ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 763 ทุ่มเทจริงๆ

บทที่ 763 ทุ่มเทจริงๆ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวอุ้มหู่จือขึ้นมา แล้วใช้มือข้างหนึ่งดึงบันไดขึ้นไปบนเรือด้วยความรวดเร็ว นีลเซ็นเพิ่งจะฉีกพลาสติกที่หุ้มด้านนอกของปืนไรเฟิล SIG 556 ออก จากนั้นก็ใส่กระสุนแล้วเล็งไปที่เรืออย่างระมัดระวัง
อีวิลสันแบกเป้าจือไว้แล้วปีนตามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาชักปืนเรมิงตันกระบอกหนึ่งออกมาจากด้านหลัง
ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย “ถ้าเป็นเรือผีสิงจริงๆ แล้วปืนของพวกเราจะมีประโยชน์เหรอ?”
ซีมอนสเตอร์ลูบปากกระบอกปืนพลางพูด “ปืนของผมเคยอาบน้ำมนต์มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นผีสางหรือว่าแดรกคูลาก็ยิงหัวทะลุได้ทั้งนั้น!”
นีลเซ็นด่า “นายดูหนัง ‘นักล่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจ’ มากไปจนโง่แล้วหรือไง? น้ำมนต์บ้าอะไรอีก! โลกนี้ไม่มีผี! เห็นชัดๆ ว่าบนเรือมีสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังแรงอยู่ ดังนั้นปืนของพวกเราไม่ได้เอาไว้จัดการกับผี แต่เอาไว้จัดการกับคน!”
คนที่เหลือปีนขึ้นมากันหมดแล้ว แดดตอนบ่ายร้อนมาก แต่พอส่องไปที่เรือกลับมีความรู้สึกเยือกเย็นบางอย่าง
เรือขนาดใหญ่หลายพันตันขนาดนี้แต่กลับไม่มีเสียงเลย ดูยังไงก็ทะแม่งๆ
พอหู่จือและเป้าจือลงไปอยู่ที่พื้นแล้วก็ยื่นจมูกไปทั่ว มันขู่ ‘โฮ่วโฮ่ว’ ใส่ห้องคนขับแล้วก็วิ่งไป
พวกฉินสือโอวแยกกันขึ้นไปเป็นสองทาง ห้องคนขับอยู่ตรงหัวเรือ พอเข้าไปดูด้านในนั้นยุ่งเหยิงราวกับมีคนมารื้อค้นไว้
ที่แปลกก็คือตรงที่นั่งคนขับมีกาแฟที่ดื่มไปแล้วครึ่งแก้วและโดนัทวางอยู่ ฉินสือโอวลูบที่แก้ว กาแฟเย็นแล้ว นีลเซ็นหักโดนัทช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งเผยให้เห็นแป้งนุ่มๆ ด้านใน
“อบวันนี้ หรือไม่ก็อุ่นวันนี้” นีลเซ็นโยนโดนัททิ้งแล้วพูด
หู่จือและเป้าจือเข้ามาในห้องคนขับแล้วโจมตีตู้ด้านหลังจากสองทาง นีลเซ็นยกปืนขึ้นแล้วพูด “ใครอยู่ข้างใน? ออกมา! ไม่อย่างนั้นโดนยิง!”
นีลเซ็นตะโกนไปสองครั้งก็ไม่มีใครตอบกลับมา เสียงดังก้องอยู่ในเรือทำให้รู้สึกขนลุก
ฉินสือโอวมองหู่จือและเป้าจือแล้วพยักหน้า เจ้าตัวแสบทั้งสองรับคำสั่งแล้วกระโจนขึ้นไป
นึกว่าจะช้าแต่กลับรวดเร็วกว่าที่คิด เงาดำๆ กระโดดออกมากะทันหันและมีเสียงร้องดังขึ้นพร้อมกัน “เมี้ยว…”
เงาดำร่วงลงที่พื้น ฉินสือโอวมองใกล้ๆ แล้วสบถออกมา “บ้าเอ๊ย แมวดำ?”
นี่คือแมวสีดำสนิทตัวใหญ่ ดูแล้วไม่ได้อดอยาก ขนดำเป็นเงา อ้วนท้วนสมบูรณ์ กระโดดได้สูงอย่างเมื่อครู่ก็นับว่ามีทักษะที่ดี
ซีมอนสเตอร์เห็นแมวดำแล้วหน้าซีด ส่งสายตาให้ฉินสือโอวแล้วพูดเสียงต่ำ “บอส แมวดำ ว่ากันว่าเรือผีสิงจะมีแมวดำเป็นคนขับ!”
เจ็บปวดกับหนังสยองขวัญอย่างเรื่องรองเท้าส้นสูงสีแดงในห้องน้ำ และเรื่องคนแก่ในป่า มาตั้งแต่เด็กแล้ว ฉินสือโอวเลยไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องผีของอเมริกาเหนือ เขากลอกตาใส่ซีมอนสเตอร์แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่มันเป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาทั้งนั้น นายลองให้เจ้าแมวดำนี่ขับเรือให้ฉันดูหน่อยสิ พวกมันต้องบิดกุญแจที่พวงมาลัยเรือได้ด้วยนะ!”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ นีลเซ็นก็ดึงกุญแจที่เสียบไว้ด้านบนเรือมาดู แล้วพูดด้วยความสงสัย “ไม่ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่เรือชาร์บาส แต่เป็นเรือนาร์วาล มอร์รี่อะไรสักอย่าง”
การดูชื่อเรือปกติจะดูที่กราบเรือ ด้านบนจะมีชื่อเรืออยู่ หรืออีกที่ก็คือที่กุญแจเรือจะห้อยป้ายกุญแจและบนนั้นก็อาจจะมีชื่อเรืออยู่
แบบนี้ก็ค่อนข้างแปลก เรือลำเดียวทำไมถึงมีสองชื่อ?
ฉินสือโอวบอกซีมอนสเตอร์ให้บอกชาร์คให้ตรวจดูว่าเรือนาร์วาล มอร์รี่นี่มาจากไหน ซีมอนสเตอร์มองวิทยุแล้วส่ายหน้าพูด “ไม่มีสัญญาณ นีลเซ็นพูดถูก ที่นี่ถูกปิดกั้นสัญญาณ”
“หาบูลก่อน…” ฉินสือโอวพูด
หู่จือและเป้าจือโงหัวกะพริบตาอย่างสับสน พวกมันดมกลิ่นที่เหลืออยู่ในอากาศอย่างละเอียด วิ่งวนไปทั่วเรือรอบหนึ่งแล้ววิ่งออกมา พอวิ่งมาถึงกราบเรือก็มองลงไปที่น้ำทะเลอย่างเหม่อลอย
ฉินสือโอวรู้สึกว่าท่าจะไม่ดี บูลไปไหน? บ้าเอ๊ย คงไม่ได้ถูกผีเอาตัวลงไปใต้ทะเลจริงๆ หรอกนะ?!
ผลสุดท้ายตอนที่เขากำลังกระวนกระวายอยู่ตรงนี้ เรือกำปั่นทะเลใต้ที่อยู่ไกลๆ ก็ขับเข้ามาอย่างกะทันหัน
ฉินสือโอววิทยุบอกแซ็กไปแล้วว่าอย่าบุ่มบ่าม แต่ทำไมเจ้านี่ยังเข้ามาใกล้อีก เขาเลยขึ้นไปยืนที่ดาดฟ้าแล้วโบกมือให้พวกเขากลับไป
นีลเซ็นยกกล้องส่องทางไกลทองไปข้างหน้าแล้วอ้าปากด่า “เวร! ฉันจะต้องตีไอ้เวรนี่ให้ตาย!”
พอพูดเสร็จเขาก็ส่งกล้องส่องทางไกลให้ฉินสือโอว ฉินสือโอวหยิบมาดูแล้วก็อดที่จะด่าไม่ได้ “เวรเอ๊ย! ต้องตีเขาให้ตาย!”
แค่เห็นดาดฟ้าของเรือกำปั่นทะเลใต้มีชายร่างกำยำที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอายกำลังโบกมือ ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับที่พวกฉินสือโอวกำลังหากันอยู่
เพียงแต่ทำไมอยู่ๆ เจ้านี่ถึงได้ไปโผล่ที่เรือกำปั่นทะเลใต้ได้? เจ็ทสกีที่เขาขับมายังผูกอยู่ด้านล่างแท้ๆ ฉินสือโอวสงสัยในใจ
ดีที่บูลไม่เป็นอะไร เพราะที่ฉินสือโอวกลัวคือกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเจ้านี่ จากนั้นพวกเขาก็ลงเรือแล้วไปขึ้นเรือกำปั่นทะเลใต้
บูลยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าผู้คนแล้วพูดเสียงอ่อนๆ “พวกคุณก็ขึ้นไปบนเรือผีสิงแล้ว? ผมไม่ได้พูดผิดใช่ไหม นั่นเป็นเรือผีสิงจริงๆ ใช่ไหม?”
“ใช่บ้านนายสิ ก็แค่ไม่รู้ว่าคนบนเรือหายไปไหนก็แค่นั้น” ฉินสือโอวพูดอย่างอารมณ์เสีย พวกเขาเพิ่งสำรวจตู้เย็นบนเรือมา และพบว่าในนั้นมีโยเกิร์ตที่ผลิตเมื่อสิบวันที่แล้ว
และในห้องลูกเรือก็ยังพบของใช้ส่วนตัวของพวกเขาอีกด้วย ด้านในมีเสื้อผ้าที่เพิ่งซักเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้เอาออกมาตาก
อย่างไรเสีย จากข้อมูลก็ชัดเจนแล้วว่าเรือลำนี้ไม่ใช่เรือผีสิงที่สูญหายไปเป็นเวลานานแล้วโผล่ขึ้นมา พวกผีใส่เสื้อผ้าก็ยังพอว่า แต่ไม่น่าดื่มโยเกิร์ตได้นะ?
บูลอธิบายว่าทีแรกตอนที่เขาขึ้นไปบนเรือทุกอย่างเป็นปกติดี สัญญาณวิทยุก็เต็ม แต่พอเขาพบว่าบนเรือไม่มีใคร แต่กาแฟและโดนัทยังร้อนอยู่ก็รู้สึกไม่ค่อยจะดี
โดยเฉพาะตอนที่ชาร์คและซีมอนสเตอร์ยังพูดเรื่องเรือผีสิงอยู่ แบบนี้เขาเลยไม่อาจกล้าหาญต่อไปได้อีกแล้ว
จากนั้นเขาก็ตรวจดูเรือลำนี้อย่างละเอียด ห้องกิจกรรมในเรือมีเกมไพ่เท็กซัสที่เล่นไปได้แค่ครึ่งเดียว และเครื่องเล่นก็ยังเปิดอยู่เลย แถมมีหม้อใบหนึ่งที่ยังต้มถั่วลันเตาอยู่เลย…
ที่แย่ที่สุดคือตอนที่ซีมอนสเตอร์เล่าถึงจุดพีคของเรื่องเรือผีสิง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ที่ด้านหลัง แต่พอดูดีๆ แล้วก็ไม่มีอะไร พอหันกลับมาก็มีเสียงฝีเท้าอีก…
คราวนี้บูลทนไม่ไหวแล้วก็เลยรีบหนีสุดชีวิต ถึงขนาดไม่ปีนลงเรือไปขับเจ็ทสกี แต่กระโดดจากเรือลงทะเลแล้วว่ายน้ำกลับไปที่เรือกำปั่นทะเลใต้
“นี่อาจจะเป็นเรือผีสิงจริงๆ ก็ได้” บูลพูดโดยที่ในใจยังกลัวอยู่
“มีผีที่ดื่มโยเกิร์ต กินถั่วลันเตาด้วยเหรอ?” ฉินสือโอวยิ้มอย่างเย็นชา
“ถ้าอย่างนั้นแล้วคนบนเรือล่ะ? ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะไม่มีใครเลยนะ? และยังมีเสียงฝีเท้าอีก มันอะไรกัน? แล้วอยู่ๆ สัญญาณก็หาย มันอะไรกัน?” บูลถาม
เรื่องนี้ฉินสือโอวก็อธิบายไม่ได้ แต่เขาไม่เชื่อว่าเรือลำนี้จะเป็นเรือผีสิง
ไม่มีทางเลือก เขาส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปในน้ำ ลองดูว่าจะสามารถตัดสินเรื่องนี้ผ่านหัวใจโพไซดอนที่เป็นสิ่งปริศนาเหมือนกันได้หรือเปล่า
ผลสุดท้ายจิตสำนึกแห่งโพไซดอนวนอยู่ในน้ำหนึ่งรอบ ฉินสือโอวก็โมโหเพราะเขาตรวจพบแล้วว่าความจริงมันเป็นอย่างไร คนสมัยนี้ ช่างทุ่มเทเพื่อการขโมยปลากันจริงๆ เลย!
………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset