ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 546 แขกผู้มีเกียรติ

แมทธิวและฉินสือโอวไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก หลังจากที่พูดคุยกันเรื่องราคาประมูลของฟาร์มปลาแกธเธอริงจบพวกเขาก็แยกย้าย
ฉินสือโอวให้ชาร์ครอไปอีกหนึ่งสัปดาห์ หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ค่อยกลับมาตั้งสถานีวิทยุที่นี่ใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าบริเวณที่ตั้งสถานียังคงอยู่ที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง แต่ว่าจะเป็นส่วนไหนของฟาร์มปลานั้น อยากที่จะตั้งตรงไหนก็ตั้งได้เลย
“คุณดูมั่นใจพอสมควรเลยนะ” ชาร์คพูดกลั้วหัวเราะ
ฉินสือโอวตบบ่าของเขา แล้วพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจว่า “เพราะฉันเข้าใจในอำนาจของตัวเองยังไงล่ะ!”
28 ล้านดอลลาร์แคนาดา? คิดเป็นเงินเท่าไรกันนะ แต่เงิน 82 ล้านนั้นเขาก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถหามันมาได้!
ตอนนี้เงินในบัตรเขามีอยู่เท่าไร ฉินสือโอวไม่เคยรู้ เขาไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อีกอย่างเขารู้ดีว่าหากตอนนี้เขาไม่มีจิตสำนึกโพไซดอน อย่างไรเขาก็ยังคงใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายไปได้ทั้งชีวิต
เขายังไม่ได้รับเงินจากการขายภาพวาดน้ำมันของแวนโก๊ะ หลังจากที่ขึ้นรถฉินสือโอวก็ให้เบลคโทรไปสอบถามถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้ เบลคอธิบายให้ฟังว่า “เตรียมการเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมด 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นายแค่เตรียมรับเงินอย่างเดียวก็พอแล้ว แต่ว่าอาฟิฟทางนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการประเมินมูลค่าภาพวาดน้ำมันอยู่เลย ต้องรอให้เขาได้รับมูลค่าสุดท้ายเสียก่อน”
“ยังประเมินไม่เสร็จอีกเหรอ?” ฉินสือโอวคำนวณเวลานี่ก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว ยังประเมินมูลค่าไม่เสร็จอีกเหรอ?
“ใช่ นายคิดว่าบริษัทเอกชนพวกนั้นแค่มองภาพแป๊บเดียวแล้วก็ประเมินราคาได้เลยเหรอ? พวกเขาต้องให้ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์มาวิเคราะห์ภาพวาด เพื่อตรวจสอบปฏิกิริยาเคมีที่สีทำกับกระดาษ และตรวจสอบเม็ดสี แต่ว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ใช้ภาพนี้โปรโมตครั้งต่อไปได้ ภาษาจีนพูดว่ายังไงนะ?”
“ย้อมแมวขายงั้นเหรอ?”
“ใช่ ประโยคนี้แหละ ตอนนี้คนนอกหลายคนคิดว่าพวกเราต้องการประมูลภาพวาดอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์ จึงเป็นการดึงดูดให้คนพวกนั้นเข้าร่วมงานประมูลของเรา ใช่แล้ว งานประมูลปีนี้คุณจะมาไหม?”
“มันไม่เกี่ยวกับผมนี่ ผมจะไปทำไม?”
“ใครบอกว่าไม่เกี่ยวกับคุณ? บิลลี่ส่งสร้อยประคำมาให้หนึ่งเส้น บอกว่าเป็นของส่วนตัวของคุณ ผมจะให้คุณประมูลมัน และตอนนี้มีเศรษฐีชาวต่างชาติหลายคนให้ความสนใจกับมันอยู่”
ฉินสือโอวจำสร้อยประคำสีแดงเส้นนั้นได้ แต่ว่าสร้อยเส้นนั้นจะขายได้สักเท่าไรกันเชียว? ห้าแสน? หกแสน? ช่างเถอะ ค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน ช่วงนี้เขาสนใจแต่เรื่องผลผลิตของฟาร์มปลา
งานเฉลิมฉลองในเมืองได้เริ่มขึ้นแล้ว ฉินสือโอวจอดรถแล้วลงไปรวมกลุ่มกับวินนี่ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปรวมกลุ่มกับขบวนพาเหรด เขามองเห็นลายไข่ที่ดูคุ้นเคยหลายใบ เชอร์ลี่ย์และเด็กๆ เอาไข่ห่านที่ตกแต่งแล้วออกมาขาย หนึ่งใบราคาห้าสิบดอลลาร์แคนาดา
“พวกนายก็ทำธุรกิจเป็นนี่น่า” ฉินสือโอวถามกลั้วหัวเราะออกมา
เชอร์ลี่ย์เปิดกล่องเงินสดอย่างเชื้อเชิญ พลางพูดขึ้นว่า “ดูสิ พวกเราขายไข่ได้สี่ใบแล้ว ไข่ของพวกเรานั้นใบใหญ่ที่สุด ราคาก็ไม่แพง ดังนั้นจะขายดีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่น่า”
กอร์ดอนย่นจมูกแล้วพูดออกมาว่า “นอกจากไข่ไดโนเสาร์แล้ว ยังจะมีไข่ของใครจะใหญ่เท่าของเราอีกงั้นเหรอ?”
“มีสิ!” เชอร์ลี่ย์มองไปยังกอร์ดอนด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ยกตัวอย่างมาสิ” กอร์ดอนเถียงเชอร์ลี่ย์กลับ
ฉินสือโอวคิดว่าเชอร์ลี่ย์นั้นไม่รู้จักไข่นกกระจอกเทศ เลยคิดอยากจะเตือนเธอเสียหน่อย แต่ว่าใบหน้าของเด็กสาวโลลิต้าคนนั้นกลับมองไปยังกอร์ดอนพร้อมกับรอยยิ้มดูหมิ่น “ก็เช่นคนโง่หัวโตเหมือนไข่อย่านายไง!”
“โอเคๆ พวกเธอรีบขายไข่เถอะ จะมาทะเลาะกันอยู่ทำไม?” ฉินสือโอวหยิบเงินออกมาสิบห้าดอลลาร์ยื่นให้พวกเขาแล้วหยิบไข่มาหนึ่งใบ
เชอร์ลี่ย์ยกมือห้าม แล้วพูดออกมาว่า “ธุรกิจครั้งนี้มีคุณเป็นผู้ถือหุ้นด้วย ฉิน คุณมีส่วนในงานนี่สี่สิบเปอร์เซ็นต์ พี่วินนี่และพวกเราคนละสิบเปอร์เซ็นต์ หู่จือเป้าจือแล้วก็บุชกับนิมิตส์รวมกันสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น คุณไม่ต้องจ่ายเงิน ให้หนูลงบัญชีไว้ก็พอแล้ว”
ลงบัญชี? ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง ระดับอย่างสาวน้อยโลลิต้าคนนี้ เขาไม่มั่นใจเลยว่าเธอจะสามารถจดบัญชีได้อย่างละเอียดแม่นยำ คาดว่าสุดท้ายแล้วคนที่ปวดหัวที่สุดก็น่าจะเป็นตัวของเธอเอง
เมื่อเห็นไข่ห่านที่อยู่ในมือของฉินสือโอว วินนี่ก็พูดออกมาอย่างมีความสุขว่า “ขอบคุณที่ซื้อมาให้นะคะ ฉิน ฉันรักคุณนะ”
“ที่รัก ผมก็รักคุณ แต่ว่าผมไม่ได้ซื้อให้คุณหรอกนะ” ห่านใบใหญ่ที่ซื้อมานี้ ฉินสือโอวตั้งใจซื้อให้ชาร์ค การที่ต้องมาฉลองเทศกาลอีสเตอร์โดยการมาจัดการเรื่องจัดตั้งสถานีวิทยุให้เขาทั้งวันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“คุณให้ผม?” ชาร์คมองไปยังฉินสือโอวอย่างตกตะลึง หลังจากนั้นก็มองไปยังวินนี่ที่มีท่าทางอารมณ์เสีย ความคิดน่ากลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาในหัว
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง “ผมรู้ความหมายแฝงของการส่งไข่ให้กันระหว่างผู้ชาย แต่คุณอย่าเข้าใจผิด ผมต้องการแสดงความขอบคุณจริงๆ ขอบคุณพวกคุณที่ต้องมาทำล่วงเวลาในวันหยุด”
การเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์ที่จัดในปีนี้นั้นยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านมามาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าโบสถ์ โบสถ์ที่กว้างขวางและสะอาดใหม่นั้นสร้างความเลื่อมใสให้แก่ผู้คน และทำให้ชาวเมืองรู้สึกถึงความพิเศษมากยิ่งขึ้น
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจในเรื่องของพระเยซู จึงอยู่ด้านนอกโบสถ์ชิมคัสตาร์ดหลากหลายรสชาติอยู่ข้างนอก เต็นท์เล็กๆ ถูกตั้งขึ้นในเมือง ข้างในเต็นท์นั้นมีคัสตาร์ดให้กินฟรี นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาชิมได้ ไม่ต้องเสียเงิน พวกเขาสามารถกินได้ตามสบาย แต่ไม่สามารถห่อกลับบ้านได้
งานฉลองมีไปจนถึงบ่าย จากนั้นฉินสือโอวก็พาวินนี่กลับบ้านอย่างมีความสุข เมื่อเข้าไปใกล้บ้านก็เห็นหู่จือเป้าจือนั่งรออยู่ที่หน้าประตูราวกับยามเฝ้าบ้าน สายตาจ้องมองไปยังห้องโถงใหญ่อย่างระมัดระวัง
“มีแขกมา” วินนี่ยิ้มให้ฉินสือโอว ตอนนี้พวกเขารับรู้ถึงอารมณ์ของหู่จือเป้าจือได้อย่างชัดเจน
แต่เมื่อเดินเข้าประตูไป ฉินสือโอวก็ต้องตกตะลึง คนที่อยู่ในโถงนั้นคือคนที่เขาพึ่งแยกกันไม่นานนี้ แมทธิว จินรัฐมนตรีกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดา!
รัฐมนตรีคนนี้กำลังนั่งจิบชาอยู่ตรงข้ามเออร์บักและกำลังพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ไม่มีท่าทางนิ่งสุขุมเหมือนที่เจอเมื่อเข้าเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเห็นวินนี่และฉินสือโอว เออร์บักก็ยืนขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า “มา ฉิน วินนี่ ฉันจะแนะนำให้พวกนายรู้จัก”
วินนี่พูดออกมาเบาๆ “คนคนนี้คือรัฐมนตรีกรมการประมงคนใหม่ รีบไปตีสนิทกับเขาเร็วเข้า!”
“คุณจิน ลมอะไรพัดคุณมาถึงที่นี่เหรอ? พวกเรารู้จักกันแล้ว คุณปู่เออร์ ไม่ต้องแนะนำตัวกันหรอก” ฉินสือโอวรีบพูด ให้ตายเถอะ เป็นถึงท่านรัฐมนตรีเลยนะ หากอยู่ที่ประเทศจีนเขาจะอยู่ระดับไหนกันนะ? ระดับเดียวกับผู้ว่ามณฑลหรือว่าเจ้าหน้าที่ราชการที่ที่ตำแหน่งสูงที่สุดที่เขาเคยเจออย่างนายกเทศมนตรีกันนะ?
แมทธิวยืนขึ้นแล้วยื่นมือออกไปทักทายฉินสือโอวและวินนี่ เขายิ้มออกมาพลางพูดว่า “ผมแค่มาเยี่ยมอาจารย์ของผมเท่านั้น คุณเออร์บักน่ะครับ”
ฉินสือโอวนึกไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตาของเขาเบิกกว้าง เมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ มิน่าล่ะรัฐมนตรีกรมการประมงคนนี้ถึงได้รู้จักเขาและยังบอกราคาประมูลอีกด้วย เขาก็ดันไปคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ดึงดูดทั้งเพศชายเพศหญิงเสียอีก
เออร์บักพูดกลั้วหัวเราะ “หลังจากที่เรียนจบฮาร์เวิร์ดฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่ศาลทันที ฉันอยู่ที่มหาวิทยาลัยทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์ก่อน แมทธิวในตอนนั้นเข้าเรียนในวิชาของฉัน เพราะว่าเขามาจากเซนต์จอห์นเหมือนกัน ดังนั้นมิตรภาพของเราจึงได้เกิดขึ้นมาทันที”
“แค่นี้น่ะเหรอ? ผมก็นึกว่าคุณจะเล่ายาวกว่านี้เสียอีก” แมทธิวทำท่าทีเสียใจออกมาต่อหน้าเออร์บัก
ฉินสือโอวยิ้มขึ้นมากับบทสนทนานั้น จากนั้นก็ลากวินนี่ออกมาแล้วพูดเสียงเบาว่า “ผมเห็นความรักระหว่างชายแก่สองคนนี้ล่ะ”
“ความรักจริงๆ ด้วย” วินนี่ก็พูดเสียงเบาเช่นกัน
เออร์บักอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ส่วนแมทธิวก็อายุหกสิบนิดๆ แต่เพราะว่าเขานั้นดูแลตัวเองดี ผมสีน้ำตาลทองของเขานั้นจึงไม่มีผมหงอกเลยแม้แต่เส้นเดียว ลักษณะท่าทางเหมือนคนที่มีพลังงานล้นเหลืออยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่า เออร์บักในตอนนี้ก็เป็นคนที่มีพลังงานล้นเหลือเช่นกัน นั้นก็เพราะฉินสือโอวคอยถ่ายพลังจากจิตสำนึกโพไซดอนให้เขาและพ่อแม่ของตัวเองเสมอ
เออร์บักนั้นถือเป็นปรมาจารย์แห่งการเจรจาต่อรอง การควบคุมบรรยากาศรอบๆ ถือเป็นความสามารถพิเศษของเขา เขาเห็นว่าฉินสือโอวและวินนี่ที่เผชิญหน้ากับแมทธิวตอนนี้นั้นมีท่าทีเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย เขาเลยเปลี่ยนหัวข้อในการพูดคุยมาเป็นเรื่องเงินชดเชยของเรือไดโตะโชวะมารุ
แมทธิวยิ้มพลางพูดออกมาว่า “พวกเขาตกลงที่จะจ่ายค่าชดเชยแล้ว ทั้งหมด 14,200,000 ดอลลาร์แคนาดา เพื่อเป็นเงินชดเชยค่าเสียหายแก่พวกเรา”
……………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset