ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 712 หมู่บ้านประมงที่เงียบราวกับป่าช้า

เรือยอชต์แล่นจากเซนต์จอห์นไปที่ท่าเรือบาสก์ พวกเขาออกเดินทางกันตอนบ่าย ตอนที่เรือเข้าเทียบท่าก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
แมทธิว จินทำการจัดแจงให้คนทั้งกลุ่มไปทานอาหารค่ำกัน ส่วนฉินสือโอวอยู่ถ่ายรูปหมู่ที่ท่าเรือก่อน ในการเดินทางครั้งนี้มีนักข่าวตามพวกเขาไปด้วย ทำให้ถ่ายรูปได้สะดวกมาก
ฉินสือโอวยืนถ่ายรูปอยู่ที่ใต้หอประตูบานเล็ก ลูบไปบนตัวหนังสือที่เขียนคำว่าท่าเรือฮาวิซทอย่างตื้นตันใจ และอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา
คนมักจะพูดว่าคนแก่มักจะคิดถึงวันเวลาเก่าๆ แต่ฉินสือโอวที่มองดูหอประตูอยู่ในตอนนี้นั้น กลับอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ระทึกใจในตอนนั้น
 “ตอนที่ผมเห็นข่าวนั้น รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อมาก ความจริงแล้วจนถึงวันนี้ ผมก็ยังรู้สึกนับถือคุณมากนะครับ เพราะผมรู้ว่า หากเป็นผมที่อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น คงไม่มีทางตัดสินใจไปช่วยเรือที่กำลังจะจมโดยไม่รู้ถึงสถานการณ์กับตำแหน่งที่แน่นอนอย่างนั้นแน่นอน” เสียงของฮับเบิลพูดดังขึ้นมาจากด้านหลัง
จากการได้รู้จักกันในระหว่างการเดินทาง ฉินสือโอวมีความรู้สึกดีกับฮับเบิลขึ้นมากว่าเมื่อก่อนมาก
เมื่อได้ยินคำชม เขาจึงฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าหากให้ผมเลือกอีกครั้ง เกรงว่าผมคงไม่ไปแสดงเป็นฮีโร่อีกแล้วล่ะ แต่ว่าตอนนั้นน่ะนะ เพื่อน ผมรู้ว่าผมควรจะต้องทำแบบนั้น  อีกอย่างผมกล้าพนันเลยว่า หากว่ากัปตันในตอนนั้นเป็นคุณ คุณก็ต้องเลือกที่จะเสี่ยงเหมือนกัน!”
หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว ฉินสือโอวกับฮับเบิลก็ขึ้นรถ ระหว่างทางฉินสือโอวก็ถามออกมาอย่างแปลกใจว่า “คุณซื้อพนันข้างผมถึงหนึ่งแสนเลย? ทำไมครับ? ดูจากสถานการณ์ตอนนั้นแล้ว ตัวผมไม่มีแววว่าจะชนะเลยสักนิด”
ฮับเบิลหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณก็รู้ว่าผมทำงานอะไร ผมทำงานด้านการลงทุนที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะในการใช้ชีวิตหรือการทำงานของผม ผมจำเป็นต้องตัดสินใจในทุกเรื่อง จึงจะสามารถใช้ชีวิตต่อได้ คุณเชื่อเรื่องสัมผัสพิเศษไหมครับ?”
พอได้ฟังประโยคสุดท้าย สีหน้าของฉินสือโอวก็เปลี่ยนไปทันที ดีที่ตอนกลางคืนในรถค่อนข้างมืด จึงไม่มีคนสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา
ฮับเบิลพูดต่ออีกว่า “ผมคิดว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการตัดสินใจ หลายๆ ครั้งที่ผมทำการลงทุน ผมไม่ได้ใช้การวิเคราะห์เลย ใช้เพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้น ตอนนั้นความรู้สึกที่ตัวคุณให้กับผม ก็คือคุณชนะได้ ดังนั้นผมจึงพนันข้างคุณ”
เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดขอบคุณจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขารู้สึกว่าต่อไปคงต้องเพลาๆ ไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจจะดีกว่า
ผู้คนของท่าเรือบาสก์ให้ความสำคัญกับกลุ่มของพวกเขาเป็นอย่างมาก ถึงขึ้นจัดแจงภัตตาคารที่โด่งดังให้กับพวกเขา เพื่อเชิญพวกเขาไปลิ้มรสซุปเนยหอยกาบยักษ์กับล็อบสเตอร์ย่างบนกระดาษ
ตอนนี้ทั่วทั้งอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ไม่มีกุ้งล็อบสเตอร์ปรากฏให้เห็นแล้ว ราคาของล็อบสเตอร์ได้ขึ้นสูงที่สุดในช่วงสี่ห้าปีมานี้ จากอาหารที่คนทั่วไปหากินได้ไม่ยากได้กลายเป็นอาหารจานเด็ดที่มีเฉพาะในภัตตาคารหรูเท่านั้น
ก่อนจะทานอาหาร เซอร์จิโอได้ทำการโอนเงินสองล้านให้กับฉินสือโอว สำหรับคนที่เป็นถึงเถ้าแก่บ่อนพนันที่ใหญ่ที่สุดในเซนต์จอห์นอย่างเขาแล้วนั้น ความกล้าได้กล้าเสียแบบนี้จึงพอมีอยู่บ้าง อีกอย่างเขาจะกล้าผิดคำพูดเหรอไง? เจ้าหนี้ของเขายังรวมไปถึงท่านประธานสภาระดับประเทศอีกตั้งคนหนึ่งด้วย
หลังจากโอนเงินแล้วเซอร์จิโอก็ไม่ได้ดูเจ็บปวดมากนัก จนถึงตอนทานข้าว ฉินสือโอวถึงได้รู้ว่า ความจริงเงินที่เขาเสียไปไม่ได้มากเลย รวมๆ ก็เพียงสี่แสนเท่านั้น อีกล้านกว่าๆ ที่เหลือล้วนเป็นเงินของพวกเจ้าของฟาร์มปลาทั้งนั้น คนพวกนั้นคิดอยากจะได้เงินสักก้อน จึงลงเงินพนันกันไว้ไม่น้อยเลย
หลังจากทานมื้อค่ำแล้ว ทางกรมประมงยังมีกิจกรรมต่อ พวกเขาตั้งใจว่าจะนั่งรถบัสกันทั้งคืนเพื่อไปยังที่ที่ไม่คุ้นเคยที่หนึ่ง
รถบัสขับออกไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็หยุดลง ฉินสือโอวเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ท้องฟ้ามืดมากแล้ว เขามองไปรอบๆ มองเห็นแสงจันทร์ส่องแสงไปยังเกลียวคลื่น สามารถได้ยินเสียงคลื่นที่กระทบกับชายฝั่งที่เขาคุ้นเคย
ที่นี่ก็คือริมทะเล อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อหาที่พักได้แล้ว เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจต่างก็พากันไปล้างหน้าล้างตาแล้วเข้านอนกันทันที
ฉินสือโอวเองหลังโทรวิดีโอหาวินนี่เพื่อบอกว่าเขาถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแล้ว ก็หลับตาเตรียมเข้านอนเช่นกัน เพราะแมทธิว จินบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะเริ่มการเดินชมอย่างเป็นทางการ
เมื่อคุ้นเคยกับทะเลแล้ว ฉินสือโอวจึงสามารถนอนหลับได้สนิทกว่าที่เคยภายใต้เสียงคลื่นที่กระทบชายฝั่ง จนกระทั่งมีคนมาเคาะประตู เขาเปิดตามองดูเวลาเป็นเวลาตีห้า ดูท่าว่าการเดินชมจะเริ่มแล้วนั่นเอง
หลังทำกิจวัตรเสร็จ ฉินสือโอวเดินออกไปจากที่พัก มองออกไปรอบๆ ก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย ที่นี่ที่ไหนกัน?  นี่มันอ้างว้างเกินไปแล้วไหม?
ห่างจากที่พักไม่ไกลนั้นก็คือชายหาด คุณภาพของชายหาดผืนนี้ไม่ดี บนทรายเต็มไปด้วยหินกรวด และพอมองออกไปด้านข้าง ชายหาดได้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนไปเป็นหินผาเล็กๆ ที่ลาดชันแทน เสียงคลื่นทะเลที่สาดกระทบไปที่หินผานั้น ได้ปล่อยเสียงที่น่ากลัวเยือกเย็นออกมา
มีบ้านตั้งอยู่บนพื้นที่นี้กันประปราย ส่วนมากจะเป็นบ้านเล็กสองชั้นที่มีเนื้อที่เพียงแค่ไม่กี่ตารางเมตร สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดก็คือที่พักของพวกเขานั่นแหละ ที่มีทั้งหมดสามชั้นครึ่ง แต่มีเพียงชั้นหนึ่งกับชั้นสองเท่านั้นที่ใช้เป็นห้องพัก ตั้งแต่ชั้นสามขึ้นไปนั้นได้ใช้เป็นโกดังเก็บของแทน
ในบรรดาบ้านเหล่านี้มีน้อยหลังที่จะเป็นบ้านใหม่ ส่วนมากจะเป็นบ้านเก่าที่สีซีดเซียว แต่ว่าถนนถือว่ากว้างพอดู แต่ว่าไม่ค่อยมีรถขับผ่านสักเท่าไรนัก ฉินสือโอวมองดูสักพัก ก็เห็นเพียงรถกระบะเก่าๆ จอดอยู่ที่หน้าบ้านเหล่านั้น
แสงอาทิตย์ยามเช้าเริ่มสาดส่อง เริ่มมีคนออกมาทำงานกันแล้ว มีพวกแม่บ้านบางส่วนได้ออกมาตากปลาแห้งกันที่หน้าบ้าน มีปลาเศรษฐกิจจำพวกปลาแฮดดัค ปลาอลาสก้าพอลล็อค ปลาหิมะ ปลาช่อนทรายแก้วและปลากระบอกเทา แต่ที่เยอะกว่าจะเป็นปลาที่ไม่ค่อยมีราคาจำพวกปลาซาบะตัวเล็กๆ กับปลาแฮร์ริ่งมากกว่า
เมื่อมองไปในทะเล จะเห็นท่าเรือไม้เก่าโทรมยื่นเข้าไปในทะเล มีเรือลำเล็กๆ ที่ถูกผูกไว้กับท่าเรือไม้นั้นกำลังขยับไปมาตามกระแสคลื่นทะเล และยังมีเรือบางลำที่คว่ำอยู่บนชายหาด เผยให้เห็นถึงท้องเรือที่เก่าโทรมน่ากลัวของมัน
ฉินสือโอวมองดูที่นี่แล้วรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความเก่าโทรมทันที ทำให้เขาคิดถึงความรู้สึกที่เพิ่งไปถึงเกาะแฟรเวล์ครั้งแรก
ความจริงแล้ว แม้จะเป็นตอนที่เขาเพิ่งไปถึงเกาะแฟร์เวล สภาพในเมืองก็ดีกว่าที่นี่ อย่างน้อยในเมืองก็ยังมีร้านซูเปอร์มาร์เก็ต บาร์ แถมยังมีเรือหาปลาออกทะเลไม่ขาดสาย แต่ว่าที่นี่ในตอนนี้ไม่มีอะไรเลย
ที่นี่เป็นเหมือนหมู่บ้านชาวประมงที่ตายไปแล้ว ไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาเลย
โดนัลด์ บราวน์เดินเข้ามาหาฉินสือโอวแล้วหัวเราะแห้งๆ ออกมาสองที แล้วพูดว่า “แย่พอดูเลย ใช่ไหม? นายต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าที่นี่ที่ไหนแน่”
 “ที่นี่คือที่ไหนเหรอ?” ฉินสือโอวถามออกไปทันที โดนัลด์เป็นเจ้าของฟาร์มปลาพักร้อนเท่านั้น ก็คือเขามีเพียงฟาร์มปลาเล็กๆ อยู่ แต่จะกลับมาจัดการฟาร์มปลาเฉพาะวันสุดสัปดาห์หรือวันหยุดเท่านั้น ปกติจะทำงานเป็นเซลล์ขายประกันอยู่ที่ท่าเรือบาสก์ ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับท่าเรือนี้อยู่บ้าง
โดนัลด์ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “ที่นี่เรียกว่าท่าเรือน็อดดี้เบย์ควีน ใช่แล้ว ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะ ที่นี่เองก็เคยเป็นท่าเรือเหมือนกัน ตอนนี้คนส่วนมากจะเรียกที่นี่ว่าหมู่บ้านชาวประมงน็อดดี้เบย์แทน”
 “หมู่บ้านชาวประมงน็อดดี้เบย์ควีน!” เถ้าแก่หญิงของโรงแรมที่กำลังจะออกไปข้างนอกได้พูดแก้ไขคำพูดของโดนัลด์อย่างดื้อดึง
โดนัลด์พยักหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ครับ หมู่บ้านชาวประมงน็อดดี้เบย์ควีน”
เจ้าของโรงแรมเป็นคนผิวขาวหัวโล้นอายุหกสิบห้าปีได้ทำหน้าที่เป็นคนนำเที่ยวให้กับการเยี่ยมชมของพวกเขาในครั้งนี้ เขาพาพวกของฉินสือโอวเดินอ้อมไปรอบๆ เพื่อเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวประมงเล็กที่ทรุดโทรมแห่งนี้ ระหว่างทางก็ได้มีการบอกเล่าข้อมูลให้ฟังมากมาย เป็นข้อมูลที่ยากจะเชื่อได้ลง
ท่าเรือน็อดดี้เบย์ควีนได้มีขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่19 หลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้นที่นี่เฟื่องฟูมาก เคยเป็นที่ที่เหมาะจะจับปลาค็อดกับปูที่ดีที่สุดในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์
ตอนนั้นมีเรือและผู้คนมากมายได้เดินทางมายังท่าเรือนี้อย่างไม่ขาดสาย จากที่เถ้าแก่หัวโล้นแนะนำ ช่วงที่เฟื่องฟูที่สุดคือช่วงกลางของปี 70 ในเมืองมีประชากรมากกว่าหนึ่งพันคน บ้านเรือนก็มีมากกว่าสองร้อยหลัง
น่าเสียดาย เพราะการจับปลากันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ปลาค็อดของที่นี่ลดลงอย่างรวดเร็วจนกระทั่งหมดไปในปัจจุบัน
…………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset