ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 757 ผู้บังคับการกองมาตรวจเยี่ยม

เห็นท่าทางไม่สนใจไยดีของพวกชาวประมงแล้ว ฉินสือโอวก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองแล้วถามว่า “พวกนายไม่อยากเป็นทหารลาดตระเวนกันเหรอ?”
พวกชาวประมงใช้สายตาแปลกๆ มองไปที่ฉินสือโอว พวกเขาไม่พูดอะไร ไม่ยอมรับ ไม่ปฏิเสธ เหมือนต้องการใช้ความเงียบต่อต้านเขา
ฉินสือโอวยังคงพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ยังไม่ต้องพูดถึงเบี้ยเลี้ยงที่จะได้ทุกเดือนและประกันสุขภาพ ฉันแค่อยากถามว่าพวกนายไม่รู้สึกอยากจะเป็นเลยเหรอ? สวมเครื่องแบบทหารลาดตระเวน กลายเป็นนายทหารที่มีเกียรติ…”
“นั่นไม่ดีเท่าเป็นชาวประมงเลย” บูลพูดขยับปากมุบมิบ
แลนซ์ก็ช่วยพูด “ก็คือว่า เบี้ยเลี้ยงเดือนละห้าสิบหยวนยังไม่พอค่าเบียร์หนึ่งคืนเลยนะ”
จากนั้นฉินสือโอวก็ถามต่ออีกหน่อย สาเหตุที่พวกชาวประมงไม่อยากเป็นทหารบกนั้นเรียบง่ายมากก็คือไม่สนใจ พวกเขาไม่ยอมเป็นทหารลาดตระเวนแบบนี้ไม่เหมือนกับที่ฉินสือโอวคิดไว้เลย
ก่อนออกจากประเทศฉินสือโอวไม่เคยแตะต้องปืนและระเบิดของจริงมาก่อน เป็นเพราะการโฆษณาของประเทศจีน การเป็นทหารสำหรับเขาจึงเป็นเรื่องที่ดูดีและมีแรงดึงดูดมาก
ต่างจากพวกชาวประมง พวกเขาเล่นปืนมาตั้งแต่เด็กจนโตแล้วไม่ใช่เหรอ? จะเป็นทหารลาดตระเวนไปทำไม เพื่อจับปืนไรเฟิลลี-เอ็นฟิลด์งั้นเหรอ? ถ้าชื่นชอบปืนรุ่นคุณปู่อย่างนั้น ของเรมิงตันก็มี ใครจะอยากได้ไรเฟิลลี-เอ็นฟิลด์กัน?
ฉินสือโอวมองไปที่เบิร์ดและนีลเซ็น พร้อมกับตบไปที่ไหล่ของทั้งสองคนอย่างกระตือรือร้นแล้วพูดว่า “พวกนายไม่โหยหาชีวิตในค่ายทหารเมื่อปีนั้นเหรอ? ดูสิ ตอนนี้มีโอกาสมาถึงแล้ว เป็นทหารได้เหมือนกันแถมยังไม่ต้องฝึกอีกด้วย”
“ไม่ได้เป็นเพราะการฝึกหรอกนะครับบอส พวกเราฝึกกันเองทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? หลักๆ คือคุณต้องรู้ว่าพวกเรารู้สึกว่าการเป็นชาวประมงมันก็ดีอยู่แล้ว การเป็นทหารลาดตระเวนมันไม่น่าสนใจเลย” นีลเซ็นพูดตามจริง
ดูท่าทางเบิร์ดเองก็ไม่สนใจเหมือนกัน “ถ้าคุณชอบการเป็นทหาร อย่างนั้นผมกับนีลเซ็นยื่นคำร้องขอทะเบียนรถทหารให้ก็ได้ ถึงตอนนั้นก็เอาทะเบียนไปแขวนไว้ที่รถของคุณ ทีนี้คุณก็ไม่ต้องให้พวกเราเป็นทหารลาดตระเวนแล้วได้ไหม?”
ฉินสือโอวฟังไปได้แค่ครึ่งเดียวเขาก็ถามอย่างสนใจ “พวกนายปลดประจำการมานานมากแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงยังสามารถขอทะเบียนรถได้?”
นีลเซ็นและเบิร์ดอธิบายเป็นต่อยหอยอยู่ครู่หนึ่ง ฉินสือโอวก็เข้าใจ ที่แท้ป้ายทะเบียนนี่ก็เป็นแค่เกียรติภูมิอย่างหนึ่งที่ทางกองทัพมอบให้แก่ทหารปลดประจำการเพื่อตอบแทนความดีความชอบ
ที่ป้ายประเภทนี้จะมีธงของแคนาดาและสัญลักษณ์หน่วยที่เจ้าของรถประจำการอยู่ในตอนนั้น การจะได้สิ่งนี้มามีสองวิธี หนึ่งคือเป็นทหารที่ปลดประจำการ สองคือเคยเข้าร่วมการรบ ไม่นับการปราบปรามยาเสพติดและการค้าของเถื่อน
เบิร์ดและนีลเซ็นเคยร่วมรบที่ต่างประเทศถึงได้รับเกียรตินี้ ทหารที่ไม่เคยไปรบและไม่ได้ปลดประจำการ ไม่ว่ายศสูงแค่ไหนก็จะไม่มีสิทธิ์ใช้
และที่จริงป้ายทะเบียนทหารประเภทนี้ก็ไม่ได้มีอำนาจพิเศษอะไร ประชาชนก็ขับได้ แต่การขับรถแบบนี้ไปบนถนนก็ดูเด่นมาก คนส่วนมากที่เห็นรถที่แขวนป้ายทะเบียนแบบนี้ก็จะผิวปากให้หรือไม่ก็จับมือทักทาย
ฉินสือโอวไม่เคยรู้เลย แต่ตอนนี้เมื่อรู้แล้วก็ไม่สามารถปล่อยไปได้ เขาให้ทั้งสองคนรีบยื่นคำร้องทันที แล้วหันไปถอดทะเบียนรถพอร์เชอ 918 และฟอร์ดเอฟ 650 ออก ต้องติดตั้งนี่เข้าไปถึงจะเรียกว่ามีอำนาจ
ทุกคนไม่สนใจฉินสือโอวก็ไม่ได้บังคับ ถึงอย่างไรเขาก็ได้หนังสือรับรองมาแล้ว ต่อไปแค่รายงานข้อมูลของสมาชิกให้กองบัญชาการทางทะเลของ LFC ก็พอแล้ว
พวกชาวประมงไม่อยากเป็นทหารลาดตระเวน ฉินสือโอวก็ไม่ฝืนใจ ดังนั้นเขาเลยพาเจ้าพวกตัวแสบในบ้านมารวมตัวกันกะว่าจะปลูกฝังความรักในการเป็นทหารตั้งแต่เด็ก
เขาสั่งชุดทหารของสุนัขขนาดต่างๆ จากในอินเทอร์เน็ตให้กับหู่จือ เป้าจือ หลัวปอ ผู้ใต้บังคับบัญชาน้อยทั้งสามใส่พร้อมกับหมวกเล็กๆ อีกตัวละหนึ่งใบ
หู่จือและเป้าจือทำหน้ารังเกียจ อากาศร้อนขนาดนี้พวกเราตัดขนกันก็เพื่อคลายร้อนไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายจะต้องให้พวกเราใส่เสื้อผ้าแถมต้องใส่หมวกอีก? ออกไปโดนแดดหน้าผากก็ร้อนโคตรแล้ว โอเคไหม?
แต่พวกมันก็ไม่มีหนทางต่อต้านฉินสือโอวได้ เพราะเขาใช้วิธีตบหัวแล้วลูบหลังได้อย่างฉลาดด้วยการเพิ่มอาหารให้พวกตัวแสบแต่ละตัวตลอดสองวันมานี้
ฉงต้าเห็นว่ามีของกินก็เข้ามาร่วมด้วย ฉินสือโอวสั่งชุดทหารที่เพิ่มความกว้างและความใหญ่แล้วถึงเอาให้มันใส่พร้อมสั่งหมวกด้วยหนึ่งใบ ฉินสือโอวคิดไปคิดมาแล้วก็มัดของเล่นรูปจรวดติดไปที่ร่างกายทั้งสองฝั่งของมัน
ปอหลัวโล่งใจที่ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมันเพราะบนหัวของมันมีเขา…
เดิมทีเสี่ยวหมิงและพวกกระรอกดินก็คิดว่าไม่เกี่ยวอะไรกับพวกมัน เพราะเห็นว่าฉินสือโอวไม่ได้ซื้อชุดทหารและหมวกที่เล็กขนาดนั้นมา
ผลสุดท้ายความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด ฉินสือโอวใช้เปลือกไข่ห่านทำเป็นหมวกเล็กๆ ไม่กี่ใบ ใช้ดินสอสีสีเขียวระบายและวาดดาวห้าแฉกสีแดงลงไปบนนั้น ดูแล้วช่างสดใสมีชีวิตชีวา
วินนี่ทำได้แค่เล่นไปกับฉินสือโอวด้วย เธอช่วยเย็บชุดทหารตัวจิ๋วให้เสี่ยวหมิงและพวกกระรอกดิน แบบนี้เจ้าพวกตัวแสบก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว
แม้แต่มาสเตอร์ก็ยังมีเอี่ยวไปด้วย ฉินสือโอวใช้กระดาษแข็งทำล้อสี่ล้อไว้ที่ลำตัวทั้งสองด้านของมันและบนหลังก็ยังมัดท่อพลาสติกที่ทำเป็นลำปืนไว้ด้วย แบบนี้มาสเตอร์ก็เลยกลายเป็นทหารนักรบหุ้มเกราะที่แสนเกรียงไกรไปเลย
ความบ้าคลั่งของฉินสือโอวทำให้บุชและนิมิตส์กลัว จนเจ้าสองแสบนี้ไม่กล้ากลับบ้าน
แบบนี้ฉินสือโอวเลยได้แต่จำใจล้มเลิกความคิดที่จะทำให้เจ้าสองตัวนี้กลายเป็นทหารอากาศ อันที่จริงเขาใช้กระดาษลังทำเครื่องบินรบทิ้งระเบิด B-52 และ Su-30 จำลองทั้งสองลำไว้แล้ว
ในขณะที่พวกตัวแสบกำลังเล่นกันอย่างสนุก ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมฉินสือโอวก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง เป็นสายจากเจมส์ คาเมรอนโทรมาถามว่าว่างหรือเปล่า เพราะเขาจะมาหา
ฉินสือโอวว่างแน่นอนอยู่แล้ว นี่คือเจมส์ คาเมรอนผู้กำกับหนังอันดับต้นๆ ของโลกเชียวนะ ถ้าต่อไปเขาถ่ายหนังแล้วเอาตัวเองไปเล่นด้วยก็คงจะเท่ไม่เบาไม่ใช่เหรอ?
เขานึกไม่ถึงเลยว่าความปรารถนานี้จะเป็นจริงขึ้นมาในทันที
คาเมรอนไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนที่ฉินสือโอวนึกไม่ถึงมาด้วยอีกหนึ่งคนก็คือ เคอร์ สเตราส์ผู้บริหารรุ่นต่อไปของตระกูลสเตราส์ ซีอีโอของห้างสรรพสินค้า เมย์ซี
“เฮ้ เจมส์ เคอร์ ไม่ได้เจอนานเลยนะ” ฉินสือโอวเห็นทั้งสองมาด้วยกันก็นิ่งไปเล็กน้อยแล้วดีใจอย่างกับลิงโลด
เคอร์และฉินสือโอวกอดกันแล้วหยอกล้อ “ดูท่าทางคุณจะชอบชีวิตสันโดษแบบนี้มากเลยนะ นานขนาดนี้แล้วยังไม่ไปที่นิวยอร์กบ้างเลย?”
ฉินสือโอวยิ้มเจื่อน อันที่จริงเขาไปนิวยอร์กมาหลายครั้งแล้วเพียงแต่ไม่ได้ไปหาเคอร์
คาเมรอนมองพวกตัวแสบที่แต่งตัวประหลาดด้วยสายตาแปลกๆ แล้วถามขึ้นมาอย่างสงสัย “นี่คุณกำลังเล่นแต่งคอสเพลย์อยู่เหรอ?”
ฉินสือโอวอธิบายอย่างกระตือรือร้น “แน่นอนว่าไม่ใช่ อันที่จริงพวกเขาคือทหาร มาสิ ผมจะแนะนำให้ฟัง หู่จือและเป้าจือคือสุนัขทหารของผม พวกคุณเรียกพวกมันว่า ‘สุนัขอเมริกัน’ ก็ได้ นี่คือฉงต้าเป็นหมีสงครามของผม พวกคุณรู้จักหมีสงครามไหม? กำลังรบหลักของสหภาพโซเวียต…”
คาเมรอนและเคอร์อ้าปากค้าง เพราะเมื่อฉินสือโอวแนะนำถึงตัวไหนตัวนั้นก็จะยกอุ้งเท้าขึ้นมาทำท่าเคารพแบบทหาร
“พระเจ้า พวกคุณชาวแคนาดานี่ช่างคิดจริงๆ นะ” เคอร์เห็นหู่จือและเป้าจืออันเป็นที่รักถูกปู้ยี่ปู้ยำจนกลายเป็นสภาพนี้ก็เจ็บปวดหัวใจ
คุณชายสเตราส์เป็นพวกรักสุนัข ครั้งก่อนที่มาพวกเขาก็อยากจะซื้อเจ้าลูกหมาแสนฉลาดสองตัวนี้กลับไปในราคาแพง แต่น่าเสียดายที่ฉินสือโอวบอกว่าเจ้าสองตัวนี้คือลูกชายของตัวเอง จึงขายให้ไม่ได้
ตอนนี้เขาเกิดคำถามขึ้นมาแล้วว่า มีพ่อที่ทำกับลูกตัวเองขนาดนี้ด้วยเหรอ?
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset