ค่าใช้จ่ายในการทำฟาร์มระบบปิดนั้นสูงมาก เมื่อเกิดปัญหา การแก้ไขก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เช่นตาข่ายพวกนี้ พวกมันถูกโยงเข้าด้วยกัน ปกติแล้วหากตาข่ายอันหนึ่งเกิดขาขึ้นมา แค่เปลี่ยนอันเดียวก็พอแล้ว
แต่ฝูงฉลามเสือนั้นพันตาข่ายหลายๆ อันเข้าด้วยกัน และนี่คือปัญหา เพราะว่าเมื่อตาข่ายจำนวนมากชำรุด การจะเปลี่ยนนั้นค่อนข้างยาก
เหล่าชาวประมงและผู้เลี้ยงสัตว์น้ำที่อยู่บนเกาะต่างพากันตะโกนโหวกเหวกออกมา แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านี้ได้ ฉลามเสือนั้นฉลาดแกมโกง พวกมันว่ายลงไปใต้ท้องทะเล เมื่อเข้าบริเวณฟาร์มปลาแล้วพวกมันก็โจมตีจากในน้ำ ทำให้อวนจับปลานั้นถูกทำลาย สร้างความเสียหายให้อวนพวกนั้นอย่างมาก
เรือล่าฉลามนั้นไร้ประโยชน์ หากฉลามเสือว่ายลงไปยังใต้ท้องทะเลแล้วล่ะก็ คลื่นโซนาร์จะไม่สามารถหาพวกมันเจอได้ ทำให้ไม่สามารถใช้อวนจับปลาจับพวกมันได้เช่นกัน
ยังเหลือตาข่ายของฟาร์มปลาอีกห้าแห่งที่ต้องทำลาย ฝูงฉลามเสือพาฝูงปลาทูน่าหนีออกมาพร้อมกัน ทั้งสองฝ่ายไม่ได้รุกล้ำกันและกัน ฉินสือโอวได้สั่งให้ฝูงฉลามเสือปล่อยฝูงปลาทูที่บริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ แล้วเขาก็รอให้ฝูงปลาทูว่ายกลับมาเอง
เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลาเขาก็มองดูฝูงปลาเหล่านั้น ฝูงปลาอีโต้มอญก็มายังฟาร์มปลาของเขาด้วยเช่นกัน เมื่อปลาสีสันสดใสพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นที่ฟาร์มปลา มันก็เป็นตัวจุดชนวนเรื่องวุ่นวายเล็กๆ ขึ้นทันที ปลาแฮร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรลและปลาตัวเล็กตัวอื่นๆ นั้นเมื่อเห็นผู้ล่าเป็นครั้งแรก พวกมันก็ว่ายหนีกันอย่างอลหม่าน
ฝูงปลาอีโต้มอญไม่ได้สนใจปลาเล็กๆ พวกนั้น พวกมันอาจจะรู้ว่าอย่างไรพวกมันก็ตามไปไม่ทันอยู่แล้ว พวกมันจึงทำเพียงว่ายไปมารอบๆ บริเวณฟาร์มปลา เมื่อพวกมันเห็นทุ่งสาหร่ายทะเลจำนวนมาก พวกมันก็รีบพุ่งตัวเข้าไปยังในกอสาหร่ายพวกนั้นอย่างมีความสุข
ตอนนี้ฉินสือโอวได้เข้าใจนิสัยของปลาอีโต้มอญพวกนี้แล้ว เพราะว่าสีสันของพวกมันค่อนข้างโดดเด่น ดังนั้นการล่าอาหารในบริเวณโล่งแจ้งนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ดังนั้นพวกมันจึงทำได้เพียงหาอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวไปมาในน้ำได้ และเข้าไปซ่อนตัวใต้สิ่งเหล่านั้นแล้วรอให้เหยื่อว่ายเข้ามาหาเอง
พอเห็นแบบนี้ เจ้าปลาอีโต้มอญก็ไม่ต้องลงแรงอะไรก็สามารถลิ้มรสอาหารได้เลย ช่างเป็นการเอาเปรียบและไม่ยุติธรรมที่สุด ฉินสือโอวกังวลว่าปลาพวกนี้หากอยู่ในฟาร์มปลาของเขาอาจจะหิวตายได้ เพราะว่าจิตสำนึกโพไซดอนนั้นได้ทำให้ปลาทุกตัวที่อยู่ที่นี่นั้นฉลาดขึ้นเล็กน้อย หากเวลาล่วงเลยไปสักพักเกรงว่าพวกมันจะรู้ว่าทุ่งสาหร่ายทะเลนั้นอันตรายจนไม่เข้าใกล้อีก
ปลาที่อาศัยสาหร่ายทะเลพวกนั้นไม่ได้มีเพียงปลาตัวเล็กๆ แต่ยังมีปลาขนาดใหญ่ด้วย ก่อนหน้านี้พวกปลาอีโต้มอญสร้างความวุ่นวายให้ปลาตัวอื่นๆ เป็นอย่างมาก บอลหิมะ ไอซ์สเกตรวมถึงบีนทั้งสามตัวต่างรับรู้ถึงการปรากฏตัวของฝูงปลาอีโต้มอญ แต่ว่าบอลหิมะและไอซ์สเกตได้สนใจ ส่วนบีนที่กำลังหิวอยู่นั้น ได้พุ่งตัวเข้าไปหาพวกมันทันที
โลมาปากขวดพุ่งลงมาไม่นานก็ไปโผล่ที่ใต้กอสาหร่ายแล้ว มันมองไปยังปลาอีโต้มอญตัวอ้วนตัวหนึ่ง ด้วยท่าทางที่เหมือนกับลูกธนูที่กำลังพุ่งออกไป
ปลาอีโต้มอญตัวนั้นไม่สามารถหนีไปไหนได้ มันจึงถูกบีนกัดเข้าทันที ฉินสือโอวที่กำลังจะเข้าไปห้ามบีนนั้น เขากลับเห็นว่าปลาอีโต้มอญที่อยู่ในปากของบีนนิ่งสนิทไปเสียแล้ว คาดว่าน่าจะถูกกัดตายไปแล้ว เขาคงทำได้เพียงปล่อยมันไป
บีนลากปลาอีโต้มอญออกไปหลายร้อยเมตร เมื่อมันรู้สึกว่าเหยื่อที่อยู่ในปากไม่ขยับแล้ว มันก็คายออกมา หลังจากที่ว่ายน้ำวนดูปลาอีโต้มอญตัวนั้นอยู่สองสามแล้วเห็นว่ามันตายแล้วจริงๆ บีนก็จากไปอย่างไม่ค่อยมีความสุขนัก
หลังจากที่เห็นว่าบีนได้จากไปแล้ว ปลาอีโต้มอญที่เหมือนตายไปแล้วนั้นก็สะบัดหางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่ารอบด้านไม่มีศัตรูอยู่แล้วมันจึงอย่างว่ายกลับไปยังกอสาหร่ายอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความสบายใจ
ฉินสือโอวมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง ปลาอีโต้มอญพวกนี้ไม่ได้โง่เหมือนท่าทางของมันเลยสักนิด กลับกันมันกลับแกล้งตายเพื่อให้รอดพ้นจากการฆ่าของโลมาอีกด้วย ถือว่าฉลาดใช้ได้เลย
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สัตว์ในธรรมชาตินั้นจะแกล้งตายเพื่อหลบหนีศัตรู เนื่องจากว่าสัตว์หลายสายพันธุ์นั้นไม่กินของเน่าเสีย เพราะเนื้อสัตว์ป่าที่เน่าเปื่อยนั้นมีเชื้อโรคแบคทีเรียและไวรัสปะปนอยู่มากมาย เมื่อกินเข้าไปจะทำให้ไม่สบายได้ง่าย แต่สำหรับสัตว์ทะเลที่มีความสามารถเช่นนี้นั้นพบเจอได้น้อยมาก พูดง่ายๆ คือ พวกมันไม่มีสมอง แต่ปลาอีโต้มอญกลับเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีความสามารถนี้
ความสามารถในการหนีโลมาของมันนั้นถือว่าใช้ได้เลย ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเมื่อโลมาจับเหยื่อได้พวกมันจะชอบเล่นกับอาหารของตัวเองก่อน หลังจากที่บีนจับปลาเล็กๆ นั้นมันก็ชอบว่ายพาอาหารของตัวเองไปยังบนผิวน้ำ จากนั้นก็โยนอาหารพวกนั้นขึ้นให้หล่นลงมาใส่ปากพอดี
แต่หากเหยื่อของมันตายแล้ว โลมาพวกนั้นก็จะเลิกสนใจทันที พวกมันกินแต่อาหารสดๆ เช่นเวลาที่มันกินปลาค็อดและปลาแซลมอนซ็อกอาย พวกมันก็จะอ้าปากกินเหยื่อของมันเข้าไปทั้งที่ยังเป็นๆ อยู่ไม่เหมือนพวกฉลามเสือที่ต้องกัดเหยื่อให้ตายก่อนแล้วค่อยกลืนลงไป
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ฟาร์มปลานั้นอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย ปลาที่ออกไปลาดตระเวนในท้องทะเลส่วนใหญ่ได้กลับมาที่ฟาร์มปลาแล้ว ฉินสือโอวยังเห็นฝูงเต่ามะเฟืองที่ไม่ได้เห็นมานานแล้วอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวได้บังคับให้ฝูงเต่ามะเฟืองอยู่แต่ในฟาร์มปลา ปรากฏว่าเต่าโตเต็มวัยพวกนั้นไม่มีการผสมพันธุ์เกิดขึ้นเลยสักครั้ง เขานั้นจนปัญญา จนสุดท้ายก็ทำได้เพียงปล่อยพวกมันให้ออกไปที่อื่น หลังจากนั้นเต่าตัวเต็มวัยพวกนั้นออกไปจากฟาร์มปลาไปช่วงฤดูใบไม้ร่วง คาดว่าพวกมันคงจะมุ่งหน้าไปยังซีกโลกใต้เพื่อจำศีล ท้ายที่สุดแล้วจึงเหลือเพียงพวกมันไม่กี่ตัวที่กลับมายังฟาร์มปลา
ตอนที่ฉินสือโอวไปสังเกตการณ์อยู่ที่บริเวณปากทางแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลนั้น เขากลับเห็นฝูงเต่ามะเฟืองขนาดใหญ่กำลังกินอาหารอยู่บริเวณปากแม่น้ำ นอกจากนี้ในฝูงเต่ามะเฟืองนั้นยังมีลูกเต่าตัวขนาดเท่าฝ่ามือปะปนอยู่ในนั้นด้วย ลูกเต่าพวกนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก พวกมันไม่สามารถว่ายน้ำเองได้ พวกมันจึงทำได้เพียงเกาะกระดองของพ่อแม่มาที่นี่เท่านั้น
เมื่อเห็นฝูงเต่ามะเฟืองตัวเล็กๆ กลับมาด้วย ฉินสือโอวก็ดีใจเป็นอย่างมาก เฮ้อ เจ้าพวกนี้ต้องให้ย้ายถิ่นฐานไปก่อนถึงจะผสมพันธุ์แล้ววางไข่ได้จริงๆ ด้วย ดูเหมือนว่าก่อนหน้าที่พวกมันออกจากฟาร์มปลาไปไม่ได้เป็นเพราะว่าพวกมันไม่ชอบฟาร์มปลา แต่เพื่อไปผสมพันธุ์นี่เอง
ตอนนี้พวกมันผสมพันธุ์เรียบร้อยแล้ว พวกมันจึงพาครอบครัวกลับมายังฟาร์มปลาต้าฉิน ฉินสือโอวนับจำนวนพวกมันคร่าวๆ ฝูงเต่ามะเฟืองรวมทั้งตัวเล็กตัวใหญ่แล้วมีราวๆ สี่ห้าสิบตัว ฝูงเต่ามะเฟืองนั้นปรากฏตัวที่ฟาร์มปลาอีกครั้งแล้ว
เต่ามะเฟืองนั้นกินและขายไม่ได้ แต่ว่าพวกมันนั้นสำคัญต่อฟาร์มปลาเป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะว่าพวกมันสามารถกินแมงกะพรุนได้ ขอเพียงพวกมันอยู่ที่นี่ ฟาร์มปลาก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แมงกะพรุนปกคลุมน่านน้ำแน่นอน
เมื่อมองไปยังลูกเต่ามะเฟืองที่ตัวนิ่มๆ นั้น ฉินสือโอวก็ถ่ายทอดพลังจิตสำนึกโพไซดอนให้อย่างมีน้ำใจ เต่ามะเฟืองพวกนั้นมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ซึ่งสามารถฝึกมันให้เป็นผู้นำได้
เหล่าเต่ามะเฟืองเหล่านั้นถือเป็นต้นแบบของแรงงานที่สุขุมรอบคอบเป็นอย่างมาก หลังจากที่พวกมันได้รับพลังจิตสำนึกโพไซดอน เหล่าเต่ามะเฟืองทั้งตัวเล็กใหญ่ก็พากันไปทำความสะอาดแมงกะพรุนที่อยู่บริเวณน่านน้ำของฟาร์มปลา
แม้ท่าทางของพวกมันนั้นดูเงอะงะ แต่สายตาของมันนั้นเฉียบคม ฉินสือโอวไม่สามารถมองเห็นเหล่าแมงกะพรุนสีใสๆ นั้นได้อย่างชัดเจน แต่พวกเต่ามะเฟืองสามารถเห็นได้ในทันที จากนั้นก็พุ่งเข้าไปกินพวกมัน
กระดองเต่าของเต่ามะเฟืองนั้นสามารถยาวได้ถึงหนึ่งเมตรกว่า ปากของมันเต็มไปด้วยฟันซี่เล็กเรียงกันอย่างหนาแน่น เวลาที่มันล่าเหยื่อนั้นช่างน่ากลัวเป็นอย่างมาก ในตอนที่ฝูงเต่ามะเฟืองกำลังล่าเหยื่ออยู่นั้นพวกมันก็เจอกับฝูงหมึกกระดองที่กำลังล่าเหยื่ออยู่เช่นกัน
ฉินสือโอวได้พาลูกหมึกกระดองมายังฟาร์มปลาอยู่สองสามครั้ง หนึ่งปีมาแล้ว หมึกกระดองพวกนี้โตขึ้นมากแล้ว การเจริญเติบโตของพวกมันนั้นเร็วไม่เท่ากับปลาค็อด แต่เมื่อเทียบกับปลาพวกแฮร์ริ่ง และซาบะแล้วถือว่าเร็วกว่ามาก หมึกกระดองตัวโตเต็มวัยนั้นสามารถยาวได้ถึงครึ่งเมตรเลยทีเดียว
เดิมทีหมึกกระดองพวกนี้กำลังกินอาหารอยู่ รูปร่างของพวกมันนั้นเหมือนกับป้ายไฟแอลอีดี สีของพวกมันมีหลากหลาย แต่ละตัวมีสีที่แตกต่างกัน สีสันมากมายพวกนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน
ฉินสือโอวได้สังเกตมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาคิดว่าเป็นสีพิเศษที่เกิดขึ้นจากการกินอาหารในแต่ละครั้ง ตอนนี้จิตสำนึกโพไซดอนนั้นมีความสามารถในการรับรู้ถึงอารมณ์ของสิ่งมีชีวิตแล้ว เขาจึงได้รู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด เวลาที่หมึกกระดองพวกนี้มีความสุขสีบนตัวของมันก็จะมีสีสันอย่างที่เห็น
แต่เมื่อพวกมันเข้าใกล้กับฝูงเต่ามะเฟือง สีสันสวยงามของหมึกกระดองก็หายไปทันที สีพวกนั้นถูกแทนที่ด้วยแถบสีขาวดำราวกับม้าลาย สามารถเห็นถึงแรงอาฆาตที่ส่งออกมา
แต่เหล่าเต่ามะเฟืองนั้นไม่มีการตอบสนองใดๆ เกิดขึ้น พวกมันไม่สนใจหมึกกระดองเลยสักนิด และยังคงมองหาแมงกะพรุนต่อไป
เหล่าหมึกกระดองคิดว่าเหล่าเต่ามะเฟืองมาแย่งเหยื่อของตนเอง ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนสีให้น่ากลัวนั้นจะไม่สามารถทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้ พวกมันทำได้เพียงใช้ความสามารถของตนเองเท่านั้น อย่างการพ่นหมึกสีดำออกมาจากปาก พวกมันหดท่อที่อยู่ตามหนวดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พ่นน้ำจากท้องออกมาจากรูพวกนั้นอย่างรุนแรง มันใช้แรงดันนี้ในการพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหนี
เหล่าเต่ามะเฟืองไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย พวกมันยังคงว่ายน้ำไปข้างหน้า เรียกได้ว่าพวกมันนั้นใจเย็นเป็นอย่างมาก
…………………………………….
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 548 การกลับมาของเต่ามะเฟือง
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!