เห็นเจี้ยนผานโฮ่วทำท่าจะร้องไห้ ฉินสือโอวจึงคิดว่าควรหยุดแกล้งเขาก่อน เลยเอ่ยว่า “นายมีปัญหาอะไรก็พูดให้ชัดเจนสิ ทำไมหวงเฮ่าเจียไปดูที่ร้านปืนแทนนายล่ะ?”
เจี้ยนผานโฮ่วถอนหายใจอีกครั้ง “ธุรกิจร้านปืนดีมาก พี่พอลแกเลยรู้สึกว่ามีแค่สองคนมันยุ่งเกินไป อยากจ้างพนักงานเพิ่ม ผมเลยแนะนำน้องภรรยาผมไป พี่พอลเลยเขามาสัมภาษณ์ดู แล้วคิดว่าไม่เลว ก็เลยให้เขาได้ลองฝึกงานครับ”
คุณพี่พอลคือพอล ซาโกร มีอำนาจในฐานะซีอีโอเต็มเปี่ยม ส่วนฉินสือโอวเป็นประธานกรรมการ ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของซีอีโอ เขาก็คงพูดอะไรไม่ได้ ยังไงก็ควรแสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายด้วย
“แล้วหวงเจียเจียทำไมเหรอ?” ฉินสือโอวถาม
เจี้ยนผานโฮ่วเกาหัวยุ่งๆของตัวเองพลางทอดถอนหายใจ “เจียเจียเป็นคนรักในฝันผมเลย พี่ฉิน พี่รู้หรือเปล่าว่าทำไมผมถึงต้องมาทำงานหนักที่เกาะแฟร์เวล?”
ฉินสือโอวส่ายหน้า ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้ แต่มองไม่ออกต่างหาก นายขยันทำงานเหรอ? ตรงไหนกัน?
เจี้ยนผานโฮ่วยังคงอธิบายเรื่องของตัวเองต่อ “ก็เพื่อเจียเจียไงครับ! ผมอยากคู่ควรกับเขา! แล้วทำไมผมถึงลากน้องชายภรรยามาด้วยเนี่ย…”
“หวงเฮ่าเจียก็คือหวงเฮ่าเจีย ไม่เกี่ยวว่านายจะลากน้องชายอะไรมา ฉันสับสนแล้วเนี่ย ช่างเถอะ ฉันไม่ถามเรื่องซุบซิบนายแล้ว วันนี้มาที่บ้านฉันทำไมเหรอ?” ฉินสือโอวหันไปถาม
เจี้ยนผานโฮ่วกำลังจะตอบ ฉินสือโอวจู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “ทางฉันเพิ่งจับปลาซิลเวอร์ไซด์มาได้หลายตัว อาหารตะวันออกเฉียงเหนือของนายมีวิธีทำอาหารจากปลาซิลเวอร์ไซด์ไหม?”
“ไม่มี! ผมกังวลจะบ้าตายอยู่นะ จะไปมีอารมณ์อยากกินปลาได้ยังไง” เจี้ยนผานโฮ่วตะโกนหงุดหงิด
“กังวลอะไร?”
“ความรู้สึกไง! ความรู้สึกน่ะ!” เจี้ยนผานโฮ่วทำหน้าเศร้า “พี่ฉิน พี่สนิทกับไอ้เวรลี่อะไรนั่นใช่ไหม? ผมเห็นเขาดูกลัวพี่อยู่ พี่ช่วยหาทางจัดการเขาหน่อยได้ไหม?”
“เวรลี่? หมายถึงบิลลี่น่ะเหรอ?” ฉินสือโอวถาม
เจี้ยนผานโฮ่วพยักหน้า ฉินสือโอวพอเข้าใจเรื่องราวแล้ว ก็คือตั้งแต่เย็นวันนั้นบิลลี่แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะตามจีบหวงเจียเจีย สองวันนี้เลยเกิดการปะทะกัน
เมื่อนึกถึงความสูงหล่อรวยของบิลลี่ แล้วมองสารรูปที่ทั้งตัวแสดงถึงกลิ่นอายขี้แพ้ของเจี้ยนผานโฮ่ว ฉินสือโอวก็ทำได้เพียงสมเพชเขาต่อไป แพ้ขาดลอย!
แต่ฉินสือโอวก็อยากช่วยเจี้ยนผานโฮ่ว เหตุผลง่ายๆ คือเขาเห็นเงาตัวเองในอดีตจากหมอนี่ พวกหล่อรวยสูงล้วนเป็นศัตรูของพวกขี้แพ้ทุกคน! ต้องช่วยสาวสวยขาวรวยจากมันให้ได้!
ด้วยเหตุนี้ฉินสือโอวจึงตบบ่าเจี้ยนผานโฮ่วด้วยความเห็นใจและตบอกตัวเอง “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง บิลลี่นี่ช่างเป็นก้างขวางคอจริงๆ ใช่ไหม?”
“ใช่เลยใช่เลย สมแล้วที่เป็นพี่ฉินคนโปรดของผม!” เจี้ยนผานโฮ่วซาบซึ้งจนจะร้องแล้ว
หลังส่งเจี้ยนผานโฮ่ว ฉินสือโอวก็โทรหาบิลลี่ ทว่ายังไม่ทันพูดอะไร บิลลี่ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหดหู่ขึ้นก่อนว่า “นายอยู่บ้านหรือเปล่า? เดี๋ยวฉันไปหานะ”
เขามองสายโทรศัพท์ที่ตัดไป ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ ทำไมถึงมีแต่คนอยากมาหาตัวเองกัน? เขาไม่ใช่สาวน้อยเสียน้อย ไม่ต้องมาสนใจกันขนาดนั้นก็ได้
ตอนบิลลี่มาถึง ฉินสือโอวกำลังแปรงขนให้หู่จือเป้าจืออยู่ แน่นอนว่าเขาก็เกาพวกมันบ้างเป็นบางครั้ง เจ้าสองตัวนี้ก็จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งเสียงพึงพอใจกัน
ทันทีที่เงยหน้ามองบิลลี่ ฉินสือโอวพลันชะงัก ไม่ได้เจอกันไม่กี่วันกลิ่นอายคนหล่อรวยสูงกลับแปลกไป ทำไมผมสั้นสีทองมันยุ่งขนาดนั้นได้? ดวงตาสีมรกตก็ดูหม่นหมองอีก?
“นี่เมื่อคืนนายพี้ไปกี่ปล้องเนี่ย?” ฉินสือโอวถามอย่างระวัง “ให้ฉันทำซุปปลาเพิร์ชบำรุงร่างกายให้ไหม?”
บิลลี่ยิ้มเหมือนจะร้องไห้ เอ่ยว่า “ฉันกำลังมีความรักล่ะพวก”
“ไม่ใช่นายก็มีทุกวันอยู่แล้วเหรอไง?” ฉินสือโอวล้อ เจ้าหมอนี่มันก็แค่เสือผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อก่อนก็ชอบมาโม้เรื่องผู้หญิงให้ฟังที่ผับตั้งเยอะแยะ
บิลลี่คว้าแขนฉินสือโอวไว้แล้วเขย่าๆ เหมือนเด็กเอาแต่ใจ “พูดอะไรของนายน่ะ ตั้งแต่ทิฟฟานี่ที่นิวยอร์กคราวก่อนพอฉันได้แรงบันดาลใจมาจากนายกับวินนี่ ฉันก็ไม่ได้ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเลยนะ! จำที่ฉันบอกได้ไหม? ฉันเชื่อว่าพระเจ้าจะประทานผู้หญิงที่คู่ควรมาให้ฉัน และเธอก็มาแล้ว!”
ฉินสือโอวผลักบิลลี่ออกอย่างรังเกียจ เอ่ยเตือนว่า “ระวังคำพูดดีๆ ฉันภักดีกับวินนี่เท่านั้น นายอย่าคิดมาทำตัวแบบนี้ยั่วโมโหฉันเชียว!”
คิดว่างอแงแล้วจะได้ของที่ต้องการหรือไง!
แล้วฉินสือโอวก็เพิ่งรู้สึกว่าบิลลี่น่าจะหมายถึงอย่างอื่น “นายพูดถึงหวงเจียเจียเหรอ? นายแค่กินข้าวกับเขามื้อเดียวก็ชอบแล้วเหรอ? งั้นทำไมไม่ไปหาสาวๆ ในบาร์แทนล่ะ อย่างน้อยที่บาร์ก็มีสาวน้อยมากมายให้คุยเล่นได้”
บิลลี่โมโห “ฉันจริงจังต่างหากพวก จริงๆ นะ! รักแรกพบไงนายรู้จักไหม? นายก็รักแรกพบวินนี่เหมือนกันนั่นแหละ! ทันทีที่ฉันได้สบตาเธอ คิวปิดก็ได้ยิงศรปักหัวใจฉันแล้ว…”
“นายควรไปรักษาที่ไอซียูนะ” ฉินสือโอวไม่สนใจ ช่างรักแรกพบของนายสิ ช่างมันทั้งหมดนั่นแหละ
บิลลี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นายไม่เชื่องั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้โง่นะ จะเชื่อทำไม”
“ไม่ใช่ว่านายกับวินนี่ก็เป็นเหมือนกันเหรอ? ทำไมทีตอนเรื่องเกิดขึ้นกับนายถึงเชื่อล่ะ?” บิลลี่ตะโกนหงุดหงิด
ฉินสือโอวมองซ้ายขวาว่าไม่มีใคร มีแค่หู่จือเป้าจือที่หูชี้ตั้งใจฟังเรื่องนินทากัน เขาเตะไล่เจ้าสองตัวออกไป แล้วพูดเสียงเบากับบิลลี่ “ฉันอำนายเล่นต่างหากเล่า ที่จริงตอนเจอวินนี่ครั้งแรกก็แค่ประทับใจเฉยๆ ยังไม่ใช่ความรักเป็นความชอบ!”
ที่จริงก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น ตอนนั้นเขากำลังทรมานจากอาการกลัวความสูง และวินนี่ก็เข้ามาจับมือปลอบเขานั้น ช่างกระแทกใจที่อ่อนไหวของเขาเหลือเกิน
แต่ความรู้สึกของเขากับวินนี่เริ่มเพิ่มขึ้นหลังเธอมาเป็นแขกที่ฟาร์มปลา และความรักก็ก่อตัวขึ้นตามเวลา
เวลานั้นความรู้สึกของฉินสือโอวที่มีต่อวินนี่มีทั้งความประทับใจ หลงใหลและ** เอาแต่คิดถึงเนื้อขาเพรียวสวยของสาวแอร์โฮสเตส!
บิลลี่ไม่สนใจตะโกนว่า “แต่ของฉันรักแรกพบกับเธอจริงๆ นะ! เธอเป็นผู้หญิงแบบที่ฉันเฝ้าคอยจะแต่งงานด้วยเลย อ่อนโยน มีน้ำใจ สวย แถมยังมีกลิ่นทะเลอีก!”
ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันออกจะเกินจริงไปหน่อย คนขาวรักแรกพบกับคนเหลืองเนี่ยนะ? หึหึ ขนาดเขายังไม่เคยมีอาการนั้นกับคนดำเลย
พอมาต่างประเทศเขาเพิ่งตระหนักถึงความร้ายแรงของการเหยียดเชื้อชาติ ที่แคนาดายังดีหน่อยเพราะเป็นประเทศสำหรับผู้ย้ายถิ่นฐาน หายากที่จะเกิดกรณีนี้ ที่อเมริกาการเหยียดเชื้อชาติยังคงเป็นปัญหาความขัดแย้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
ถ้าอยู่ที่อเมริกา คนขาวผู้ชายมาบอกว่ารักแรกพบกับผู้หญิงผิวเหลืองหรือผิวดำ แปลว่าเขาอยากได้คู่นอนด้วย
บิลลี่สิ้นหวัง “นายไม่เชื่อจริงๆ เหรอ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า แต่ในฐานะเพื่อนก็น่าจะควรปลอบสักหน่อย “การที่ฉันจะเชื่อไม่เชื่อไม่เห็นเกี่ยวเลย แค่สาวคนนั้นเชื่อก็พอแล้วนี่?”
“ก็เธอไม่เชื่อไงเล่า!” บิลลี่จะร้องไห้แล้ว
ฉินสือโอวพยักหน้าอีกรอบ อืม แม่สาวหวงเจียเจียก็ใช่ย่อย
“นายต้องช่วยฉันนะ ฉิน นายต้องช่วยฉันด้วยนะ! ฉันมีใจให้เธอจริงๆ นะ!” บิลลี่ดึงแขนเขามาเขย่าอย่างบ้าคลั่งอีกรอบ
ฉินสือโอวกระอักกระอ่วน เห็นท่าทางบิลลี่แล้วก็คงน่าจะเรื่องจริง แต่เขาสัญญากับเจี้ยนผานโฮ่วไปแล้วน่ะสิ จะช่วยยังไงดีเนี่ย?
…………………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 682 ฉันจะรอดู
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!