บนโต๊ะอาหารในตอนเช้า ท่าทางของเด็กแปดคนรวมถึงเสี่ยวฮุยและเสี่ยวชาร์ค ต่างก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะพร้อมกับกินข้าวต้มผักกันอย่างมีความสุข
เสี่ยวฮุยคีบตัวอ่อนทอดให้เชอร์ลี่ย์ แล้วพูดว่า “พี่เชอร์ลี่ย์ลองกินนี่ดูสิ คุณยายทอดได้หอมมากเลยนะ ผมชอบกินที่สุดเลย ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนผมกับพ่อหามาได้เยอะมากแล้วพ่อก็ทอดให้ผมกินด้วย”
วินนี่ถามแหย่เขาว่า “แล้วนายเคยแบ่งให้คุณยายกับคุณตากินบ้างไหม?”
เสี่ยวฮุยตาเบิกกว้างพร้อมบ่นพึมพำในลำคอ แล้วส่งยิ้มไร้เดียงสาให้กับพ่อฉินและแม่ฉิน แล้วพูดว่า “คุณยายกับคุณตาไม่ชอบกิน ผิวมันแข็งเกินไป มันไม่ดีต่อฟันของพวกเขาครับ”
พี่สาวฉินใช้นิ้วมือผลักหัวลูกชายอย่างจนปัญญา แล้วพูดว่า “ทีอย่างงี้แกกตัญญูขึ้นมาเลยนะ”
พ่อฉินและแม่ฉินช่วยตักก๋วยเตี๋ยวและคีบผักให้วินนี่อย่างระมัดระวัง วินนี่จึงแสดงท่าทางอย่างมีความสุขออกมาพร้อมกับกินก๋วยเตี๋ยวและซี่โครงหมูคำโต จากนั้นเธอจึงแอบแสดงสีหน้าขอความช่วยเหลือจากฉินสือโอวอย่างเงียบๆ เพราะเธอกินอาหารเช้ามากมายขนาดนี้ซะที่ไหนกัน?
ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงแย่งก๋วยเตี๋ยวในถ้วยมา แล้วแกล้งทำเป็นพูดอย่างไม่พอใจว่า “พ่อแม่ ไม่ต้องการลูกชายแล้วเหรอ? ผมก็ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน เส้นที่นวดด้วยมือของแม่อร่อยที่สุดแล้ว ไม่ต้องเอาให้วินนี่กินทั้งหมดนี่เลยนะ…”
วินนี่เล่นหูเล่นตาใส่เขาว่าเป็นสามีที่ดีจริงๆ
พ่อฉินตบเขาแล้วพูดด้วยหน้านิ่วขมวดคิ้วว่า “แย่งของกินของภรรยาตัวเองเลยเหรอ แกทำไมถึงไม่มีสายตาแยกแยะเลยนะ? รอดูนี่…”
พ่อฉินเดินเข้าไปในห้องครัว ตอนที่เดินออกมาก็ถือหม้อซี่โครงสาหร่ายทะเลและเส้นที่นวดเองมาด้วย แล้วพูดอย่างหัวเราะชอบใจว่า “ถ้ากลัวว่าจะเยอะไม่พอ ดูนี่สิ ฉันกับแม่แกทำตั้งหม้อหนึ่งแหนะ”
ฉินสือโอวแทบจะสำลักก๋วยเตี๋ยวออกมาและวินนี่ก็ทำสีหน้าหมดหวัง
จึงทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรและกินส่วนของตัวเองบนโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ พอกินอิ่มแล้วก็รีบออกไป สุดท้ายก็เหลือแค่ฉินสือโอวและวินนี่ที่ยังอยู่รับความหวังดีของพ่อฉินและแม่ฉิน
เขาพยายามกินโจ๊กของตัวเองและกินไข่ทอดของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นพี่สาวฉินก็มาเก็บถ้วยชามและตะเกียบพร้อมกับยักไหล่ทำท่าทาง ‘อยากจะช่วยแต่ช่วยไม่ได้’ ฉินสือโอวดึงเธอเอาไว้แล้วพูดอ้อนวอนว่า “พี่ มากินด้วยกันเถอะ เพื่อประโยชน์ของประเทศของเรา ช่วยผมด้วยนะ”
พี่สาวฉินกระซิบเบาๆ ว่า “น้องชายสุดที่รัก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะช่วย แต่เป็นเพราะพ่อกับแม่โหดร้ายมากเกินไป และอีกอย่างมาแคนาดารอบนี้ฉันก็ไม่อยากให้น้ำหนักขึ้นเป็นสิบกิโลด้วย นายค่อยๆ กินของตัวเองไปนะ”
พ่อฉินโบกมือพร้อมพูดว่า “ค่อยๆ กิน ไม่ต้องรีบ อาหารเช้าจะต้องกินอาหารมีประโยชน์และต้องกินให้อิ่ม วินนี่อิ่มแล้วเหรอ? งั้นหนูก็ไปเดินเล่นก่อนก็ได้นะ กับข้าวนี่ไม่เหลือทิ้งหรอก เสี่ยวโอวกินได้ ให้เขาค่อยๆ กินไป”
ฉินสือโอว “…”
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ วินนี่จะทำความสะอาดถ้วยชาม แต่แม่ฉินกลับรีบเข้ามาขวางแล้วบอกว่าจะทำเอง มิแรนดาเห็นก็รู้สึกไม่โอเค จึงทำได้เพียงพาฟอกส์มาช่วยพ่อฉินและแม่ฉินทำความสะอาดถ้วยชามด้วยกัน
พ่อฉินลากฉินสือโอวมาแล้วเหลือบมองดูเด็กๆ ที่กำลังทะเลาะกันอยู่ข้างนอก จากนั้นก็กระซิบว่า “ฉันว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ? เทียบกับรอบที่แล้วที่ฉันมา เด็กๆ มาจากไหนอีกสามคน? แกรับเลี้ยงเด็กจนติดเป็นนิสัยแล้วเหรอไง?”
ฉินสือโอวพูดว่า “อะไรเนี่ย เด็กสามคนนั้นเป็นลูกของชาวประมงที่เป็นลูกน้องของผมต่างหาก อายุพวกเขาพอๆ กันเลยมาเล่นด้วยกัน ถ้าจะให้พูดอีกอย่าง พวกเชอร์ลี่ย์ก็ไม่ใช่เด็กที่ผมรับมาเลี้ยง พวกเขาเป็นเด็กๆ ที่ปู่เออร์รับเลี้ยง”
พ่อฉินก็เข้าใจขึ้นมาทันที แล้วบ่นพึมพำว่า “จริงๆ แล้วมีเด็กเยอะๆ ก็ดีนะ ครึกครื้นดี”
ฉินสือโอวยิ้มพร้อมกับโอบไหล่ของพ่อและรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พอได้ยินพ่อพูดคำนี้แล้วก็เศร้าใจเล็กน้อย ลูกสาวคนเดียวก็แต่งงานออกไปแล้ว ตัวเองก็ยังต้องมาอยู่ห่างจากบ้านเป็นหมื่นๆ กิโลเมตร แม่อยู่บ้านก็คงจะต้องเหงามากแน่ๆ
ดังนั้นเมื่อพ่อกับแม่มาหา ฉินสือโอวจึงไม่อยากทำให้พวกเขารู้สึกเหงาอีก
เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย กิจกรรมที่วางแผนไว้ก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว วินนี่ ฟอกส์ มิแรนดา แม่เหมา แม่ฉินและพี่สาวฉินพากันไปชอปปิงที่เซนต์จอห์น ฉินสือโอวจึงพาพ่อ มาริโอ้และเหล่าผู้สูงวัยไปตกปลาล่าสัตว์กัน
เขาเร่งความเร็วในการขับเรือยอชต์เข้าสู่ทะเลลึก จากนั้นฉินสือโอวจึงหาสถานที่ที่มีฝูงปลาเพื่อจอดและส่งคันเบ็ดให้พ่อ เพื่อสอนเคล็ดลับการตกปลาน้ำลึกให้กับเขา
ชาร์คถือกล่องปลาแฮร์ริ่งมาและหั่นมันเป็นชิ้นๆ แล้วโยนลงไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว แบบนี้ถึงจะสามารถดึงดูดปลาตัวใหญ่ให้มากินอาหารได้
ฉินสือโอวคิดไว้แล้วว่า ในเมื่อครั้งนี้พ่อตา พ่อและพ่อของเพื่อนต่างก็อยู่ที่นี่กันหมดแล้ว จะต้องให้พวกเขาได้เล่นอะไรสนุกๆ เขาวางแผนว่าจับปลาทูน่า ปลาโอแถบ ปลาทูน่าครีบเหลืองหรือแม้แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ใครจับได้ก็เป็นปลาของคนนั้น
เพื่อที่จะดึงดูดปลาตัวใหญ่เหล่านี้ เขาจึงถ่ายทอดพลังโพไซดอนลงในปลาเฮอริ่งที่ใช้เป็นเหยื่อตกปลาด้วย
ในที่สุดปลาก็ถูกหย่อนลงไปและก็ดึงดูดปลาตัวใหญ่เข้ามาจริงๆ แต่กลับไม่ใช่ปลาทูน่า แต่เป็นปลาวาฬหลังค่อมแทน!
“ว้าว!” ระลอกคลื่นซัดสาดเข้ามาอย่างรุนแรงและมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งหัวโตๆ สีน้ำเงินเข้มค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากน้ำ จากนั้นก็ส่งเสียงร้องแหลมสูงดังขึ้นเป็นจังหวะเหมือนกับกำลังบรรเลงเพลงยาวด้วยการเป่าฮาร์โมนิก้า
“อืมอืมอืมอืม…อืมอืม…อืมอืมอืมอืม…”
ครั้งที่แล้วที่พ่อฉินมายังไม่ได้เห็นวาฬ เพราะในช่วงนั้นฟาร์มปลายังไม่มีพวกมันมากนัก แต่ปีนี้ไม่เหมือนกัน ฟาร์มปลาต้าฉินได้กลายเป็นสถานที่ดูวาฬที่มีชื่อเสียงไปแล้ว
หลังจากวาฬหลังค่อมตัวนี้โผล่หัวขึ้นมา แต่มันไม่ได้ลอยขึ้นผิวน้ำโดยตรง มันกลับว่ายรอบๆ เรือยอชต์ที่กำลังลดความเร็วอยู่ใต้น้ำอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นร่างของมันก็โผล่ทะลุน้ำออกมาด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วและแข็งแรง
เป็นครั้งแรกที่พ่อฉินและพ่อเหมาเห็นวาฬหลังค่อม แม้ว่าวาฬชนิดนี้จะไม่ใช่สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในมหาสมุทร แต่ก็ติดอันดับสัตว์ที่มีความยาวอันดับต้นๆ ซึ่งมันมีลำตัวยาวอย่างน้อยสิบกว่าเมตรและวาฬหลังค่อมในปัจจุบันก็มีความยาวสิบสองถึงสิบสามเมตร
หลังจากที่ลอยตัวขึ้นมา วาฬหลังค่อมตัวใหญ่นี้ก็ค่อยๆ ตั้งตัวตรงสูงขึ้นจนกระทั่งครีบของมันลอยโผล่ขึ้นเหนือน้ำ จากนั้นก็มองไปที่ผู้คนบนเรือฝั่งดาดฟ้าอย่างประหลาดใจ ในขณะเดียวกันร่างกายของมันก็เริ่มม้วนตัวหันหลังกลับไปอย่างช้าๆ เหมือนกับท่าตีลังกาหันหลังกลับของนักแสดงกายกรรม พอมันม้วนตัวกลับก็ทะลุผ่านลงไปในน้ำอีกครั้ง
พ่อฉินถึงกับอุทานอย่างตกใจว่า “วาฬตัวนี้มันตัวใหญ่มาก! ไอ้หยา เมื่อกี้ลืมถ่ายรูปได้อย่างไรนะ ถ้าได้ถ่ายรูปกับมันก็คงจะดี”
พ่อเหมาเป็นคนที่มีประสบการณ์และมีความรู้เกี่ยวกับพวกมันมาก แต่จำกัดอยู่แค่ในเขตพื้นดินเท่านั้น สำหรับมหาสมุทรแล้วเขาไม่รู้อะไรมาก เพราะสิ่งนี้กับลักษณะงานของเขามีความเกี่ยวข้องกัน ต่อให้เขาจะออกทะเลไปสำรวจงานของศุลกากรกับเหล่าตำรวจทางทะเลก็ตาม แต่เขาจะมีโอกาสเห็นวาฬหลังค่อมได้อย่างไร?
ดังนั้น เมื่อได้ยินที่พ่อฉินพูด เขาก็พยักหน้าคล้อยตามด้วย
ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจแล้วพูดว่า “ง่ายมาก พวกคุณรอสักครู่ ผมจะพาพวกคุณขึ้นไปบนหลังของมัน”
พ่อฉินถามด้วยความประหลาดใจว่า “เราขี่วาฬได้ด้วยเหรอ?”
ฉินสือโอวจึงอธิบายว่า “นี่เรียกว่าวาฬหลังค่อม เห็นลักษณะหลังที่โค้งของมันที่เหมือนกับเก้าอี้นั่งหรือไม่? ฉายาในท้องทะเลของวาฬชนิดนี้คือเก้าอี้ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ชาวแคนาดาเล่ากันว่าโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะขี่วาฬชนิดนี้เพื่อท่องเที่ยวไปในทะเล”
พูดๆ อยู่ เขากับชาร์คก็ปรึกษากันสักพัก ทั้งสองจึงกระโดดลงน้ำไปตามลำดับ
เมื่อเห็นเขาลงน้ำ พ่อฉินก็ตะโกนขึ้นว่า “อย่าๆๆๆ อย่าเสี่ยงอันตราย รีบกลับขึ้นมาเร็ว…”
ฉินสือโอวกระโดดลงไปในน้ำ แล้วโบกมืออย่างผ่อนคลายพร้อมพูดว่า “ไม่เป็นไร พ่อ เจ้าวาฬหลังค่อมมันอ่อนโยนและไร้เดียงสา พวกมันชอบเล่นมาก พวกเราเล่นกับมันแค่ครู่เดียว มันยังมีความสุขเลย”
วาฬหลังค่อมหาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเจอที่ใต้น้ำ ฉินสือโอวจึงแผ่พลังโพไซดอนบางส่วนให้กับพวกมัน เมื่อทำเช่นนี้พวกมันจึงได้รับสินบน วาฬหลังค่อมไร้เดียงสาตัวนี้จึงอ่อนโยนและทะลุโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอย่างเชื่อฟัง แล้วใช้หัวโตๆ ของมันมาคลอเคลียร่างกายของฉินสือโอวและชาร์ค
แต่พลังของมันมีมากเกินไป จึงทำให้ทั้งสองพลิกกลับลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว จนพ่อฉินร้องอุทานด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
………………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 811 ออกทะเลดูวาฬ
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!