โชคดีที่พวกไอซ์สเกตก็กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ในน่านน้ำตรงแนวปะการังพอดี เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน พวกมันก็พากันไหว้น้ำเข้ามาหาด้วยความรวดเร็ว ยิ่งบอลหิมะยิ่งเร็วเป็นพิเศษ มีบีนว่ายตามมาด้านหลังด้วย ส่วนไอซ์สเกตก็ค่อยๆ ว่ายน้ำเข้ามาจากน่านน้ำด้านข้างอย่างเอื่อยๆ
ตอนนี้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของสิ่งมีชีวิต พอสัตว์ทั้งสามตัวว่ายน้ำเข้ามา เขาก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ของพวกมัน
บอลหิมะเร่งรีบที่สุด มันว่ายน้ำพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ส่วนบีนก็ว่ายน้ำตามบอลหิมะมาอย่างเบิกบานใจ ปากใหญ่ๆ แสยะไปข้างหลังสมกับฉายา ‘รอยยิ้มทูตสวรรค์’ ของมัน เผยเสน่ห์ของโลมาปากขวดอย่างเต็มที่
ส่วนไอซ์สเกตน่ะเหรอ? เจ้าเด็กนี่เหมือนดูละครอยู่ มันว่ายน้ำมาด้วยความรู้สึกยินดียินร้ายสะใจกับความทุกข์ของคนอื่นอยู่ด้านหลัง
หลังจากสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของสัตว์ทั้งสามตัว ฉินสือโอวก็อดที่จะทอดถอนใจออกมาไม่ได้ ถึงยังไงบอลหิมะก็ยังเป็นลูกชายของเขา ดูอารมณ์ความรู้สึกพวกนี้สิ ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งจริงๆ บีนก็ไม่เลวเลย หลังจากเห็นเขามันก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมากเหมือนกัน
แต่ไอ้เจ้าไอซ์สเกตนี่คือยังไงกัน? พวกความรู้สึกยินดีที่คนอื่นโชคร้าย ยืนมองคนอื่นประสบกับความหายนะ ความชื่นชอบที่จะดูชมพวกนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
หลังจากบอลหิมะว่ายน้ำมุดเข้ามาในน่านน้ำที่ถูกจิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมไว้ มันก็ว่ายวนไปมาด้วยความเร่งรีบ ฉินสือโอวจึงปลอบโยนมัน จิตใจก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้ง มันเป็นเด็กน้อยจริงๆ ด้วย
บีนว่ายน้ำถลันเข้ามา ฉินสือโอวกำลังจะปลอบโยนมันเหมือนกัน แต่ปรากฏว่ามันกลับพุ่งเข้าใส่บอลหิมะ ร่างกายเดี๋ยวงอเดี๋ยวยื่น เหมือนคิดอยากจะขี่ขึ้นไปบนตัวมัน
บอลหิมะพยายามหนีสุดชีวิต ทว่าบีนก็รีบกดติดมันเอาไว้ แล้วถูตัวมันอย่างแรง ในขณะนั้นบริเวณร่างกายส่วนล่างตรงพื้นที่สงวนก็มีผลกล้วยเล็กๆ สีแดงเปลือยเปล่าที่นูนขึ้นจนเผยออกมาข้างนอก…
ฉินสือโอวเหม่อมองภาพนี้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกและจิตวิญญาณ อยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเหตุการณ์นี้มันค่อนข้างประหลาด
ความรู้สึกของบอลหิมะก็ยิ่งตื่นตระหนกร้อนรนยิ่งกว่าเดิม มันบิดหมุนลำตัวที่เป็นเส้นตรงเรียบลื่นของมันเพื่อจะหนีออกไป แต่ทว่าเมื่อสักครู่นี้ความเร็วของมันลดลง เมื่อเทียบกันเรื่องความยืดหยุ่นของร่างกายแล้ว มันก็เทียบกับโลมาปากขวดไม่ได้ มันจึงต้องถูกบีนขึ้นขี่แล้วถูไปไถมาอยู่อย่างนี้
ส่วนไอซ์สเกตก็ว่ายน้ำลาดตระเวนอยู่รอบๆ ในดวงตาเล็กๆ ของมันมีความสุขทุกรูปแบบจากการรับชมด้วยความครึกครื้นรื่นเริง เดี๋ยวๆ ก็ว่ายเข้าไปใกล้ส่วนอีกเดี๋ยวก็ถอยกลับมา ขาดแค่ลากม้านั่งมาตะโกนเชียร์บอกให้สู้ๆ ก็เท่านั้น
ในที่สุดฉินสือโอวก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับอารมณ์ของสัตว์ทั้งสามตัว ความเป็นจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว บอลหิมะสัมผัสได้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน จึงว่ายน้ำเข้ามาเพื่อหลบภัย เพราะบีนกำลังไล่ตามมันมาเพื่อที่จะร่วมรักแบบเพศ เดียว กัน!
ใช่แล้ว เพศ! เดียว! กัน!
ตามที่ฉินสือโอวรู้มา ความถี่ของการเกิดพฤติกรรมทางเพศในเพศเดียวกันของโลมาปากขวดเกือบเท่ากันกับการเกิดพฤติกรรมทางเพศของเพศตรงข้าม นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชายรู้สึกปวดไข่และทำให้ผู้หญิงรู้สึกอยากจะกรีดร้องออกมา
โลมาตัวผู้เป็นสิ่งที่แปลกแยกท่ามกลางธรรมชาติ โดยทั่วไปพวกมันจะมีความสัมพันธ์ได้ทั้งสองเพศ ทว่าในช่วงชีวิตของพวกมันจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่จะรักเพศเดียวกัน นี่เป็นช่วงเวลาพิเศษ ดังนั้นโลมาเพศผู้ต่างก็มีประสบการณ์แบบนี้กันทั้งนั้น นี่ทำให้ฉินสือโอวในตอนนี้รู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดไปเล็กน้อย
เมื่อเห็นบีนที่กำลังไล่ตามบอลหิมะมาทางด้านหลังด้วยความรวดเร็ว ฉินสือโอวก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีเหมือนกัน นี่ก็เหมือนแบบที่ฉินสือโอวรู้มานั่นล่ะ นี่เป็นสัญชาตญาณของโลมาเพศผู้ไง…
ฉินสือโอวมองดูอยู่สักพัก เขารู้สึกเหมือนจะเป็นโรคไข้จับสั่นไปทั้งตัวจึงแอบหนีไปด้วยความเร่งรีบ ภาพเหตุการณ์นี้มันฮาร์ดคอร์เกินไปจริงๆ บีนไล่ตามบอลหิมะหลังจากนั้นก็อยากจะเอาหัวไชเท้าของมันยัดเข้าไปในปากของบอลหิมะ นี่คิดจะทำอะไรกัน เสี่ยฉินงงไปหมดแล้ว!
ทว่าวาฬเบลูกากลับไม่ได้มีความชื่นชอบแบบนี้ ดังนั้นมันจึงบิดหมุนลำตัวเพื่อหลีกหนีอย่างบ้าคลั่ง พอบีนเห็นว่าไม่มีโอกาสให้มันเล่นสนุก จึงพยายามขึ้นไปถูตรงส่วนหลังของบอลหิมะอย่างสุดชีวิต
ในใจของฉินสือโอวรู้สึกสับสนถึงที่สุด แม่เอ๋ย นี่เป็นรสนิยมอะไรของบีนกันนะ บอลหิมะเป็นวาฬเบลูกาไม่ใช่โลมาสักหน่อย ทำไมบีนถึงได้สนอกสนใจมันขนาดนี้?
เขาส่ายหัวไปมาอยู่ในใจ ฉินสือโอวรู้สึกว่าการมองภาพเหตุการณ์พวกนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร ถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อ ลูกทำแบบนี้ ถ้าเขาไม่ทำอะไรเลยก็คงไม่เหมาะ เรื่องนี้จะโทษบีนก็ไม่ได้ นี่ก็เหมือนกับความอยากอาหาร มันเป็นสัญชาตญาณตามธรรมชาติของโลมาปากขวด
ถ้าปกป้องบอลหิมะ แบบนั้นก็จะทำร้ายบีน ถ้าปกป้องบีน ก็เท่ากับว่าทำร้ายบอลหิมะ คุณพ่อฉินตกอยู่ในความลำบากใจทั้งสองทาง
ทว่าเขาก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรได้เหมือนกัน ลองคิดๆ ดู ฉินสือโอวก็คิดวิธีการที่โง่เขลาขึ้นมาได้ เขาเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนบางส่วนให้บอลหิมะกับบีน แบบนี้ระดับความเร็วในการว่ายน้ำของพวกมันก็จะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ความอดทนก็จะดียิ่งขึ้น ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้พวกมันจัดการกันเอง ลองดูว่าบอลหิมะจะหนีไปได้หรือบีนจะเป็นฝ่ายตามทัน…
เมื่อซึมซับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปแล้ว ทันใดนั้นสัตว์ทั้งสองตัวก็เหมือนเพิ่งสูบกัญชามา เรียกได้ว่ากระปรี้กระเปร่าสุดๆ
ร่างกายของวาฬเบลูกาที่กวัดแกว่งอยู่ตรงนี้ บอลหิมะสะบัดหางครั้งเดียวก็พุ่งทะยานออกไป บีนตามไปสักพักแต่ก็ตามไม่ทัน มันจึงทำได้แค่ว่ายกลับมาด้วยความขุ่นเคือง
ต่อมาทันใดนั้นบีนก็ทอดสายตาไปบนตัวของไอซ์สเกตที่ดูละครอยู่อีกฝั่ง
ไอซ์สเกตรู้สึกทะแม่งๆ ขึ้นมาทันที มันมองซ้ายมองขวา ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง มีแค่มันตัวเดียว แล้วมันก็หันกลับมามองสายตาคลุมเครือของบีนอีกครั้ง ไอซ์สเกตไม่มัวรีรอรีบหมุนตัวกลับแล้วว่ายหนีไปทันที
ฉินสือโอวไม่ได้เพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้มัน ดังนั้นบีนจึงไล่ตามไอซ์สเกตได้สำเร็จแล้วขึ้นขี่ไปบนตัวของมัน แค่ครู่เดียวบีนก็กดมันลงไปบนพื้นทรายใต้ทะเลได้สำเร็จ
เรื่องราวต่อจากนั้นฉินสือโอวก็ทนดูต่อไม่ได้แล้วจริงๆ ถ้ายังดูต่อ คืนนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ
เขาควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปจากน่านน้ำผืนนี้ บอลหิมะตามเขาเข้ามา ฉินสือโอวลองสังเกตดูมันอย่างละเอียด เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมบอลหิมะถึงได้ไปดึงดูดบีนเข้า ตอนนี้ลูกวาฬเบลูกาสวยเกินไปจริงๆ ผิวของมันวาววับเหมือนกันกับหยก เส้นโค้งเรียบลื่นสวยงาม ผิวเกลี้ยงนุ่มลื่น เสียงร้องก็งดงามน่าประทับใจ งดงามเกินไปจริงๆ
เมื่อมองมาถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็ขนลุกขนชันขึ้นมาทันที เวรเอ๊ยนี่มันอะไรกัน ไม่ใช่ว่าฉันติดมาจากบีนหรอกนะ?
โศกนาฏกรรมของไอซ์สเกตก็ยังคงดำเนินต่อไป ฉินสือโอวทนดูต่อไปไม่ได้ ทั้งยังไม่มีกะจิตกะใจจะลาดตระเวนฟาร์มปลาต่อแล้ว เขาจึงดึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมา
หลังจากฉินสือโอวตื่นนอนขึ้นในวันต่อมา สภาพจิตใจของเขาก็ไม่ค่อยดีนัก หวังเหล่ยตบแปะเข้าที่หลังของเขาอย่างสนิทสนม พอฉินสือโอวหันกลับไปดูแล้วพบกับหวังเหล่ย เขาก็ตกใจจนตัวสั่นแล้วกระโดดจนตัวโยน
หวังเหล่ยรู้สึกงงงวย “เป็นอะไรไปครับพี่ฉิน? ผมทำให้พี่ตกใจเหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วหัวเราะฮ่าๆ ออกมา “ไม่เป็นไรๆ ฮ่าๆ นายมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
หวังเหล่ยลูบหลังศีรษะของตัวเองไปมา เขาหัวเราะแหะๆ แล้วพูดขึ้น “คืออย่างนี้ครับพี่ฉิน ผมเห็นว่าองุ่นในสวนองุ่นของพี่กำลังแทงหน่อแล้ว ดังนั้นผมเลยจะถามว่าพี่คิดวางแผนไว้ว่าจะทำยังไงครับ ถ้าพี่ไม่ได้วางแผนอะไรไว้เป็นพิเศษ ตอนนี้ก็ควรจะจัดการกับต้นกล้าของต้นองุ่นได้แล้ว”
ในปีที่ปลุกต้นกล้าขององุ่นลงไป ตอนที่มันยังโตได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของระดับมาตรฐาน ในตอนนั้นก็ต้องทำการกำจัดหน่ออ่อน ยึดกิ่งและเด็ดยอด มันเป็นงานหนึ่งระบบ ในระหว่างนั้นขณะที่หน่ออ่อนตรงตาไม้กำลังจะงอก ก็ควรจะกำจัดหน่ออ่อนที่งอกจากตาไม้บนส่วนล่างของต้นกล้าให้ทันเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการเจริญเติบโตในแนวนอนซึ่งจะทำให้สิ้นเปลืองสารอาหารและส่งผลต่อการงอกของยอดตาและการเจริญเติบโตของยอดใหม่
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจสวนองุ่นเลย เขาลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว พอหวังเหล่ยเตือน เขาถึงได้เพิ่งนึกขึ้นได้อย่างฉับพลันแล้วจึงพยักหน้าตอบออกไป “ใช่ๆ ๆ ขอบคุณนะเสี่ยวเหล่ย ถ้านายไม่เตือนฉัน ฉันคงพลาดเรื่องนี้ไปแล้ว”
พอพูดจบ เขาก็รู้สึกงงงวยขึ้นมาจึงถามหวังเหล่ยออกไป “แล้วนายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? นายไม่ได้เรียนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรอกเหรอ?”
หวังเหล่ยยิ้มตอบเขา “ที่จริงผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร แต่ที่บ้านลี่ลี่มีสวนองุ่น เป็นสวนองุ่นเล็กๆ นั่นแหละครับ เมื่อวานนี้เธอลองเข้าไปดูสวนองุ่นของพี่ แล้วพบปัญหานี้เข้าก็เลยเอามาพูดกับผม”
ฉินสือโอวพยักหน้า เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เพื่อนร่วมชาติทั้งสองคนไม่ได้มาอย่างเสียเปล่าจริงๆ ถ้าพลาดช่วงเวลาที่ต้องเด็ดหน่ออ่อนทิ้ง แบบนั้นต้นกล้าของต้นองุ่นก็คงจะเสียเปล่าแล้ว อย่างน้อยที่สุดหลังจากนั้นก็จะจัดการได้ค่อนข้างวุ่นวาย จะไม่ได้ใช้การเด็ดหน่ออ่อนอย่างง่ายๆ แต่ต้องตัดกิ่งย่อยทิ้งไป
…………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 647 เลี้ยงลูกยากจัง
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!