ถ้าเป็นเมื่อร้อยปีก่อนที่เทคนิคการหลอมแก้วยังไม่พัฒนาเหมือนสมัยนี้ แก้วก้นทะเลพวกนี้จะมีค่าสูงมาก!
แต่ตอนนี้เทคนิคการหลอมแก้วพัฒนาเต็มที่มากแล้ว อย่าว่าแต่แก้วหลากสีเลย แก้วชนิดพิเศษแต่ละประเภทหรือไฟเบอร์กลาสต่างก็ปรากฏออกมาอย่างไม่ขาดสาย แก้วก้นทะเลพวกนี้นอกจากการวิจัยแล้วก็ใช้ประโยชน์อะไรได้ไม่มาก
ดังนั้นฉินสือโอวที่พบแก้วพวกนี้ก็ได้แต่ใช้มันเอง
เมื่อมองดูชิ้นส่วนกระจกที่มีรูปร่างสีสันแตกต่างหลากหลาย ฉินสือโอวก็คิดอะไรได้อย่างหนึ่ง นั่นคือหาที่ราบเรียบแถวแนวหินปะการังแล้วใช้แก้วพวกนี้สร้างวังที่เรียบง่ายสักหลังหนึ่ง
พูดแล้วก็ทำเลย ชิ้นส่วนแก้วที่มีขนาดใหญ่จะอยู่ที่ไม่กี่สิบลูกบาศก์เซนติเมตร จิตสำนึกแห่งโพไซดอนยกคลื่นขนาดใหญ่จากก้นทะเลขึ้นมาเพื่อโหมเอาชิ้นส่วนแก้วจากที่ลุ่มน้ำขึ้นมาช้าๆแต่มั่นคงแล้วพัดไปทางแนวหินปะการัง
ความลาดชันของฟาร์มปลาต้าฉินค่อนข้างน้อย เฉลี่ยแค่ร้อยละสอง การพัดชิ้นส่วนแก้วขึ้นมาเลยไม่ถือว่าลำบากมากนัก
ฉินสือโอวเริ่มฉุกคิดขึ้นมาก็เลยทำได้อย่างมีกำลังใจ แต่จะว่าไปแล้วที่ลุ่มน้ำห่างจากแนวปะการังตั้งหกสิบเจ็ดสิบกิโลเมตร ถ้าจะขนแก้วที่หนักขนาดนี้ไปจริงๆเขาทำให้ตายก็ทำไม่ได้!
แค่ขนชิ้นส่วนแก้วสิบกว่าอันไปหนึ่งกิโลเมตร ฉินสือโอวก็เหนื่อยเป็นหมานอนหอบอยู่บนเก้าอี้นอนแล้ว
เป็นเพราะเขาเพิ่งได้สร้อยข้อมืออำพันขี้วาฬเสริมพลังไปบ้าง ไม่อย่างนั้นหมดระยะทางหนึ่งกิโลเมตรนี้คงทำให้เขาเหนื่อยจนเป็นลม!
หู่จือและเป้าจือวิ่งมา เจ้าตัวแสบทั้งสองมองฉินสือโอวที่นอนอยู่บนเก้าอี้อย่างประหลาด พอดูออกว่าฉินสือโอวเหนื่อยก็วิ่งไปตามเสี่ยวหลัวปอมาให้มันขึ้นไปเหยียบหลังให้ฉินสือโอว
เสี่ยวหลัวปอยืดคอไม่ยินยอมพร้อมทำท่ารังเกียจ ตัวเองเป็นหมาป่าขาวกุลสตรี มันไม่ทำเรื่องผิดพลาดแบบนี้เด็ดขาด
หู่จือและเป้าจือใช้ลิ้นเลียปากอย่างร้ายกาจ ในขณะเดียวกันนั้นก็กระโดดขึ้นมากดเสี่ยวหลัวปอลงบนหาดทรายแล้วใช้อุ้งเท้าขุดทรายอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนจะฝังเสี่ยวหลัวปอลงไป
เสี่ยวหลัวปอส่งเสียงโห่วโห่วด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม สุดท้ายมันก็หนีขาใหญ่ๆไม่พ้นและได้แต่ขึ้นไปบนหลังฉินสือโอวเพื่อทำเรื่องไม่ดีนี้
ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งให้หู่จือและเป้าจือเพื่อแสดงความชื่นชมเอาอกเอาใจเหมือนลูกแท้ๆแล้วหลับตาให้เสี่ยวหลัวปอเหยียบหลัง กล้ามเนื้อกำลังปวดเมื่อยเพราะสูญเสียพลังแห่งโพไซดอน ถูกเหยียบหลังแบบนี้ก็สบายดี
เมื่อได้รับคำชมจากพ่อ หู่จือและเป้าจือก็หมุนตัวอย่างตื่นเต้นแล้วกระโดดหยอกล้อกันอยู่บนชายหาด
แก้วก้นทะเลจัดการไม่ได้ในเวลาสั้นๆ ฉินสือโอวอยากพักผ่อนสักหน่อยเลยไปเตร็ดเตร่ในเมือง
แฮมเล็ตน่าจะเคยอ่านบทความของเหมาเจ๋อตงและเติ้งเสี่ยวผิงเรื่องความสำคัญของการเข้าใจการต่อสู้ระดมมวลชน ทุกที่ในเมืองถึงได้มีคำขวัญและรูปหาเสียงเลือกตั้งของเขาติดอยู่
ฉินสือโอวอยากไปหาแฮมเล็ต ผลสุดท้ายเลขาบอกเขาว่าผู้ว่าการเมืองไปนครเซนต์จอห์นกับเออร์บัก ว่ากันว่าไปตระเวนหาเสียงทีละบ้านเพื่อสัมผัสกับประชาชนด้วยตัวเอง
โรงพิมพ์ของเมืองเปิดทำการเต็มกำลัง สิ่งพิมพ์กองใหญ่ออกมาสดๆร้อนๆ คนท้องถิ่นในเมืองที่ถูกว่าจ้างชั่วคราวกำลังสอบถามข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแล้วแจกจ่ายไปทั่ว
สนามหญ้าตรงสี่แยกปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อทั้งหมดในเมืองเต็มไปด้วยป้ายหาเสียงเลือกตั้งแบบต่างๆราวกับดอกเห็ด ด้านบนทั้งหมดเป็นรูปถ่ายของแฮมเล็ต มีรูปตอนทำงานอย่างเคร่งขรึม ตอนพบปะอย่างเป็นมิตรกับประชาชนและยังมีรูปโฟโต้ชอปแบบตลกๆรูปการ์ตูนแบบน่ารักๆด้วย
นักท่องเที่ยวในประเทศที่มาเที่ยวในเมืองได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกล้วนสนอกสนใจถ่ายรูปกันไม่หยุด
แฮมเล็ตจ้างสื่อให้ช่วยรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวในเมืองให้เขาโดยเฉพาะแบบนี้เลยมีนักข่าวมาหามาคุยกับนักท่องเที่ยวอยู่เรื่อยๆ และคอยถามพวกเขาเกี่ยวกับความรู้สึกที่ได้มาที่เมืองนี้ด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่นักท่องเที่ยวในประเทศพูดออกมาย่อมเป็นเหมือนดินแดนในอุดมคติ ประเมินค่าความสวยงามเหมือนโลกในภาพวาด พวกนักข่าวถามหยั่งเชิงขึ้นมาอีกว่าที่เมืองเป็นอย่างทุกวันนี้ทั้งหมดล้วนเป็นความดีความชอบของแฮมเล็ต
ในสายตาของนักข่าวผิวขาวพวกนี้ ฉินสือโอวอายุพอประมาณ รูปร่างใกล้เคียง หน้าตาดูเหมือนคนจีน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักฉินสือโอว แต่หลังฉินสือโอวลงจากรถเอสยูวีก็มีนักข่าวสาวน่ารักคนหนึ่งเข้าไปถามเขา “คุณคะ คุณมาจากไหนคะ?”
“ฟาร์มปลาต้าฉิน?” ฉินสือโอวตอบกลับอย่างไม่แน่ใจ เขาไม่เข้าใจว่าที่นักข่าวสาวถามว่า ‘ที่ไหน’ หมายถึง ‘ที่ไหน’
นักข่าวสาวลูบผมที่ชี้ฟูพร้อมถามช่างภาพที่อยู่ด้านหลังอย่างซื่อบื้อ “ฟาร์มปลาต้าฉินเป็นเมืองเหรอ? หรือเป็นฉายาของเมือง?”
ช่างภาพคนนั้นไม่โง่ เขามองยี่ห้อรถเอสยูวีแล้วขยิบตาให้นักข่าวสาวพร้อมพูดขึ้น “ผมว่าไม่น่าใช่มั้ง? เอ้อ แพรีส ดูสิ ทางด้านโน้นมีคณะทัวร์อยู่ด้วย พวกเราไปดูกันเถอะ?”
นักข่าวสาวความรู้สึกช้า เธอมองรถเอสยูวีที่อยู่ด้านหลังแล้วถามอย่างลังเล “คุณเป็นประชาชนของเมือง? ฉินสือโอวที่มีชื่อเสียงคนนั้นน่ะเหรอ?”
ฉินสือโอวเห็นนักข่าวสาวมึนๆงงๆก็คิดจะหยอกเล่น เขายื่นมือทำท่าเหมือนจะบีบแก้มอ้วนๆของนักข่าวสาวพร้อมหัวเราะ “ใช่แล้ว ผมคือมาเฟียใหญ่ฉินสือโอว”
นักข่าวสาวตื่นตระหนกจะถอยไป ฉินสือโอวหัวเราะออกมายกใหญ่พร้อมหันไป แต่พอหันไปรอยยิ้มของเขาก็ต้องหยุดลง ฟอกส์ น้องสะใภ้ของเขากำลังมองเขาอยู่ที่หน้าประตูร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกล
ดีที่ฟอกส์ไม่ได้พูดอะไร เมื่อเธอพบว่าฉินสือโอวเห็นตัวเองแล้วเธอก็แค่โบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณ จากนั้นก็มีสาวสวยอกอึ๋มเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อแล้วส่งเครื่องดื่มให้ฟอกส์หนึ่งแก้ว แล้วทั้งสองคนก็จากไป
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆด้วยความสับสน สาวสวยอกอึ๋มนั่นไม่ใช่เชอริล แฮรี่ ครูของพวกเชอร์ลีย์หรอกเหรอ? ทำไมกลายเป็นเพื่อนกับฟอกส์ได้เร็วขนาดนี้ล่ะ?
ฮิวจ์ถือหมวกเบสบอลเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ หลังจากเห็นสือโอวเขาก็หัวเราะพลางพูดขึ้น “เฮ้พวก แฮมเล็ตบอกนายแล้วเหรอ? นายก็คิดจะไปร่วมกิจกรรมการประท้วงด้วยเหรอ?”
ฉินสือโอวมึนงง ทำไมถึงมีกิจกรรมการประท้วงอีกแล้ว? คนแคนาดาว่างขนาดนี้เลยเหรอ?
เห็นหน้าตาเขาไม่เข้าใจ ฮิวจ์ก็คิดได้ทันทีแล้วรีบอธิบาย “พวกเราประท้วงรัฐบาลที่ไม่ให้ความสำคัญด้านการแพทย์ของพลเรือน ตอนนี้พวกเราไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็ยุ่งยากเหลือเกิน โอมาร์เพื่อนของพวกเราเจ็บปวดมาก ดังนั้นต้องไปให้ความเป็นธรรมกับเขา”
ฉินสือโอวรู้จักโอมาร์ เขาเป็นเจ้าของร้านพิซซ่าแห่งหนึ่งในเมือง ฉินสือโอวเคยไปกินพิซซ่าของชายวัยกลางคนที่ชอบยิ้มแย้มคนนั้น
ฮิวจ์เชิญชวน ฉินสือโอวปฏิเสธไม่ได้ก็เลยไปประท้วงกับพวกเขาด้วย ขณะเดินอยู่บนถนนฮิวจ์ก็เล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ให้ฉินสือโอวฟัง เขาถึงเข้าใจว่าเป็นเรื่องอะไร
การไปหาหมอที่แคนาดามีความยากลำบากอยู่สองอย่าง หนึ่งคือรอไม่ไหว สองคือทนไม่ไหว
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โอมาร์พบมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะ ยังดีที่เป็นระยะสอง ไม่ถือว่าหนักมากก็เลยทำการผ่าตัดแบบส่องกล้องที่โรงพยาบาลแมรีของนครเซนต์จอห์นโดยใช้แสงเลเซอร์ในการทำลายส่วนที่เป็นมะเร็ง
ผลสุดท้ายในต้นเดือนมิถุนายน โอมาร์ก็รู้สึกไม่สบายอีกก็เลยติดต่อหมอประจำบ้านเพื่อตรวจรักษาใหม่ เขาได้รับการตรวจและผลก็ยืนยันว่ามีการเกิดโรคซ้ำซึ่งจำเป็นต้องผ่าตัดอีกครั้งพร้อมให้เคมีบำบัด
…………………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 746 ต้องประท้วงอีกแล้ว
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!