอนสุดท้าย
โอดอมกินไปประหลาดใจไป ฉินสือโอวก็หัวเราะ “นี่เป็นพันธุ์ของบ้านเกิดฉันเอง ถ้าอยู่ที่บ้านเกิดฉันนะจะสุกยากมาก คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเติบโตได้ดีที่เกาะแฟร์เวล”
ปอหลัวก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลางเอียงหัวเอาแก้มไปถูแขนฉินสือโอว ฉินสือโอวเลยลูบไปที่เขาของมัน ส่วนมันพอมองไปทางโอดอมก็เดินไปอีกฝั่งอย่างว่านอนสอนง่าย และไปเล็มกินหญ้าที่คันแทนา
ฉินสือโอวหัวเราะ “ดูสิ ลูกชายของฉันไม่เพียงแต่ดูแลแปลงผักนะ แต่มันยังเล็มกินหญ้าจนหมด ไม่ต้องให้ฉันลงมือตัดหญ้าเองเลย”
โอดอมมองด้วยความประหลาดใจ เป็นไปได้หรือนี่ ปอหลัวไม่แตะผักแตะผลไม้เลย หาเล็มกินแค่หญ้า หรือบางทีมีหญ้าอยู่ตรงระหว่างผัก มันยังสามารถที่จะหลบไม่ให้กินโดนใบผักได้
เห็นดังนั้นเขาก็ร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “โอ้วมายก้อด ฉิน นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ! ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาเลย หรือว่าเจ้ากวางน้อยตัวนี้จะมีวิญญาณของคนสิงอยู่ในร่างหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวยักไหล่แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรไป จริงๆ แล้วปอหลัวมันจะฉลาดอะไร มันเป็นแค่ซุนหงอคงในป่าท้อเซียนเท่านั้นแหละ ของในสวนผักมันก็กินจนเบื่อแล้ว ตอนนี้ขี้เกียจจะกินผักผลไม้ เลยหันไปกินหญ้าอย่างเป็นทางการ ไม่รู้ว่ามันอยากจะเปลี่ยนรสอาหารหรือเปล่า
พากันเก็บผักเล็กๆ น้อยๆ กับโอดอม พอกลับไปถึงคฤหาสน์ฉินสือโอวก็เอาไปให้วินนี่
โอดอมชมไม่ขาดปากถึงสวนในโรงเรือนของเขา ยิ่งปอหลัวด้วยแล้วเขายิ่งชมไม่ขาดปาก ดูแล้วช่างเหมือนเออร์บักน้อยเลย
อเมริกาเหนือไม่ค่อยเหมือนกับจีนเท่าไร นอกจากนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส ชิคาโก ลอนดอน เมืองยอดนิยมของอเมริกาเหนือพวกนี้แล้ว บ้านของพวกชนชั้นกลางส่วนใหญ่ต่างก็จะมีลานบ้านใหญ่ๆ สามารถปลูกดอกไม้ปลูกผักได้ ไม่เหมือนจีนที่ชีวิตในเมืองคับแคบเหมือนรูหนู พวกมนุษย์เงินเดือนจึงโหยหาธรรมชาติใหญ่ๆ และฟาร์มเป็นพิเศษ
ดังนั้นถ้าพูดถึงพื้นที่ปลูกผักปลูกข้าวของแถบชนบท หมู่บ้านหรือแถบชานเมือง ผู้คนส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือก็จะเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมาก เพราะพวกเขาอยู่กับสิ่งเหล่านี้เป็นปกติอยู่แล้ว
ส่วนเออร์บักกับโอดอมนั้นคือหนึ่งในพวกแปลกแยก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชื่อขึ้นต้นด้วย ‘อ’ หรือเปล่า
จากนั้นเจมส์ผู้แต่งตัวหรูหราโอ่อ่าก็มาถึง แว๊บแรกฉินสือโอวยังดูไม่ออกว่าเป็นใคร ชายผิวสีผู้นี้พอโกนหนวดออกแล้ว ก็ดูหนุ่มขึ้นมาก ก่อนนั้นฉินสือโอวนึกว่าเขาอายุสี่สิบ พอมาตอนนี้เดาว่าอย่างมากที่สุดก็แค่สามสิบปี
“เฮ้ พวก นายเป็นน้องของเจมส์หรือเปล่าเนี่ย?” ฉินสือโอวเข้าไปกอดและถามเขา
ส่วนเจมส์หัวเราะแหะแหะแล้วตอบอย่างเคอะเขินว่า “เฮ้อ คืนก่อนฉันเมาไปหน่อยเลยโกนหนวดหายไปครึ่งหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้คือดีขึ้นแล้วนะเนี่ย และฉันก็ไม่รู้จะมีหน้ากลับไปเจอพวกไม่เอาไหนที่นิวยอร์กยังไงเลย”
ฉินสือโอวเชิญพวกเขานั่ง แล้ววินนี่ก็ออกมาเติมกาแฟให้ทั้งสองคน เจมส์เลยหยิบกล่องของขวัญสวยงามอันหนึ่งยื่นให้วินนี่ แล้วบอกว่าเป็นของขวัญในการมาเยี่ยมครั้งนี้
วินนี่กล่าวขอบคุณและเดินจากไปพร้อมกล่อง เพื่อเข้าไปจัดเตรียมครัวรอชาร์คกับคนอื่นๆ นำอาหารทะเลมา
อาหารทะเลในครั้งนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงกิจการของฟาร์มปลา ชาร์คกับกลุ่มชาวประมงก็ออกไปจับอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะจับได้ปลาแฮดดัค ปลาตัวเป่า ปลาแซลมอนแปซิฟิกที่จับได้เป็นปกติอยู่แล้ว หรือจะเป็นปลายอดม่วง ปลาแฟงค์ทูธ ปลาไหลทะเลอเมริกาเหนือพวกที่หายาก
ซึ่งก็แน่นอนว่าปลาตัวเป่าคือปลาเศรษฐกิจที่หายาก แต่ในตอนนี้ปลาชนิดนี้ที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีจำนวนไม่น้อย ทั้งยังเอามากินบ่อย ดังนั้นเวลาจับขึ้นมาได้จึงไม่ถือว่าลำบากอะไรมาก
หรืออย่างน้อยที่สุดกุ้งเครฟิชก็ใช้ได้แล้ว แต่ชาร์คและคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าในฟาร์มปลามีกุ้งเครฟิชชุดหนึ่งกำลังโตเต็มที่ หรือจะเป็นปูราชินี ปูดันเจเนสส์ หอยงวงช้างที่มีสต๊อกอยู่ในห้องแช่แข็งที่เพียงแค่หยิบออกมาก็กินได้แล้ว
นอกจากอาหารทะเลกับผักแล้ว ฉินสือโอวยังได้ทำห่านขาวหนึ่งตัวและไก่อีกหนึ่งตัว โดยนำไปตุ๋นกับเห็ดหอมป่าในตอนแรก จากนั้นค่อยนำวานิลลามายัดไส้แล้วนำไปเข้าเตาอบในตอนสุดท้าย
เจมส์ได้รับการต้อนรับอย่างดีแบบคาดไม่ถึง จึงได้พูดขึ้นว่า “พวก นายพิถีพิถันเกินไปนะ ฉันรู้ว่าถึงแม้ฉันจะเคยช่วยนายไว้ก็จริง แต่นายไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้…”
ฉินสือโอวยิ้มตาหยีแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องเกรงใจ พี่ชาย ทานอย่างสบายใจเถอะนะ เอางี้ ฉันสอนคำสแลงบ้านฉันให้นายหนึ่งประโยคแล้วกัน รับของผู้อื่นมาแล้วเมื่อเกิดปัญหาเลยไม่กล้าเอาเรื่องกับเขา ดังนั้นอาหารทะเลในฟาร์มปลาของฉันคงต้องยกให้นายจัดการแล้วล่ะ”
พูดถึงเรื่องธุรกิจ แม้จะอยู่บนโต๊ะอาหารชาวต่างชาติก็จะปฏิบัติต่อกันอย่างจริงจัง โดยสีหน้าของเจมส์ที่ดูเหมือนกำลังหาเหตุผลมาปฏิเสธ ในเวลานี้ปลาตัวเป่าย่างเมเปิลไซรัปได้ยกมาเสิร์ฟก่อน อาหารอื่นยังไม่มา แต่กลิ่นหอมฉุยโชยออกมาก่อนแล้ว…
………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 537 การต้อนรับขับสู้ของมิสเตอร์ฉิน
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!