หลังจากส่งเฮย์วู้ดทั้งสองไปแล้ว ฉินสือโอวจึงกลับไปวางแผนสร้างฟาร์มปลาต่อ ในขณะเดียวกันก็โทรเรียกบิล ซาทชี่ผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเล แม้ว่าธุรกิจของเขาจะเกี่ยวกับพันธุ์พืชน้ำทะเลเป็นหลัก แต่อย่างไรมันคือการเกษตรเหมือนกัน ดังนั้นการปลูกไร่องุ่นเขาก็ต้องรู้
เมื่อรู้ว่าฉินสือโอวจะเปิดไร่องุ่น บิลที่รีบเดินทางมาจนหกล้มคะมำมาตลอดทางจึงยิ้มพร้อมโบกมือ แล้วพูดขึ้น “ไม่ได้ๆๆๆ ฉิน นี่มันไม่เหมาะ ไร่องุ่นในแคนาดาส่วนใหญ่จะไม่ตั้งอยู่ทางใต้ เกาะแฟร์เวลยิ่งตั้งอยู่ทางใต้ของทางใต้ นี่มันยิ่งไม่เหมาะสม”
“ทำไมล่ะ?”
“ที่ตรงนี้ของคุณอยู่ริมทะเลไงล่ะ! ที่ริมทะเลไม่สามารถปลูกไร่องุ่นได้ ตอนกลางคืนจะมีความชื้นมาก องุ่นไม่สามารถทนความชื้นแบบนี้ได้ จริงอยู่ที่พวกมันอาจจะไม่ตาย แต่รสชาติตอนสุกจะไม่อร่อยและมีรสขมมาก!” บิลอธิบาย
เมื่อฟังบิลพูดเช่นนั้น ฉินสือโอวกลับยักไหล่และไม่สนใจคำอธิบายของเขา ใช่ เขารู้อยู่แล้วว่าริมทะเลไม่เหมาะกับการปลูกไร่องุ่น ไร่องุ่นในแคนาดาส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้กับเขตทะเลสาบทางใต้ ซึ่งเป็นเพราะว่าน่านน้ำขนาดใหญ่สามารถบรรเทาอากาศที่หนาวจัดของฤดูหนาวและต้นฤดูใบไม้ผลิในแคนาดา ดังนั้นมันจึงช่วยปกป้องเถาองุ่นได้
นอกจากนี้ ทะเลสาบกับมหาสมุทรก็ไม่เหมือนกัน มันเป็นน้ำเหมือนกันก็จริง แต่ที่หนึ่งไม่มีลมที่หนึ่งมีลมแรง ที่หนึ่งไม่มีทะเลสาบที่หนึ่งมีกลิ่นอายของทะเลสาบมาก ดังนั้นทั้งสองที่จึงมีสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน
ในความเป็นจริงแคนาดาไม่เหมาะกับการทำไร่องุ่น แคนาดามีพื้นที่มากกว่า 10 ล้านตารางกิโลเมตร แต่กลับมีแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญเพียงสี่แห่ง ซึ่งแบ่งออกเป็นรัฐออนแทรีโอ รัฐบริติชโคลัมเบีย รัฐโนวาสโกเชียและรัฐควิเบก
รัฐออนแทรีโอเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญที่สุด ซึ่งสัดส่วนปริมาณการผลิตทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 75% และสถานที่ผลิตเป็นไปตามมาตรฐาน VQA ของสมาคมคุณภาพไวน์ในแคนาดา ซึ่งมีแค่เพียงรัฐออนแทรีโอและรัฐบริติชโคลัมเบียเท่านั้น
ถึงแม้ว่าสองรัฐนี้ จะผลิตไวน์แดงแห้งและไวน์ขาวแห้งคุณภาพดีได้น้อย แต่ไวน์ที่ผลิตหลักๆ คือไอซ์ไวน์ และแน่นอนว่าที่ฉินสือโอวเปิดไร่องุ่น นอกจากการจะปลูกองุ่นไว้สำหรับการรับประทานแล้ว ยังใช้องุ่นในการสกัดไอซ์ไวน์อีกด้วย
ฉินสือโอวไม่สนว่ารสชาติของผลองุ่นที่ผลิตออกมาจากบริเวณชายฝั่งจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เขาต้องการคือให้มันยืนต้นอยู่รอดต่อไปได้ ขอแค่มันไม่ตาย เขาจะใช้พลังแห่งโพไซดอนถ่ายทอดให้กับเถาองุ่น ดังนั้นองุ่นที่ผลิตออกมาก็จะมีรสชาติที่อร่อยอย่างแน่นอน
บิลอธิบายแล้วแต่ฉินสือโอวก็ยังไม่ฟัง จึงทำได้แค่ถามเขาว่าจะเปิดไร่องุ่นอย่างไรและเลือกองุ่นพันธุ์ไหนมาปลูกถึงจะเหมาะสม
ฉินสือโอวเคยหาข้อมูลมาว่าในช่วงก่อนปี 1980 องุ่นที่ประเทศแคนาดาปลูกส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์อเมริกันที่ทนหนาวได้ แต่องุ่นสายพันธุ์เหล่านี้ถ้าสกัดออกมาแล้วรสชาติจะค่อนข้างฝาดอมเปรี้ยว ดังนั้นหลังจากปี 1980 ไวน์องุ่นสายพันธุ์ยุโรปจึงค่อยๆ เข้ามาและกลายเป็นกระแสหลักในการเพาะปลูก
แน่นอนว่าเจ้าของไร่องุ่นในแคนาดาจึงเลือกองุ่นสายพันธุ์ยุโรปหรือพันธุ์ลูกผสมเป็นหลัก เช่นสายพันธุ์องุ่นแดงบาโก้นัวร์ผสมพันธุ์กับมาร์เชล ฟอช์ องุ่นขาวเชอนินบลังค์ผสมพันธุ์กับวิดัลบลังค์ สายพันธุ์เหล่านี้ล้วนเป็นสายพันธุ์ที่ทนความหนาวเย็นได้
อย่างสายพันธุ์องุ่นขาว เช่น รีสลิ่ง โซวีญงบล็อง ชาร์ดอนเนย์ เกเวอร์ทรามีเนอร์และปีโนกรี และสายพันธุ์องุ่นแดง เช่น แมร์โล กาแบร์เนโซวีญงและชีราซ ภายใต้สภาพอากาศหนาวเย็นของแคนาดาทำให้คุณภาพของยีสต์ในองุ่นสกัดสายพันธุ์ยุโรปเหล่านี้ไม่สามารถอยู่รอดได้
ฉินสือโอวไม่สนสิ่งเหล่านี้ เขาสนแค่ว่าสายพันธุ์ไหนดีเขาก็จะเลือกสายพันธุ์นั้น เขาจึงขอให้บิลแนะนำพันธุ์องุ่นที่ดีที่สุดให้โดยตรง
บิลเห็นเขาดึงดันจะทำให้ได้ จึงทำได้แค่ยักไหล่ใส่แล้วท่องไว้ว่า ‘ลูกค้าคือพระเจ้า’ จากนั้นเขาก็รีบโทรหาเพื่อนที่ทำไร่องุ่นทันทีเพื่อให้เพื่อนของเขาแนะนำพันธุ์องุ่นให้กับฉินสือโอว
ฉินสือโอวได้ทำการเลือกสายพันธุ์องุ่น ซึ่งสายพันธุ์ที่กินได้หลักๆ จะเลือกเป็นองุ่นแดงในอเมริกาเหนือ เป็นองุ่นรสชาติดีจากแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา ปัจจุบันมีการส่งออกขายแล้วทั่วโลก แต่องุ่นชนิดนี้ไม่ทนต่อความหนาวเย็น ซึ่งบิลดูแล้วว่ามันจะไม่สามารถปลูกบนเกาะแฟร์เวลได้
ส่วนการสกัดไวน์ ฉินสือโอวเลือกมาสองสายพันธุ์คือสายพันธุ์องุ่นแดง ซึ่งเป็นกาแบร์เนโซวีญงและสายพันธุ์องุ่นขาวเป็นรีสลิ่ง องุ่นทั้งสองสายพันธุ์นี้เป็นองุ่นสกัดที่มีชื่อเสียงที่สุด
บิลแนะนำฉินสือโอวว่าให้เลือกวิดัลบลังค์ ซึ่งเป็นองุ่นสายพันธุ์ผสม และตอนนี้โรงสกัดไอซ์ไวน์ในรัฐออนแทรีโอส่วนใหญ่จะปลูกองุ่นชนิดนี้
ฉินสือโอวศึกษาค้นคว้าอยู่สักพัก วิดัลบลังค์องุ่นชนิดนี้เติบโตได้ช้า สามารถทนต่อความหนาวเย็นได้มากและสามารถปรับตัวในแถบอากาศหนาวเย็นได้ดี นอกจากนี้ยังมีเปลือกหนา เน่าเสียได้ยากและง่ายต่อการเก็บรักษา หลังจากที่มันเจริญเติบโตได้เต็มที่แล้วยังสามารถอยู่บนต้นได้อีกสามถึงสี่เดือนเพื่อต่อต้านการถูกรุกล้ำที่รุนแรงจากอากาศหนาวเย็นบริเวณละติจูดสูงได้ ดังนั้นจึงมักใช้องุ่นพันธุ์นี้ในการผลิตไอซ์ไวน์
แต่ระดับการสกัดไอซ์ไวน์จากวิดัลบลังค์มีความเป็นกรดต่ำ มีความหวานมากเกินไปและขาดกลิ่นหอมของไวน์ ซึ่งจุดนี้ฉินสือโอวไม่ค่อยพอใจมากนัก
จากการเปรียบเทียบ รีสลิ่งองุ่นพันธุ์นี้จะดีกว่ามาก มีการเติบโตช้าเหมือนกัน แต่ไวน์ที่สกัดด้วยองุ่นชนิดนี้จะมีรสชาติและกลิ่นที่ละเอียดอ่อนมาก
ยิ่งกว่านั้น รีสลิ่งเป็นองุ่นนี้ต้องการสภาพอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานานเพื่อสร้างรสชาติที่พิเศษ ในระหว่างนั้นยังสามารถรักษาความเป็นกรดที่ค่อนข้างสูงในองุ่นได้และรักษาความหวานของไอซ์ไวน์ให้มีความสมดุลได้ดี ทำให้ความรู้สึกตอนดื่มไวน์เต็มไปด้วยความซับซ้อนและมีกลิ่นหอมจนน่าประหลาดใจ
เพียงแต่รีสลิ่งค่อนข้างบอบบาง โดนแสงแดด อุณหภูมิและโรคติดต่อได้ไม่เท่าไรก็ทำให้การผลิตลดลง ดังนั้นในแคนาดาจึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก
แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ เขายังยืนยันที่จะเลือกสายพันธุ์ที่เปราะบางเหล่านี้
นอกจากนี้ การเลือกรีสลิ่งและกาแบร์เนโซวีญง นอกจากจะมีชื่อเสียงและมีรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งคือเหมาะสำหรับปลูกในดินทรายและเหมาะกับสภาพแวดล้อมของฟาร์มปลา
หลังจากเลือกพันธุ์องุ่นเสร็จ ฉินสือโอวจึงให้บิลช่วยเขาเลือกต้นองุ่น เขาและกลุ่มชาวประมงจะไปถางที่ดินบนที่ราบสูงเล็กๆ เพื่อเตรียมเพาะปลูก ตามความต้องการในการสร้างไร่องุ่น
องุ่นชอบแสงแดด ไร่องุ่นจึงต้องการลมและสภาพแสงที่ดี ดังนั้นที่ราบสูงเล็กๆ นี้จึงตรงตามมาตรฐานอย่างสมบูรณ์ โดยที่ตรงนี้มีลักษณะภูมิประเทศสูงจึงยากที่จะเกิดน้ำท่วมขัง หลังจากสร้างท่อระบายน้ำแล้ว ต่อให้ฝนตกหนักแค่ไหน ผลกระทบที่ตามมาก็จะไม่ร้ายแรงมาก
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการนำต้นองุ่นลงปลูกคือช่วงหลังใบไม้ร่วงในฤดูใบไม้ร่วงหรือก่อนใบไม้จะผลิใบใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ผลิของแคนาดาจะมาค่อนข้างช้า ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังจะผลิใบ ดังนั้นการนำต้นองุ่นลงปลูกจึงยังไม่สำเร็จ
ในพื้นที่ราบสูง 150 หมู่นี้ ฉินสือโอวแบ่งพื้นที่ปลูกออกเป็นแปดส่วน โดยทั่วไปพื้นที่ปลูกหนึ่งส่วนจะมีขนาดประมาณ 20 หมู่ ดังนั้นพื้นที่หนึ่งส่วนจะปลูกองุ่นที่สามารถกินได้ โดยจะปลูกองุ่นดำ องุ่นเขียวและพันธุ์อื่นๆ แต่จะปลูกองุ่นแดงเป็นหลัก ซึ่งสายพันธุ์องุ่นที่ใช้ทั้งหมดมีมากกว่า 20 สายพันธุ์
พื้นที่เพาะปลูกยังเหลืออีกเจ็ดส่วน พื้นที่ทั้งหมดนี้จะใช้ปลูกองุ่นสำหรับสกัด ชาร์คขับเครื่องพรวนดินไถดินไปทั่วทั้งพื้นที่ ด้วยการไถจอบหมุนจะทำให้กลิ้งหมุนได้อย่างรวดเร็วและไถหน้าดินทรายที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานานให้ร่วนซุย
บางครั้งในบางพื้นที่จะเจอพวกเศษหินและเปลือกหอยต่างๆ ซึ่งด้านหลังจะมีซีมอนสเตอร์ขับรถที่ติดตั้งคราดเพื่อกำจัดพวกมัน
ซึ่งตอนนี้รถกระบะจะสำคัญมาก เพราะเครื่องมือทางการเกษตรเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกับรถกระบะเพื่อใช้งานได้
เมื่อไถหน้าดินเสร็จแล้ว ชาร์คจึงตั้งขอบเขตของพื้นที่ปฏิบัติงาน ซึ่งจะใช้เครื่องบดถนนทุบทางทีละเส้น จากนั้นคนและรถจะใช้เส้นทางจากถนนเหล่านี้ในการเข้าสวน
ถนนในพื้นที่ปฏิบัติงานเป็นทางตรงดิ่ง ถนนแต่ละเส้นถ้าไม่ขนานกันก็จะเป็นแนวตรงดิ่ง ดังนั้นไร่องุ่นทั้งหมดจึงตัดกันเป็นตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
การทำงานได้ดำเนินมาถึงตอนนี้ เพื่อการเตรียมพร้อม ฉินสือโอวซื้อไม้จากเซนต์จอห์นมาอย่างเพียงพอ หลังจากนั้นจึงใช้เครื่องตอกเสาเข็มปักไม้ลงดิน ระหว่างกลางใช้ลวดตาข่ายขึงเพื่อให้องุ่นเลื้อยขึ้นไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ งานที่เหลือก็แค่รอให้ต้นองุ่นมาถึงเท่านั้น
…………………………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 570 การเปิดไร่องุ่น
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!