ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 585 รีบแจ้งตำรวจ

ในตอนค่ำฉินสือโอวกอดร่างอรชรของวินนี่พลางถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด “หวานใจ คุณกับหลิวซูเหยียนคุยกันเยอะ คุณคิดว่าเธอเป็นคนยังไง?”
วินนี่ยื่นมือมาคลายคิ้วที่ขมวดกันของเขาแล้วพูดปลอบ “โอเคแล้วโอเคแล้ว ไม่ต้องกังวล ฉันเข้าใจความหมายของคุณ คุณเป็นห่วงความสุขของโคโกโร่ แต่การพิจารณาคนคนหนึ่งในเวลาไม่กี่วันจะพอได้อย่างไร?”
เธอหยุดแล้วพูดต่อ “ฉันรู้จักโคโกโร่ดีกว่าหลิวซูเหยียน ฉันไม่รู้ว่าหลิวซูเหยียนเป็นคนอย่างไรแต่ฉันเชื่อว่าโคโกโร่ไม่ได้สายตาแย่ เขาฉลาดกว่าคุณมากไม่โดนหลอกง่ายๆ แน่นอน ในเมื่อเขาคิดว่าหลิวซูเหยียนไม่เลว พวกเราก็ควรเชื่อใจเขาไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดอย่างเหยียดหยาม “คุณมองผิดไปจริงๆ ที่รัก โคโกโร่ฉลาดกว่าผมเหรอ? ผมน่ะไม่ว่าจะเป็นการสอบระดับท้องถิ่นหรือการจีบสาวก็เก่งกว่าเขาทั้งนั้น…”
“จีบสาว”
“คนที่ผมจีบติดคือวินนี่ เซโรวา ดอกไม้แห่งที่ราบแพร์รี่แคนาดาที่เขาจีบไม่ติดแน่ หรือว่านี่ไม่ได้พิสูจน์แล้วว่าผมเจ๋งกว่าเขา?”
“ที่รัก ฉันชอบความหน้าไม่อายแล้วยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ของคุณนี่แหละ คุณจีบฉันติด? แน่ใจเหรอว่าเป็นอย่างนี้? ทำไมฉันรู้สึกว่าเป็นฉันที่จีบคุณติด?”
“เอ่อ ไม่ต่างกันเท่าไรหรอกมั้ง?”
“แน่นอน…”
“ไม่ต้องพูดแล้วที่รัก อืม พวกเรารีบผลิตลูกกันดีกว่า…”
ร่วมรักกับวินนี่ไปยกหนึ่งฉินสือโอวก็กล่อมวินนี่จนหลับ ตอนนี้เขาไม่ง่วงเลยปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนใส่ฟาร์มปลา
ยามเที่ยงคืน ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงเริ่มเคลื่อนไหวน้ำทะเลค่อยๆ ลดลงไปด้านหลังอย่างเงียบๆ ฟาร์มปลาเผยให้เห็นปะการังเกลื่อนพื้นทะเล
ฉินสือโอวตรวจดูฟาร์มปลาของตัวเอง ตอนที่เขาเตรียมจะย้ายจากฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทไปที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงก็สังเกตเห็นเรือสปีดโบ๊ทลำหนึ่งบนผิวน้ำกำลังเข้าใกล้ชายหาดที่ค่อนข้างสงบแถวๆ โรงงานเคมีชุนเทียนด้วยความเร็ว
มีเรือสปีดโบ๊ทปรากฏในเวลานี้ฉินสือโอวต้องระแวงเป็นธรรมดาเพราะสำนักงานอุตุนิยมวิทยาเมืองเซนต์จอห์นเตือนระดับคลื่นทะเลร้องขอเรือประมงหรือเรือสินค้าพยายามอย่าออกทะเลในช่วงนี้ อย่างนั้นเรือสปีดโบ๊ทลำนั้นมาทำอะไรตอนเที่ยงคืน?
และยิ่งเรือเข้าใกล้ฝั่งความเร็วก็ยิ่งช้าลงภายหลังยังมีคนปิดเครื่องยนต์ติดท้ายที่เสียงดังแล้วอาศัยเครื่องยนต์ในเรือที่แรงไม่เยอะและเสียงไม่ดังในการเคลื่อนไปข้างหน้า
หลังจากเข้าใกล้ชายฝั่งก็มีคนไม่กี่คนลงจากเรือ คนพวกนี้ทำอะไรฉินสือโอวก็ไม่เห็นเขาเห็นเพียงว่าหลังจากที่คนพวกนี้เดินไปแล้วประมาณสิบกว่านาทีก็มีลำแสงไม่กี่ลำส่องออกมาจากห้องสุดท้ายของโรงงานเคมีชุนเทียน
หลังจากนั้นที่โรงงานเคมีชุนเทียนก็สงบลงเรือสปีดโบ๊ทจอดซ่อนอยู่บนชายหาดไม่ขยับฉินสือโอวรอเกือบหนึ่งชั่วโมงก็ไม่เห็นคนด้านในทำได้แค่ออกไปก่อน
หลับไปตื่นหนึ่งฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปอีกรอบกลับพบว่าเรือสปีดโบ๊ทลำนั้นหายไปแล้ว
ไปมาอย่างไร้เงาราวกับเรื่องเมื่อคืนทั้งหมดฉินสือโอวแค่ฝันไปแต่เขารู้ว่านั้นไม่ใช่ฝันเพราะตอนเช้าเขาไปดูที่ชายหาดนั้น บนหาดมีรอยลากของท้องเรืออยู่
ชัดเจนว่าเพราะน้ำลงเมื่อคืนเรือลำนั้นเลยค้างเติ่งอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ใช้คนดันมันเข้าไปในน้ำ
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเรือลำนี้ต้องมีอะไรผิดปกติต้องการทำอะไรเขาก็เดาไม่ได้แต่ชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องดีไม่อย่างนั้นทำไมต้องถือโอกาสช่วงน้ำลงตอนเที่ยงคืนมาที่เกาะแฟร์เวลและยังไปที่โรงงานเคมีชุนเทียนด้วย?
เขาคิดแล้วคิดอีกตัดสินใจพาคนไปตรวจดูด้านในโรงงานเคมีไม่ใช่ว่าเขาคิดมากแต่เขามีความคาดเดาที่ค่อนข้างน่ากลัวอย่างหนึ่ง…
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่มีต่อฟาร์มปลาในที่สุดก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนก่อนหน้านี้มีคนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของตะไคร่น้ำและหญ้าทะเลที่ฟาร์มปลาแต่ฉินสือโอวใช้ข้ออ้างว่าไม่รู้โรงงานเคมีปล่อยเคมีของเสียอะไรลงทะเลมาเบี่ยงเบน
อย่างนั้นอาจจะมีคนจริงจังแล้วตั้งใจมาที่โรงงานเคมีเพื่อตรวจสอบอะไร?
พอคิดถึงด้านนี้ฉินสือโอวก็ให้เบิร์ดและนีลเซ็นพาหู่จือและเป้าจือฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนสนใจปีนกำแพงเข้าไปในโรงงานเคมี
โรงงานเคมีรกร้างมากแล้วด้านในมีแต่วัชพืชสูงแค่เข่า ของที่โรงงานเคมีผลิตอาจจะมีปัญหาจริงๆ หญ้าพวกนี้แม้จะงอกงามดีแต่สีกลับเป็นสีเทาอ่อนที่แตกต่างเหมือนสีเถ้ากระดูก…
ฉินสือโอวคิดได้อย่างนี้ก็ตัวสั่นเทาจับปืนเรมิงตันในมือแน่น
“คิดว่าไงครับ?” เบิร์ดถามฉินสือโอว “แยกกันไปสามทางไหม?”
ฉินสือโอวพูด “บุกไปที่โรงงานสุดท้ายก่อน ถ้าไม่เจออะไรพวกเราค่อยแยกกัน”
เมื่อวานเขาสังเกตเห็นลำแสงส่องออกมาจากโรงงานสุดท้าย เขาเชื่อว่าที่นั่นต้องมีปัญหาแน่ๆ
เครื่องยนต์ด้านในโรงงานถูกย้ายไปหมดแล้วเหลือแต่พวกอะไหล่พังๆ และกระดาษห่อที่ขาดพัง ไม่มีคนดูแลรักษามาเป็นเวลาหนึ่งปี แก้วที่ผนังแตกร่วงลงมาหลายชิ้นลมทะเลพัดโชยทำให้คนกลัว
ฉินสือโอวกวาดสายตามองด้านในโรงงานด้านในไม่มีอะไรเขาเลยส่ายหน้าแล้วคิดจะออกไป
เบิร์ดและนีลเซ็นย่อลงดูร่องรอยฝุ่นบนพื้นอย่างละเอียดไม่นานก็มองตากัน เบิร์ดพูด “มีผู้ชายห้าหรือหกคนมาที่นี่เมื่อไม่นานนี้ ในกลุ่มคนพวกนี้มีหนึ่งคนสูงร้อยห้าหรือหกสิบเซนติเมตรใส่รองเท้าปีนผาเบอร์38 ส่วนอีกไม่กี่คนสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตรขึ้นไปสวมรองเท้าปีนผารุ่นคาเมลเอชแปดสิบ”
ฉินสือโอวตะลึง “ดูออกหมดเลยหรอ?”
เบิร์ดพยักหน้าแล้วพูดอย่างเรียบๆ “สามารถดูออกได้ชัดเจนมาก ดูความเล็กใหญ่ของรอยเท้าที่ย่ำลงบนฝุ่นหนาประเมินความสูงและน้ำหนักของพวกเขาได้ไม่ต่างไปมากนัก”
นีลเซ็นให้หู่จือและเป้าจือดมที่รอยเท้าพวกนี้เจ้าสองตัวเงยหัวขึ้นมองไปรอบทิศแล้ววิ่งไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของโรงงาน
ฉินสือโอวยกปืนตามไปเดินไปใกล้แล้วถึงพบว่ามีแผ่นไม้วางตั้งอยู่ตรงมุม เอาแผ่นไม้ออกก็มีประตูเล็กๆ ปรากฏออกมา
ประตูเล็กถูกล็อกด้วยโซ่เหล็กเบิร์ดทำสัญญาณมือให้นีลเซ็นคนหลังถือลวดเหล็กโค้งสองเส้นเข้าด้วยกัน ผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีก็มีเสียง ‘แกร๊ก’ โซ่ถูกปลดออกแล้ว!
หลังประตูบานนี้คือทางใต้ดินที่มืดมิด หู่จือและเป้าจือน้ำเข้าไปก่อน พวกฉินสือโอวทั้งสามคนตามไปอย่างระมัดระวัง
ถึงสุดทางก็มีประตูอีกบาหนึ่งหู่จือกระโดนดันออก แสงสว่างจ้าและคลื่นความร้อนที่อบอ้าวพ่นออกมาทำให้ดวงตาของทั้งสามคนมืดไปชั่วครู่แสงด้านในช่างรุนแรงเหลือเกิน!
หลังจากปรับตัวเข้ากับแสงแล้วฉินสือโอวก็มองไปด้านในเห็นห้องใต้ดินขนาดใหญ่ประมาณสี่ห้าพันตารางเมตร
ด้านบนของห้องใต้ดินมีหลอดไฟแบบหลอดไส้หลอดทังเสตรนและหลอดไฮโลเจนเปิดช่องระบายอากาศไม่กี่ช่องรอบทิศแต่ช่องระบายอากาศถูกพัดลมดูดอาการปิดหมด แบบนี้สามารถรักษาให้อากาศหมุนเวียนได้และสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้หลอดไฟระเบิดได้ด้วย
อีกอย่างที่พื้นมีกะละมังใหญ่วางเรียงเป็นระเบียบมากมายเป็นพันเป็นหมื่นด้านในปลูกพืชสีเขียวขจีน่าตกใจ…
“นี่คืออะไร?” ฉินสือโอวถามจากจิตใต้สำนึก
เบิร์ดและนีลเซ็นพูดด้วยสีหน้าไม่ดี “บอส พวกเราไปกันกันเถอะ รีบแจ้งตำรวจ!”
…………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset