ปูคางคกคือปูที่มีเฉพาะในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ มีจำนวนค่อนข้างน้อย ดังนั้นจึงไม่มีการส่งออกไปขาย ทำให้ไม่มีชื่อเสียง นอกจากคนพื้นที่แล้วก็มีน้อยคนนักที่จะรู้จักปูชนิดนี้ ส่วนคนที่เคยกินนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ฉินสือโอวเคยได้ยินเกี่ยวกับปูชนิดนี้ ก็ครั้งที่แล้วที่มาจับกุ้งล็อบสเตอร์ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์แล้วได้ยินคนในบาร์พูดถึงกัน แต่ว่าตอนนั้นไม่มีโอกาสได้ลองชิม ในโรงแรมมีแต่ปูเก่าที่แช่แข็งไว้ เขาในตอนนี้ได้กลายเป็นคนเลือกกินมาก เขาจะเลือกกินแต่ของสดไม่กินของเก่า
ตอนนี้พอได้ยินว่าในทะเลหน้าหมู่บ้านมีปูชนิดนี้ ฉินสือโอวดีใจมาก นี่เป็นเรื่องประหลาดใจที่คาดไม่ถึงจริงๆ
ปูคางคกเป็นชื่อที่ฉินสือโอวแปลเอง ปูชนิดนี้ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ เรื่องแบบนี้มีบ่อยไปในท้องทะเล มีสัตว์มากมายที่มีจำนวนน้อยและไม่มีราคาได้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ
แต่ทว่ามีหรือไม่มีชื่อสำคัญจริงเหรอ? สำหรับสัตว์ในทะเลแล้ว การที่ไม่เป็นที่สนใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์สิจึงจะดำรงชีวิตอยู่ได้ง่ายกว่า
คนพื้นที่เรียกปูชนิดนี้ว่า ‘Toad-Crab’ หากแปลตรงตัวก็คือปูคางคก ขนาดรูปร่างของพวกมันถือว่าเล็กในบรรดาปูทะเลทั้งปวง ขาเรียวยาว ดูไปมีส่วนคล้ายปูจักรพรรดิรุ่นมินิ มีศัตรูธรรมชาติมากมาย ทำให้จำนวนไม่เพิ่มขึ้นมาสักที
การจับปูคางคกจะใช้การหว่านแห เถ้าแก่หัวโล้นขับเรือออกทะเล สายตาจับจ้องไปที่ผิวน้ำ ปากก็พูดพล่ามไปเรื่อย ฉินสือโอวมองเขาอย่างสงสัย หรือว่าคุณลุงคนนี้ก็มีพลังโพไซดอนเหมือนกันเหรอ?
พลังโพไซดอนได้แผ่ไปทั่วใต้ท้องทะเล ฉินสือโอวมองเห็นปูขนาดประมาณกำปั้นจำนวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวอยู่ใต้ท้องทะเลอย่างรวดเร็ว น่านน้ำรอบๆไม่มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตเลย จำนวนปลาค็อดมีน้อยจริงๆ แม้แต่ปลาแฮร์ริ่งกับปลาซาบะที่พบเห็นได้ง่ายในน่านน้ำอื่นๆก็มีน้อยมากเช่นกัน
แต่ทว่าคงเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้ปูคางคกยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ พวกปูถือเป็นสัตว์ระดับล่างในระบบห่วงโซ่อาหาร อย่างเช่นปลากระโทงสีน้ำเงินหรือแม้แต่ปลากะพงญี่ปุ่นก็กินพวกมันเป็นอาหารเช่นกัน ปูทะเลส่วนมากจะสามารถเติบโตจนมีขนาดใหญ่ได้ ดังนั้นเป็นธรรมดาของปูคางคกที่ตัวไม่โตมากจึงดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยากลำบาก
น่านน้ำรอบๆหมู่บ้านควีนมีปลาไม่มากนัก เป็นธรรมดาที่ระบบห่วงโซ่อาหารจะเสียไป แต่ทว่านี่กลับทำให้ปูคางคกมีโอกาสรอดมากขึ้น หากว่านำพวกมันไปปล่อยไว้ที่ฟาร์มปลาต้าฉินแล้วล่ะก็ คิดว่าแค่ไม่กี่วันก็คงจะสูญพันธุ์กันหมดแล้ว
พลังโพไซดอนหากลุ่มปูคางคกเจอกลุ่มหนึ่ง ตอนนี้เองที่เถ้าแก่หัวโล้นก็หยุดเรือเช่นกัน เขาหันกลับมาหัวเราะแล้วพูดว่า “ที่นี่มีปูคางคก พวกเราก็แค่หว่านแหลงไปทีเดียว เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับมื้อกลางวันแล้ว”
ฉินสือโอวมองไปที่เถ้าแก่หัวโล้นอย่างประหลาดใจ ให้ตายเถอะ ตอนนี้เขารู้สึกยอมรับเถ้าแก่คนนี้จริงๆ เขาเองยังต้องพึ่งพลังโพไซดอนช่วยถึงจะหาปูคางคกพวกนี้เจอ แต่เถ้าแก่คนนี้ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีจิตสัมผัสอะไรนี่นา ทำไมถึงหาปูกลุ่มนี้เจอล่ะ?
เถ้าแก่หัวโล้นหว่านแหจับปลาลงไป จากนั้นก็นั่งลงตรงหัวเรือเริ่มสูบบุหรี่
ฉินสือโอวถามเรื่องที่เขาสงสัยออกไป เถ้าแก่หัวโล้นหัวเราะแล้วพูดอย่างได้ใจว่า “นี่เป็นประสบการณ์ พ่อหนุ่ม นี่ก็คือประสบการณ์ของชาวประมงแก่! ผมบอกคุณได้นะ แต่ก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะนี่น่ะต้องใช้ทั้งความรู้สึกแล้วก็การสังเกต ถ้าเพียงได้รู้ว่าทำได้อย่างไรนั้นไม่ค่อยมีประโยชน์หรอก”
ฉินสือโอววางตัวนอบน้อมให้ได้มากที่สุด ตัวเขาไม่ได้มีดีอะไรเลย การจับปลาได้ก็เพราะพึ่งพลังโพไซดอน แต่เถ้าแก่หัวโล้นนี่สิถึงจะเรียกว่าเก่งจริง!
ในเหล่าชาวประมงและลูกเรือที่หากินบนท้องทะเลนั้น คนที่น่านับถือที่สุดก็คือคนที่มีความสามารถจริงๆ ดังนั้นทั้งอายุและประสบการณ์ของฉินสือโอวจึงไม่ถือว่าเพียงพอใช้ได้ แต่เขาก็ยังสามารถจัดการเหล่าคนเถื่อนที่ฟาร์มปลาได้ เพราะอะไร? ก็เพราะเขาสามารถจับกุ้งปลาได้มากที่สุด สามารถตกปลาที่ตัวใหญ่ที่สุดได้
เถ้าแก่หัวโล้นสูบบุหรี่พร้อมอธิบายสูตรลับวิธีการหาปูคางคกให้เขาฟัง ปูชนิดนี้มักจะอาศัยอยู่ในน้ำตื้น และมีนิสัยเฉพาะในการเลือกที่พักเท้า พวกมันชอบกินหญ้าทะเลชนิดหนึ่ง ดังนั้นต้องสังเกตดูว่าบนผิวน้ำมีเศษหญ้าทะเลอยู่หรือเปล่า หากว่ามีเศษหญ้าทะเลมากก็เท่ากับว่าปูอยู่ใต้นั้นมากเช่นกัน
นี่คือการวิเคราะห์ที่ง่ายที่สุด ที่เหลือก็ต้องพึ่งน้ำทะเล แสงสว่าง การขึ้นลงของคลื่นทะเลหรือแม้กระทั่งสัมผัสที่หกเพื่อวิเคราะห์อีกที เรื่องนี้แหละที่เป็นเรื่องยาก รวมๆคือหลังฉินสือโอวตั้งใจฟังแล้วก็รู้สึกว่ายากเหมือนกัน
หลังจากคุยกันไปยี่สิบกว่านาที เถ้าแก่หัวโล้นกับฉินสือโอวก็ช่วยกันดึงแหปลาขึ้นมา ในแหปลาสีเขียวนั้นมีปูสีส้มอ่อนกำลังเกาะอยู่
ฉินสือโอวจับมาดูตัวหนึ่ง ไม่แปลกที่ปูนี่จะเรียกว่าปูคางคก เพราะตัวมันเตี้ยและอ้วน บนเปลือกก็เต็มไปด้วยหลุมขรุขระ เหมือนกับผิวของคางคกอย่างไรอย่างนั้น ขนาดตัวก็พอๆกับคางคก ชื่อนี้ช่างเรียกได้เหมาะสมกับรูปลักษณ์ของมันเสียจริง
เถ้าแก่หัวโล้นจับปูออกมาทีละตัว ตัวที่เล็กกว่ากำปั้นของเด็กได้ถูกเขาโยนลงไปในน้ำ เก็บไว้แต่ตัวใหญ่ แบบนี้หลังหว่านไปหนึ่งแหก็จับได้จำนวนไม่น้อยเลย มีถึงสี่สิบกว่าตัว
เถ้าแก่โล้นขับเรือกลับไปพร้อมปูพวกนี้ พอถึงชายฝั่งได้เจอกับเด็กสิบกว่าขวบสองคน กำลังช่วยกันถือแหไว้ในมือ ในนั้นเป็นหอยหวานที่พวกเขาช่วยกันจับมา
ฉินสือโอวถามพวกเขาว่าจะขายไหม เด็กสองคนพยักหน้าตอบอย่างดีใจ เขาควักเงินมาสองร้อยดอลลาร์ยื่นให้กับเด็กทั้งสองคน นี่ไม่ใช่เพราะเขาสงสารเด็กสองคนนี้ ความจริงแล้วหอยกาบในแหของพวกเขานั้นก็น่าจะมีประมาณสิบกว่าชั่งได้ ราคาชั่งละสิบกว่าดอลลาร์ ทั้งหมดก็น่าจะราคาประมาณสองร้อยดอลลาร์
ทางกรมประมงได้เตรียมมื้อกลางวันไว้ เป็นอาหารที่ภรรยาของเถ้าแก่หัวโล้นเป็นคนทำ เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาได้ถูกแบ่งให้นั่งกันสี่โต๊ะ โต๊ะหนึ่งนั่งกันประมาณสิบกว่าคน อาหารที่เสิร์ฟส่วนมากจะเป็นผักและหอยสังข์ที่พบเจอได้ง่ายในทะเล
บนโต๊ะของฉินสือโอวได้เสิร์ฟปูคางคกกับหอยหวานด้วย พวกของบัคเคอร์ต่างก็ถามอย่างไม่พอใจว่าทำไมพวกเขาไม่มี เถ้าแก่หัวโล้นใช้หางตามองไปที่พวกเขาทีหนึ่ง แล้วบอกว่า “นี่น่ะเป็นของที่เขาเอาไว้เลี้ยงคนที่เขาถูกชะตา เกี่ยวอะไรกับพวกนายด้วย”
พวกฮับเบิล แอนดรูว์ที่นั่งโต๊ะเดียวกับฉินสือโอวต่างก็ทำท่าเห็นด้วยกับฉินสือโอวและเถ้าแก่หัวโล้น แมทธิว จินเองก็พูดออกมาอย่างมีอารมณ์ขันว่า “ดูนะ ถ้าหากยังมีคนบอกว่าพวกเราคนแคนาดาเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติอีก งั้นต้องให้พวกเขามาดูภาพในวันนี้ ความจริงได้ปรากฏแล้วว่าขอแค่คุณยอมเสียสละให้กับคนรอบข้างแล้วล่ะก็ พวกเขาก็จะไม่ดูถูกคุณแน่นอน”
แคนาดามีการเหยียดเชื้อชาติ แต่คนที่เหยียดคนผิวเหลืองที่สุดนั้นไม่ใช่คนผิวขาว แต่เป็นคนอินเดีย คนอเมริกันใต้กับคนเม็กซิโก ส่วนคนที่เหยียดคนจีนมากที่สุดคือคนญี่ปุ่นกับคนเกาหลี แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่เหยียดผิว แต่เป็นดูถูกมากกว่า
เนื้อของปูคางคกจะไม่เยอะเหมือนปูจักรพรรดิและปูราชินี แต่ว่าเนื้อแน่นมาก ตอนเนื้อเข้าปากแล้วมีความรู้สึกนุ่มมาก ตอนเคี้ยวก็มีความสดใหม่อย่างบอกไม่ถูก ต่างจากเนื้อปูทะเลทั่วไปที่พอเข้าปากก็ละลายอย่างสิ้นเชิง
ฉินสือโอวกินปูคางคกไปห้าหกตัวก็อิ่มแล้ว ไม่ใช่เพราะเขาอิ่มง่าย แต่เพราะเบื้องหน้าเขากองพะเนินไปด้วยหอยหวานมากมาย เจ้าสิ่งนี้หากได้จิ้มกับซอสวาซาบิแล้วล่ะก็รสชาติดีมากๆ ความรู้สึกที่ผสมผสานกันระหว่างความเผ็ดร้อนกับความสดใหม่นั้นช่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ
หลังออกจากหมู่บ้านควีนแล้ว คนทั้งกลุ่มก็ได้ไปหมู่บ้านชาวประมงอีกที่ที่อยู่ไม่ไกลนัก นี่คือหมู่บ้านชาวประมงในเขตนิวฟันด์แลนที่เคยมีชื่อเสียงมาก ตอนนี้พอไม่มีอุตสาหกรรมประมงแล้ว ก็ได้กลายเป็นเมืองทรุดโทรมไปอีกแห่งหนึ่ง ทั่วทั้งหมู่บ้านมีคนอาศัยอยู่เพียงสองครอบครัวเท่านั้น
“ดูสิ ที่นี่ต่างก็เคยเป็นฟาร์มปลาที่ดีที่สุดทั้งนั้น ตอนนี้กลายเป็นแบบไหนไปแล้วพวกคุณดูเองแล้วกัน” แมทธิว จินพูดพร้อมถอนหายใจ
ฉินสือโอวพูดกับเขาเสียงเบาว่า “หลังจากผมได้มาเยี่ยมชมที่นี่แล้ว ก็มีความคิดที่ลึกซึ้งต่อการบริหารฟาร์มปลามากกว่าแต่ก่อนมาก แต่ว่าผมไม่คิดว่านี่จะส่งผลอะไรต่อคนพวกนั้นหรอกนะ พวกเขาเป็นพวกไม่มีสามัญสำนึก!”
นี่ไม่ใช่คำใส่ร้ายลับหลังของเขา แต่เป็นความคิดที่ออกมาจากใจจริงของเขา เหมือนคุณไปบอกให้นักเพชฌฆาตว่าการฆ่าคนนั้นโหดร้ายนั่นแหละ ไม่คิดว่าเป็นคำพูดที่เสียเปล่าเหรอ?
แมทธิวหัวเราะ แล้วพูดช้าๆว่า “ผมไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ผมแค่อยากใช้หมู่บ้านชาวประมงเหล่านี้บอกกับพวกเขา ถ้าไม่มีฟาร์มปลา งั้นเศรษฐกิจตามแนวชายฝั่งของแคนาดาก็จะล่มไปด้วย ทางประเทศแคนาดากับทางกรมประมงจะไม่มีทางยอมให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่! ดังนั้น ถ้าหากพวกเขายังคงทำลายฟาร์มปลา งั้นก็อย่ามาหาว่าพวกเรากรมประมงใจร้ายก็แล้วกัน!”
……………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 714 จุดประสงค์คือสิ่งนี้
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!