บิลลี่ใช้กำลังแรงทั้งหมดว่ายขึ้นไปตรงผิวน้ำ บนหัวของเขาก็คือเรือสำราญ ดังนั้นเพียงแค่ขึ้นไปบนเรือได้เขาก็จะรอดชีวิต
เขายังนับว่าโชคดีที่สร้างเรื่องกับแค่เต่ามะเฟือง ไม่ใช่เต่าอัลลิเกเตอร์ที่ตีหู่จือกับเป้าจือจนร้องคร่ำครวญ ไม่เช่นนั้นถ้าถูกฝูงเต่าอัลลิเกเตอร์จ้องมองมา เขาคงต้องปีนขึ้นเรือรบ ไม่เช่นนั้นแค่เรือสำราญลำเล็กนี้คงถูกเต่าอัลลิเกเตอร์พุ่งชนจนเรือพลิกคว่ำ
ฉินสือโอวถ่ายพลังงานโพไซดอนส่วนหนึ่งให้เต่ามะเฟืองเป็นการชดเชย โดยเฉพาะเจ้าเต่าตัวเล็กที่กำลังโมโห พลังที่ป้อนเข้าไปนั้นเยอะมาก แบบนี้ถึงจะค่อยบรรเทาความโกรธของมัน แล้วบิลลี่จะได้หนีรอดไปได้
ทักษะการว่ายน้ำของเต่ามะเฟืองยอดเยี่ยมมาก ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถแหวกว่ายไปทั่วรอบโลกได้ เพราะฉะนั้นถ้าให้พวกมันไล่ตามเต็มกำลัง บิลลี่ก็อาจจะหนีไม่พ้นได้
พลังงานแห่งโพไซดอนนอกจากจะทำให้สิ่งมีชีวิตในน้ำเจริญเติบโตได้เร็วขึ้นและฉลาดขึ้นแล้ว ยังสามารถทำให้พวกมันมีความสุขขึ้นมาได้ เจ้าเต่าน้อยว่ายมาเกาะอยู่ที่ด้านหลังของฉินสือโอว ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตรของเต่ามะเฟืองอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงมักจะเห็นพวกเจ้าเต่าน้อยเกาะอยู่บนหลังเต่าตัวพ่อและเต่าตัวแม่
แต่ฉินสือโอวยังจำได้ถึงความอนาถที่ตอนนั้นบีนมาเกาะอยู่ด้านหลังไอซ์สเกต ดังนั้นเขาจึงรีบพลิกตัวเอาเจ้าเต่ามาอยู่อ้อมอกแทน เขาไม่อยากจะฝันร้ายในยามค่ำคืน ถ้าโดนจากโลมายังนับว่าดี แต่ถ้าโดนจากเต่าวันนั้นคง…
นั่นคงเป็นวันที่เลวร้ายสุดๆ !
พอพวกฝูงเต่ามะเฟืองจากไป เต่ามะเฟืองตัวที่โดนช็อตไม่รู้ไปหลบอยู่ตรงไหนของแนวปะการังก็โผล่ออกมา แขนขาที่แหวกว่ายเหมือนไม้พายเรือและหัวของมันยังกระตุกอยู่ตลอด ราวกับสูบฝิ่นเข้าไป และก็เหมือนกับกำลังเต้นอยู่
ฉินสือโอวถ่ายพลังโพไซดอนให้กับมัน แต่เหมือนจะไม่มีประโยชน์แขนขามันยังคงกระตุก แต่ไม่ได้ส่งผลต่อการว่ายน้ำของมัน ว่ายสั่นไปสั่นมาแต่ยังคงรวดเร็ว
พอเห็นมันเป็นแบบนั้น ฉินสือโอวอยู่ดีๆ ก็คิดถึงนิโคลัส จอชผู้มีชื่อเสียงแห่งเอเชียตะวันออกอย่างไม่มีเหตุผล
ฉินสือโอวตบไปที่หัวมันเบาๆ ท่าทางแบบนี้ออกจะดูไม่เป็นธรรมชาติไปสักหน่อย ลูบหัวเต่า…
พอร่ำลาคุณปู่เต่านิโคลัสราชานักเต้นที่ฟาร์มปลาเรียบร้อย ฉินสือโอวก็ดำดิ่งลงไปใต้ทะเล ไปเก็บหอยงวงช้างที่บอลหิมะตลบฝุ่นจนมันโผล่ขึ้นมาใส่ลงไปในถุงตาข่าย
เนื่องจากได้รับการบำรุงจากพลังแห่งโพไซดอน พวกหอยงวงช้างพวกนี้จึงเจริญเติบโตได้อุดมสมบูรณ์และงดงามไร้ที่ติ หนึ่งตัวหนักอย่างน้อย 2-3 ปอนด์ หลังจากที่ฉินสือโอวเก็นขึ้นมาหมด ลองยกดูน้ำหนัก แล้วผูกไว้ที่เอวว่ายขึ้นไปที่ผิวน้ำ
ตามกฎเกณฑ์ของประเทศแคนาดาหอยงวงช้างที่นักดำน้ำเก็บได้ต้องเอาขึ้นฝั่งให้หมด แต่ครั้งหนึ่งได้มากสุดคือ 50 ปอนด์ ซึ่งก็ไม่ถึง 25 กิโลกรัม
เหตุที่ว่ามีกฎเกณฑ์นี้ ก็เนื่องด้วยเปลือกหอยงวงช้างค่อนข้างบอบบาง ถ้าใส่หอยลงไปในถุงตาข่ายมากไป ตอนที่นักดำน้ำว่ายขึ้นไปบนฝั่ง หอยที่อยู่ด้านล่างก็จะถูกน้ำหนักของหอยที่อยู่ด้านบนกดทับจนแตก
พอเห็นกฎเกณฑ์นี้ คนอาจจะคิดว่ากรมประมงของประเทศแคนาดาว่างมากจนคิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา แต่จริงๆ แล้วนโยบายพวกนี้มาจากการสรุปของชาวประมงที่ได้เรียนรู้จากชีวิตจริงแล้วมาบอกกับทางรัฐบาล
บางทีสรุปออกมาแบบนี้อาจจะรู้สึกไม่สบายใจมากนัก แต่คุณภาพของชาวประมงที่ทวีปอเมริกาเหนือยังดีกว่าแถบเอเชียมากนัก แม้แต่ชาวประมงชาวญี่ปุ่นที่ว่าตัวเองมีวินัยเป็นอันดับหนึ่งก็ยังคงเทียบไม่ได้
ตอนที่ฉินสือโอวพลิกตัวจะขึ้นเรือ บิลลี่ก็เพิ่งขึ้นเรือมาไม่นาน ซึ่งนี่ก็เป็นผลจากชุดดำน้ำที่ต่างกัน หลังจากที่บิลลี่ดำน้ำเสร็จแล้วทุกครั้ง ต้องลอยอยู่บนผิวน้ำก่อนช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการแยกไนโตรเจนออกจากเลือด
ซึ่งชุดดำน้ำรุ่นใหม่ไม่มีผลกับเรื่องแบบนี้
หลังจากที่ฉินสือโอวขึ้นมาบนเรือ เขาก็ค่อยๆ เอาหอยงวงช้างขนาดเล็กใหญ่ไปไว้ในช่องแช่แข็งที่นีลเซ็นเตรียมไว้อย่างระมัดระวัง นอกจากนี้แล้วยังมีหอยนางรมและหอยตลับด้วย
พอปิดตู้แช่แข็ง เขาก็พูดอย่างพึงพอใจว่า “ดีจริงๆ มีอาหารแสนอร่อยกินตอนเย็นแล้ว”
แต่บิลลี่กลับไม่ได้สนใจว่าตอนเย็นจะกินอะไร เขาตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “นายคนกินจุ! ตอนนี้กลับมาคิดแล้วว่าตอนเย็นจะกินอะไร! ไม่ ไม่ ไม่! ฟาร์มปลาของนายมีแนวปะการังใหญ่มาก! เข้าใจไหมเนี่ย? แนวปะการังในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือเลยนะ! ในไม่ช้าฟาร์มปลาของนายจะมีชื่อเสียงกระจายไปทั่วโลก!”
บูลที่คอยจัดการเรื่องในทะเลให้กับฉินสือโอวมองไปที่บิลลี่แล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “ไอ้หนุ่มนี่มันตะโกนบ้าอะไร?”
นีลเซ็นยักไหล่ “คงกำลังคลั่งอยู่มั้ง? เมื่อกี้เขาก็บอกไม่ใช่เหรอว่ามีฝูงเต่ามะเฟืองกำลังไล่ล่าจะฆ่าเขา?”
บิลลี่เป็นหนุ่มหล่อรวมแล้วยังเป็นผู้สืบทอดบริษัทกู้ซากต่ออีกด้วย ดังนั้นน้ำโหจึงต้องมีมาก ดังนั้นพอได้ยินที่บูลและนีลเซ็นคุยกันเขาก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที “หุบปาก พวกนายมันไม่เคยเห็นความมหัศจรรย์ของแนวปะการัง…”
“ใช่ครับ พวกผมคงไม่เคยเห็นความมหัศจรรย์ของแนวปะการัง แต่ถ้าคุณยังจะตะโกนลั่นต่อไป ผมก็คงต่อถีบคุณลงไปในน้ำ คุณก็จะได้เห็นภาพงดงามที่ฝูงเต่ามะเฟืองพยายามทำร้ายคุณ” นีลเซ็นพูดอย่างเย็นชา
บิลลี่คิดถึงฟันอันแหลมคมตอนที่พวกเต่ามะเฟืองมันอ้าปาก แล้วยังคิดถึงรูปร่างมหึมาของพวกมัน อดไม่ได้ที่ตัวสั่น จึงได้แต่นั่งอยู่บนดาดฟ้า มองไปที่ทะเลด้วยอย่างลอยๆ
ตอนที่ฉินสือโอวกำลังคิดว่าจะหลอกบิลลี่ยังไง ทันใดนั้นเจ้านั่นก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ ฝูงแนวปะการังที่มีชีวิตจะมีความต้องการที่เคร่งมากในเรื่องสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะการสร้างแนวปะการัง ถ้าจะอยู่รอดก็ต้องมีน้ำที่อุณหภูมิสูง การเจริญเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในน่านน้ำที่มีอุณหภูมิ 23 ถึง 27 องศา ในน่านน้ำที่อุณหภูมิต่ำกว่า 18 องศา จะได้แค่มีชีวิตอยู่แต่จะกลายเป็นผืนแผ่นเป็นแนวไม่ได้”
หยุดสักพัก แล้วเขาก็พูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามพื้นที่ทะเลที่มีกระแสน้ำอุ่น เช่น ไต้หวัน จีนและหมู่เกาะริวกิวในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าละติจูดจะสูงกว่า แต่ก็มีแนวปะการังที่มีชีวมวลสูงมากเช่นกัน ฟาร์มปลาต้าฉินอยู่ตรงพื้นที่ที่กระแสน้ำอุ่นไหลตรงอ่าวเม็กซิโกพอดี ต้องเป็นเหตุผลนี้แน่ๆ ที่ทำให้พวกโพลิปยังมีชีวิตอยู่ได้!”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ “…”
บิลลี่พยักหน้าอย่างหนักหน่วง แล้วพูดต่อว่า “ต้องเป็นเพราะเหตุนี้แน่!”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ อีกครั้ง “…”
หลังจากที่อธิบายแล้ว บิลลี่ก็รู้สึกพึงพอใจขึ้นมา เขาตบไปที่ไหล่ของฉินสือโอวแล้วพูดด้วยความอิจฉาว่า “โชคของนายดีจริงๆ เพื่อน ในฟาร์มปลาของนายมีแนวปะการังเลยนะ พระเจ้า แค่นายพัฒนานิดหน่อย นี่ก็กลายเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำแล้ว! กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในทะเล!”
ฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจ เขาทำไมต้องพัฒนาที่ให้เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำด้วยเล่า ทำไมต้องพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เขาไม่ได้ขาดเงิน เงินทองที่อยู่ในเรือไททานิกที่จมลงไปยังไม่ได้เอามาใช้เลยด้วยซ้ำ
เพราะไม่รู้ว่าเต่ามะเฟืองไปแล้วหรือยัง บิลลี่จึงไม่กล้าลงไปในน้ำอีก แต่เขาก็ถูกล่อลวงโดยแนวปะการังใต้ทะเลอย่างมาก เดี๋ยวลุกขึ้นเดี๋ยวนั่งลงอยู่บนเรือ แล้วก็นั่งลงเดี๋ยวก็ลุกขึ้นอยู่แบบนี้ดูทรมานไม่น้อย
ฉินสือโอวไม่สนใจ หลังจากที่เขาเก็บหอยงวงช้างเรียบร้อย ก็ใส่ชุดดำน้ำ หายใจเข้า ‘ฮึบ’ แล้วก็ลงไปในน้ำต่อ
ครั้งนี้ไม่มีบิลลี่มากวนใจ ฉินสือโอวจึงเรียกบีนและไอซ์สเกตให้มาอยู่ด้วยกัน
บีนดูเหมือนว่าจะมีความอยู่ตลอดเวลา พอได้รับคำสั่งก็รีบว่ายเข้ามาหา ตอนนี้ไอซ์สเกตไม่มีอารมณ์มีความสุขบนทุกข์ของคนอื่นแล้ว ลอยอยู่ในน้ำแบบมีแรงแต่ไร้กำลัง หัวก้มต่ำลงราวกับไม่มีหน้าไปเจอใครแบบนั้น
ฉินสือโอวถอนหายใจ จึงทำได้เพียงว่ายไปปลอบมันก่อน บีนนี่มันเก่งจริงๆ เป็นโลมาปากขวดที่สามารถทำให้ฉลามเสือทรายดูไร้วิญญาณแบบนี้ได้ ในประวัติศาสตร์คงมีมันเป็นตัวแรก
เล่นกับเจ้าสามตัวในน้ำสักพัก เฮยป้าหวังก็โผล่ออกมาเช่นกัน ก่อนหน้านั้นเขาก็มาแต่ฉินสือโอวเกรงว่าจะทำให้บิลลี่ตกใจ จึงไม่ได้ให้มันเข้ามาใกล้ ตอนนี้คนหนึ่งคนกับปลาสี่ตัวเล่นด้วยกันอย่างมีความสุข
อาหารหลักมื้อเย็น ก็คือหอยงวงช้าง พอวินนี่เห็นสิ่งนี้ หน้าที่สวยสดก็แดงระเรื่อขึ้นมา หู่จือและเป้าจือปีนขึ้นมาบนโต๊ะอาหารมองดู พอดูแล้วสีหน้าก็เต็มไปด้วยความงงงวย นอนแผ่ลงไปแล้วมองดูที่เป้าของตัวเอง
หน้าวินนี่แดงยิ่งกว่าเดิม ลากหูของเจ้าสองตัวให้ออกไปที่อื่น
……………………………………….
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 668 มุมมองที่เปลี่ยนไป
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!