เค้กเป็นแค่ของหวานเรียกน้ำย่อยเท่านั้น อาหารหลักคือกระต่ายย่างและไก่ป่าตุ๋น นอกจากนี้เขายังไปเก็บพวกขึ้นฉ่ายฝรั่ง กระเทียมป่า หัวหอมและต้นหอมป่า เขานำหอยนางรมมาทำซุปแล้วพลาด จึงผสมผักป่าลงไปไม่ให้รสชาติแย่นัก
อีวิลสันกับหู่จือเป้าจือไม่แตะต้องผัก หู่จือกับเป้าจือได้กระต่ายย่างคนละตัว ส่วนอีวิลสันได้สอง ฉินสือโอวกับวินนี่แบ่งกันกินคนละหนึ่งตัว และซุปไก่ป่าอีกหม้อ มื้อเที่ยงนี้ทุกคนต่างกินกันอย่างสุขสันต์
ช่วงบ่าย ฉินสือโอวไม่ได้ปีนเขาต่อ แต่นั่งคุยกับวินนี่แทน
ขณะที่นั่งคุยกัน พลันเสียงร้องของหู่จือเป้าจือดังขึ้นจากไม่ไกล ฉินสือโอวได้ยินก็รีบลุกขึ้นด้วยความร้อนใจ
อีวิลสันถือเรมิงตันจะเดินไปดู ฉินสือโอวตบบ่าบอกให้เขาคอยคุ้มครองวินนี่ไว้ ปรากฏวินนี่กลับหยิบปืนสั้นUSPสีเทาดำออกมา แล้วยิ้มสบายๆ กล่าวว่า “พวกคุณไปดูเถอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก”
ฉินสือโอวยังคงให้อีวิลสันอยู่ที่เดิม เขาถือธนูทดตามไปดูเสียงร้อง ที่แท้ก็เป็นหมูป่าขนาดกลางตัวหนึ่งกำลังประจันหน้ากับหู่จือเป้าจือนั่นเอง
หมูป่าตัวนี้น่าจะออกมาหาอาหาร ท้องที่ตอบลง ดวงตาเกรี้ยวกราด กำลังจ้องหู่จือเป้าจือด้วยสายตาเอาเรื่อง เขี้ยวในปากยกขึ้นในท่าพร้อมโจมตี
ฉินสือโอวไม่ได้เคลื่อนไหวบุ่มบ่าม เขารักษาระยะห่างไว้เพื่อความปลอดภัย ดูการต่อสู้ของหู่จือเป้าจือ สุนัขแลบราดอร์ผู้ใหญ่สองตัวสามารถจัดการหมูป่าขนาดกลางได้อยู่แล้ว แถมพวกมันยังซึมซับพลังโพไซดอนมาด้วย
ด้วยเหตุนี้ ฉินสือโอวจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดถ่ายวิดีโอ บันทึกการแสดงในงานวันเกิดของแลบราดอร์
หู่จือไม่ขยับ ส่วนเป้าจือค่อยๆ เดินไปด้านข้าง ทันใดนั้นหู่จือก็เข้าจู่โจมเพื่อเบี่ยงความสนใจหมูป่า ต่างฝ่ายเริ่มสู้กันอย่างดุเดือด
แรงกระแทกของหมูป่านั้นทรงพลังมาก มันเลยไม่ใช้วิธีแบบบุกลุยอย่างเดียว แต่เป็นแบบกลยุทธ์กองโจรที่ผลัดกันสู้ผลัดกันถอย
เมื่อเป็นเช่นนั้นหมูป่าจึงไม่สามารถทำอะไรหู่จือได้เลย ทำให้มันยิ่งร้อนใจจนลืมสนใจเป้าจือที่ค่อยๆ ลอบเข้าไปด้านข้างมัน
รอจนความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่หู่จือ เป้าจือจึงเริ่มลงมือในที่สุด มันวิ่งเหยาะไปใกล้อีกนิด ทันทีที่หมูป่าหันหลังให้ กล้ามเนื้อขาทั้งสี่ก็เกร็งขึ้นก่อนพุ่งเข้าใส่มันราวกับลูกธนู!
หมูป่ารับรู้ถึงแรงลมจากเป้าจือที่กระโจนเข้ามา จึงรีบหันกลับไป ทว่าสายไปเสียแล้ว เป้าจือกระโดดกัดคอของมัน พร้อมใช้ขาทั้งสี่เกาะรัดหัวและตัวแน่น
หู่จือฉวยโอกาสโจมตี พุ่งเข้าใส่ท้องหมูป่าราวกับกระสุนปืนใหญ่จนมันล้มลง แล้วกัดคอซ้ำบิดหัวกระชากเปิดเนื้อหนาๆ ของหมูป่า ขย้ำเส้นเลือดใหญ่ของมัน
หมูป่าถูกหมาตัวใหญ่ทั้งสองกดไว้ดิ้นหนีไปไหนไม่ได้ สุดท้ายขาของมันกระตุกเล็กน้อยก่อนสิ้นใจไป
ฉินสือโอวเก็บโทรศัพท์ลูบหัวเจ้าสองตัว ทำได้ดีมาก เย็นนี้มีเนื้อให้กินอีกแล้ว
หู่จือและเป้าจือผู้กล้าหาญไม่เพียงล้มหมูป่าขนาดกลางได้อย่างง่ายดาย แต่มันยังแสดงให้เห็นว่าสามารถฆ่าหมูป่าได้โดยไม่เปื้อนเลือดมากอีกด้วย
จากนั้นฉินสือโอวก็เรียกอีวิลสันมาจัดการหมูป่า กระทั่งพระอาทิตย์ตกถึงเวลาลงเขาแล้ว เขาก้าวเดินไปอย่างเรื่อยเฉื่อย
ระหว่างทางพวกเขาเจอนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งโดยบังเอิญ ฝ่ายนั้นเองก็รู้จักฉินสือโอวและวินนี่ คนหนึ่งคือไกด์แคนาดาที่สวยที่สุด อีกคนคือเจ้าของฟาร์มชาวจีนที่โด่งดังมากและมีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองแฟร์เวล
พอนักท่องเที่ยวเห็นหมูป่าบนบ่าอีวิลสันก็พากันอึ้ง มีคนถามขึ้นว่า “ทำไมพวกเขาถึงล่าหมูป่าได้แต่พวกเราทำไม่ได้?”
วินนี่ช่วยตอบคำถามแทนพวกไกด์ เธอผิวปากแล้วถอดแว่นกันแดดโยนออกไป หู่จือพุ่งตัวกระโดดเข้ามารับด้วยความเร็วราวสายฟ้า แว่นกันแดดไม่แม้แต่ร่วงลงพื้นแต่อยู่ในปากหู่จืออย่างพอดิบพอดี
“เพราะนั่นแหละค่ะ” วินนี่ยิ้มตอบ
มีบางคนเริ่มเข้าใจและถามอย่างตะลึง “หมูป่าตัวนี้คือที่หมาน้อยสองตัวล่ามางั้นเหรอ?”
ฉินสือโอวให้พวกเขาดูวิดีโอ พวกนักท่องเที่ยวประหลาดใจกันถ้วนหน้า แล้ววิ่งไปจะถ่ายรูปหมู่กับหู่จือเป้าจือ
แต่ทั้งสองตัวกลับวิ่งไปหาวินนี่ นักท่องเที่ยวบางคนพูดด้วยความผิดหวัง “พวกมันขี้อายกันจริงๆ”
วินนี่พยายามไม่หลุดหัวเราะพลางตอบว่า “เปล่าค่ะ พวกมันหยิ่ง”
ช่วงบ่ายเพราะหู่จือและเป้าจือตะลุมบอนกันจนหูกระต่ายหลุด วินนี่เลยไม่ได้ให้พวกมันใส่ต่อ แต่พอเห็นมีคนถือกล้องมาถ่ายวิดีโอตัวเอง เจ้าสองตัวก็รีบกลับมาใส่โบอีกรอบ
ปรากฏว่า หลังวินนี่ใส่หูกระต่ายให้พวกมัน ทั้งสองตัวก็นั่งนิ่งเรียบร้อยปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปได้
พวกนักท่องเที่ยวมองด้วยความแปลกใจ หมาพวกนี้จะฉลาดเกินไปแล้ว
ตอนกลับมาถึงฟาร์มปลาก็จวนจะค่ำแล้ว อีวิลสันโยนหมูป่าให้บุช บุชใช้จะงอยปากแหลมคมจิกลอกหนังออก ชาร์คตั้งเตา บูลกับแลนซ์ไปเอาเบียร์มา เย็นนี้ก็กินบาร์บีคิวกันอีกแล้ว
ฉินสือโอวกลายเป็นคนคลั่งบาร์บีคิวไปเรียบร้อย ถึงจะยังเทียบกับพวกชาวประมงไม่ได้ก็เถอะ เขาน่ะยังแค่ระดับมือสมัครเล่น แต่พวกชาวประมงนั้นคลั่งไคล้ระดับบ้าคลั่งแล้ว!
…
ขณะดื่มเบียร์นิวฟันด์แลนด์สโนว์ กินเนื้อหมูย่างสีทอง ชาร์คก็ถามขึ้นว่า “บอส สาหร่ายคอมบุเราส่งขายได้แล้วนะครับ คุณมีแผนอะไรไหม?”
สาหร่ายนิวฟันด์แลนด์คอมบุที่ฟาร์มปลาปลูกไว้ได้มาถึงช่วงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว คอมบุพันธุ์นี้มีชื่อเสียงในแถบอเมริกาเหนือมาก มีสรรพคุณทางชีวภาพคือช่วยลดไขมันในเลือด ลดน้ำตาลในเลือด ปรับภูมิคุ้มกัน ป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน ป้องกันมะเร็ง ล้างลำไส้และมีสารต้านอนุมูลอิสระ แถมรสชาติไม่เลว ดูจากที่ชาวประมงถือคอมบุย่างหลายพวงในมือก็รู้แล้ว
เพราะนิวฟันด์แลนด์คอมบุอยู่ในเขตเหนือเส้นศูนย์สูตร ทำให้เจริญเติบโตช้า จึงค่อนข้างสมเหตุสมผลที่จะต้องรอถึงสองปีกว่าจะส่งขายได้ แต่เพราะฉินสือโอวใส่พลังโพไซดอนเข้าไป มันเลยเติบโตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ทั้งน่านน้ำฝั่งตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นผืนสีเขียวเข้มไปหมด
ฉินสือโอวไม่รีบร้อนเก็บเกี่ยวคอมบุเท่าไร มันเป็นไฮไลท์อาหารซีฟู้ดประจำฟาร์มปลาต้าฉินเช่นกัน สาหร่ายที่กินได้กับสาหร่ายที่ใช้ทำอาหารยังส่งขายได้น้อยเกินไป เลยต้องพึ่งคอมบุมาประคองสถานการณ์ไว้ก่อน
เขาบอกชาร์คว่าไม่ต้องรีบ ฉินสือโอวเริ่มอยากกินคอมบุสักพวงบ้างแล้ว อืม อร่อยมาก
ชาร์คท่าทางร้อนใจจริงๆ เอ่ยว่า “ช่วงนี้อากาศร้อนขึ้นแล้ว จะทำให้เกิดเหาน้ำง่าย ผมกลัวว่าเหาน้ำมันจะไปทำลายคอมบุหมด ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็น่าเสียดายแย่”
ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปดู คอมบุเขียวชอุ่มแผ่นใหญ่ลอยเต็มผืนน้ำโดยตัวรากฝังอยู่ใต้น้ำ กลายเป็นป่าแบบสาหร่ายสีน้ำตาล ถึงจะไม่หนาเท่าแต่ก็มากพอเป็นป่าได้
ปลาอีโต้มอญฝูงใหญ่อาศัยอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข สาหร่ายคอมบุเป็นเหมือนบาร์เรียธรรมชาติสำหรับพวกมัน โดยซ่อนตัวอยู่ในพืชที่มีสีแทบจะใกล้เคียงกับตัวมัน ทำให้ปลากุ้งตัวอื่นหาปลาอีโต้มอญไม่พบ
ทว่าพอฉินสือโอวมองอย่างละเอียด ก็พบว่าความกังวลของชาร์คนั้นก็ไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว เพราะมีเหาทะเลแอตแลนติกเกาะอยู่ตามรากสาหร่ายคอมบุจริงๆ!
เหาน้ำแอตแลนติกคือศัตรูตามธรรมชาติของคอมบุ พวกมันชอบกินลำต้นใต้ดินนุ่มๆ ของคอมบุ มันจะกินทั้งต้นไม่หยุดจนกว่ารากจะเกลี้ยง
นอกจากนี้เหาน้ำยังระบาดได้ง่ายอีกด้วย เพราะจุดแข็งพวกมันคือการวางไข่ ตอนนี้บนรากและใบสาหร่ายคอมบุหลายต้นมีจุดสีดำเล็กๆ เต็มไปหมด ต้องเป็นไข่เหาน้ำแอตแลนติกแน่นอน!
……………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 678 วิกฤตสาหร่ายทะเล
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!