ตอนที่เห็นฉินสือโอวอัปรูปเกี่ยวกับเต่ามะเฟืองวางไข่ลงเวยป๋อ ไต้กวงเจี้ยนเพิ่งจะกลับจากดื่มกับลูกค้า เขาวิ่งไปอ้วกแตกที่ห้องน้ำก่อนแล้วก็นอนลงบนเตียงแต่นอนไม่หลับ ก็เลยหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเวยป๋อ
และแล้วภาพถ่ายของเหล่าแม่เต่ามะเฟืองก็โผล่ขึ้นมา
เห็นเต่ามะเฟืองพวกนี้ ไต้กวงเจี้ยนก็อึ้งไปชั่วขณะ เขาพิจารณารูปถ่ายพวกนั้นอย่างละเอียด ทีละรูปๆ ข้อมูลที่คิดว่าลืมเลือนไปแล้วจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัวเขาอย่างชัดเจน!
นี่คือเต่ามะเฟืองนะ เต่ามะเฟืองที่เป็นยักษ์ใหญ่ในหมู่เต่าทะเล ทำไมถึงมีเต่ามะเฟืองตัวเมียโผล่มาวางไข่ในที่เดียวกันเยอะขนาดนี้?
ไต้กวงเจี้ยนดูรูปภาพพวกนั้นด้วยความช็อก ไม่เหมือนรูปตัดต่อ เขาอ่านดูต่อไปอีก ข้างล่างยังมีคลิปอีก เขาตื่นเต้นลุกขึ้นมาทันใดจนเอวเคล็ด…
เขาประคองตัวเองลุกขึ้นมาพร้อมกับเอวที่ปวดอยู่ ไต้กวงเจี้ยนเปิดรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ หาเบอร์เหล่าเพื่อนๆ ที่สนิทตอนนั้นที่ยังอยู่ในดีพีเอส แล้วโทรไปหาแต่ละคน แล้วยังส่งข้อความเวยป๋อไปหาพวกเขาด้วย
ดังนั้นตั้งแต่เช้าโทรศัพท์ของฉินสือโอวก็ดังขึ้น เขาไม่ชอบพกโทรศัพท์ตอนออกกำลังกายตอนเช้า วิ่งเสร็จต่อยมวยจบกลับมาก็เห็นเชอร์ลี่ย์กำลังกอดหลัวปอนั่งอยู่ที่มุมเครื่องดื่มเย็นพลางชูมือถือของเขาไปด้วย ใบหน้างามทำสีหน้าลึกลับ
“มีอะไรเหรอ?” ฉินสือโอวถามยิ้มๆ
เชอร์ลี่ย์กระดิกนิ้ว รอจนฉินสือโอวมาอยู่ข้างๆ ตัวเธอจึงพูดเสียงเบา “คุณมีกิ๊กข้างนอกหรือเปล่าเนี่ย?”
ฉินสือโอวพูดด้วยความอึ้ง “เธอพูดอะไรมั่วๆ ทำไมถึงคิดแบบนี้ล่ะ?”
ความคิดของเด็กที่เกิดปีสองพัน ตอนนี้เขาล่ะไม่เข้าใจจริงๆ
เชอร์ลี่ย์ยื่นมือถือให้เขาแล้วพูดอย่างจนใจ “นอกจากกิ๊กของคุณ หนูก็คิดไม่ออกว่าจะยังมีใครอีกที่โทรหาคุณติดๆ กันตั้งสี่สิบสาย!”
พอฉินสือโอวดู จริงด้วย บนหน้าจอขึ้นสายที่ไม่ได้รับเป็นแถบ ถ้าไม่ได้มาจากโทรอนโตก็มาจากออตตาวา เป็นสายที่มาจากเมืองใหญ่ทั้งนั้น
“ฮัลโหล?”
“คุณฉินสือโอว? ผมคือโปรโมเตอร์ของดีพีเอสหูจื้อหย่วน ฟาร์มปลาของคุณมีเต่ามะเฟืองเหรอครับ?”
“ดีพีเอสคืออะไร? โรงแรมไหนหรือเปล่า? เต่ามะเฟืองผมไม่ได้มีไว้ขายนะ” ฉินสือโอวพูดน้ำเสียงกระด้าง
คนปลายสายนิ่งไปครู่หนึ่ง อับจนคำพูดไปชั่วขณะ จากนั้นค่อยพูดเสียงอ่อน “ดีพีเอส Dermochelys coriacea Protection Society ผมเป็นสมาชิกองค์กรคุ้มครองเต่ามะเฟือง เกี่ยวอะไรกับโรงแรมล่ะครับ?”
พอได้ยินว่าเป็นสายจากองค์กรคุ้มครอง ฉินสือโอวก็ยิ่งไม่สนใจ “เฮ้ เพื่อน ผมเข้าใจจุดประสงค์ของคุณนะ คุณอยากจะบอกผมว่าผมไม่ควรเลี้ยงเต่ามะเฟืองใช่ไหม? ขอโทษที ผมไม่ได้เลี้ยงพวกมันหรอก เต่ามะเฟืองในฟาร์มผมมันมาเองทั้งนั้น อีกอย่างผมอาจคุ้มครองพวกมันได้ดีกว่าพวกคุณด้วยซ้ำ ถ้าพวกคุณอยากจะปกป้องพวกมัน งั้นก็ไปทำความสะอาดทะเลดีๆ…”
เขาพล่ามไปเยอะ หูจื้อหย่วนคนนั้นก็พยายามหาจังหวะพูดแทรกจนได้ แล้วจึงพูดอย่างเหนื่อยใจ “ที่ผมโทรมาเพื่อแค่อยากจะขอบคุณคุณเท่านั้นเอง”
ฉินสือโอว “…”
ที่จะขอบคุณฉินสือโอวไม่ได้มีแค่หูจื้อหย่วนเท่านั้น ในวันนั้นก็มีสมาชิกองค์กรดีพีเอสในเซนต์จอห์นมาที่ฟาร์มปลา หลังจากที่พวกเขาเช็คมูลความจริงของข่าวเต่ามะเฟืองก็มาขอบคุณฉินสือโอวยกใหญ่
ฉินสือโอวรับคำขอบคุณด้วยรอยยิ้มขมขื่นก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองหาเรื่องจริงๆ ไม่น่าอัปข่าวเรื่องเต่ามะเฟืองลงเวยป๋อเลย คราวนี้ล่ะครึกครื้นแล้ว
ครึกครื้นจริงๆ หลังจากนั้นหูจื้อหย่วนที่โทรหาเขาสี่สิบกว่าสายก็มาด้วย ฉินสือโอวฟังชื่อแล้วนึกว่าเขาเป็นคนเวียดนาม ปรากฏว่าเขาเป็นคนจีนแท้ๆ แล้วยังเป็นประธานดีพีเอสรุ่นนี้ด้วย ถือเป็นคนมีอิทธิพลที่มหาวิทยาลัยโทรอนโต
หูจื้อหย่วนมาฉินสือโอวก็ต้องต้อนรับ เรื่องที่เป็นประธานดีพีเอสเป็นเรื่องโม้ แต่เขาเป็นศิษย์สุดภาคภูมิบนเรือวิจัยคนแรกของบาลซัก ก็ต้องต้อนรับเป็นพิเศษหน่อย
อย่างไรก็ตามบาลซักก็ทิ้งรายงานการประเมินค่าที่สุดยอดไว้ให้ฟาร์มปลาต้าฉิน รายงานชุดนี้ยังไม่มีบทบาทอะไร แต่รอจนต่อไปแบรนด์ต้าฉินดังขึ้นมา มันก็จะมีประโยชน์
หูจื้อหย่วนเป็นชายหนุ่มอวบอ้วนอายุยี่สิบเจ็ดปี ตาเล็ก จมูกใหญ่ ริมฝีปากใหญ่ หัวโต คอหนา ดูไม่เหมือนคนหนุ่มที่ทำวิจัย
พอเจอหน้าก็แนะนำกันให้รู้จัก ฉินสือโอวพูด “สวัสดีๆ ผมว่าคุณเหมือนดาราจีนคนไหนน่ะ…”
“เฉินหลง?”
“ไม่ใช่ ฟ่านเต๋อเปียว!”
“…”
เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม พอมาถึงแคนาดา ฉินสือโอวไม่สนใจพวกกลุ่มวิจัยแห่งชาติกับคณะผู้แทนแล้ว เพราะมันไม่เหมือนกับในประเทศจีน ฟาร์มปลาเป็นสมบัติส่วนตัว จะตรวจทรัพย์สินฉัน นอกจากจะต้องขออนุญาตจากฉันแล้วยังต้องขอบคุณฉันด้วย
เพราะฉะนั้นเขาต้อนรับหูจื้อหย่วน เพราะเห็นแก่ที่บาลซักเคยช่วยไว้ ที่จริงเขาไม่ค่อยใส่ใจมาก เพราะเขายังต้องกินข้าวกับผู้จัดการทั่วไปเซี่ยงเฮ่าอีก
พอเซี่ยงเฮ่าเห็นฉินสือโอวก็กลอกตาปะหลับปะเหลือก “น้องฉิน คุณนี่เป็นคนยุ่งจริงๆ ยุ่งกว่าผู้จัดการทั่วไปอย่างผมอีก!”
หลังจากผ่านเรื่องขัดแย้งกับเบิร์ต ลากร็องฌ์ที่ฟาร์มของเหมาเหว่ยหลง ฉินสือโอวก็เริ่มเปลี่ยนนิสัย สำหรับคนมีพลังอย่างเซี่ยงเฮ่าก็ควรเชื่อมสัมพันธ์ไว้หน่อย
ปกติเซี่ยงเฮ่าจะเข้าออกเมือง ฉินสือโอวก็ไปปีนเทือกเขาเคอร์บัลเป็นเพื่อนเขา ล่าหมูป่าได้หนึ่งตัวกับกระต่ายและไก่ป่าสองสามตัว ทำเอาเขาดีใจยกใหญ่ สัญญาว่าจะรีบส่งชุดรถดับเพลิงจรวดมาโดยเร็วที่สุด
กลับมาถึงฟาร์มปลา หูจื้อหย่วนก็มา เขาพูดกับฉินสือโอวว่า “คุณฉิน ผมดูฟาร์มปลาของคุณอย่างละเอียดแล้ว จำนวนเต่ามะเฟืองที่นี่ไม่น้อย ประมาณคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่าร้อยตัว!”
ฉินสือโอวแอบพูดในใจว่าคุณตาฝาด แค่เต่าตัวเมียที่นี่ก็ไม่ต่ำกว่าร้อยตัว ยังมีลูกเต่าที่มองไม่เห็นอีก
แน่นอนว่าคำพูดพวกนี้ฉินสือโอวพูดไม่ได้ เขาพูดตามมารยาทไปสองสามคำ รอคอยคำพูดต่อมาของหูจื้อหย่วน
เป็นอย่างที่คิด หลังจากนั้นหูจื้อหย่วนยังมีอะไรจะพูดต่อ “ไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าสากลไหมครับ? เข้าใจถึงระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าไหม?”
ฉินสือโอวไม่ค่อยรู้มาก โดยเฉพาะเขาเป็นพวกที่ไม่เคยได้ยินระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
หูจื้อหย่วนไม่ได้พูดถึงสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าสากลมาก เขาตั้งใจแนะนำระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยเฉพาะ “ระเบียบนี้อเมริกาเป็นผู้เสนอก่อน ตอนนี้แคนาดาก็เริ่มแล้ว จุดประสงค์ก็เพื่อปกป้องที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เรื่องนี้สามารถไปรับรองได้”
“รับรอง?” ฉินสือโอวถามอึ้งๆ “เต่ามะเฟืองมีที่อยู่อาศัยที่ไหน? พวกมันเป็นสัตว์ที่ตระเวนไปทั่วโลก?”
“แต่พวกมันมีที่วางไข่นี่ คาบสมุทรมาเลเซีย หาดกายอานา หมู่เกาะเวสต์อินดีส หาดพลายากรันเดของคอสตาริกา พวกนี้คือสี่จุดวางไข่หลักของเต่ามะเฟือง เป็นสี่จุดที่รับรองแล้ว แต่ปีนี้ดูท่าจำนวนเต่ามะเฟืองที่วางไข่ที่นั่นจะไม่เยอะเท่าฟาร์มปลาของคุณ ทำไมไม่ทำการรับรองเสียล่ะ?”
………………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 704 นัดแรกของการรับรองฟาร์มปลา
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!