ฉินสือโอวกลับไปฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์กับพ่อแม่ที่บ้านก่อน ตอนที่พวกเขากลับไปถึงก็เกือบจะถึงช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ เพราะวันถัดไปก็เป็นวันไหว้พระจันทร์แล้ว
ฉินเผิงนำขนมไหว้พระจันทร์ อาหารพวกเนื้อไก่ เนื้อเป็ดและเนื้อปลามาให้ ส่วนฉินสือโอวก็มอบนมผงและโสมอเมริกันที่นำกลับมาจากแคนาดาให้เขาเป็นของขวัญ เขาพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “นมผงไม่จำเป็นต้องมากมายขนาดนี้ก็ได้ ฉันเลี้ยงลูกสาวแค่คนเดียว ไม่ได้เลี้ยงหมูเป็นคอก”
เมื่อแม่ฉินซึ่งกำลังทำความสะอาดบ้านได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็เดินมาตำหนิว่า “พวกแกสองคนน่ะ คนหนึ่งเป็นพ่อคนแล้ว อีกคนกำลังจะได้เป็นพ่อคน ทำไมยังปากเสียอย่างนี้ เลี้ยงหมูคอกหนึ่งหมายความว่าอย่างไร?”
ฉินเผิงหัวเราะอยู่พักหนึ่ง และจู่ๆ เขาก็ได้สติ เขาเบิกตากว้างและพูดกับฉินสือโอวว่า “ให้ตาย นี่นายกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วเหรอ? นายแต่งงานกับวินนี่เมื่อไหร่? ทำไมฉันถึงไม่รู้!”
ฉินสือโอวลากเขาออกไปข้างนอกอย่างเก้อเขิน แล้วกระซิบว่า “ยังไม่ได้แต่งงานนะ…”
“คนมีการศึกษาอย่างนายล้อเล่นเก่งจริงๆ ไม่แต่งงานจะมีลูกได้ยังไง? วินนี่เป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ เหรอ ครอบครัวของเธอยอมเหรอ?” ฉินเผิงทำท่านินทา
ฉินสือโอวกลอกตาและบอกความคิดของวินนี่ไปว่า หลังจากลูกน้อยเกิดออกมา จะอุ้มลูกเข้าพิธีแต่งงานด้วย เมื่อฉินเผิงได้ยินก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม เขาพูดว่า “ตอนที่เมียฉันท้อง แม่เธอบอกฉันว่าถ้าไม่แต่งงานก็ทำแท้งซะ ตอนนั้นฉันร้อนใจจริงๆ”
ตอนนั้นฉินเผิงไม่มีเงิน เรื่องงานแต่งงานถ้าไม่ได้ฉินสือโอวมาช่วย คิดว่าผลน่าจะไม่ดีเท่าไร
ในตอนเย็นแม่ฉินนำไก่ย่างและเป็ดย่างที่ฉินเผิงนำมาให้ไปปรุงอาหาร พ่อฉินไปเก็บผักที่สวนผัก ครอบครัวเตรียมอาหารเย็นด้วยกันอย่างมีความสุข
ฉินสือโอวลองชิมไก่ย่าง เขาส่ายหัวและพูดว่า “รสชาติธรรมดา แม่ ถ้าเมื่อกี้แม่ไม่ฉีกจะดีกว่า จะเก็บไว้ให้คุณย่า”
ไก่ย่างที่เขากินที่ฟาร์มปลา เป็นไก่พื้นเมืองที่เขาเลี้ยงเอง ทั้งคุณภาพของเนื้อและรสชาติเป็นสิ่งที่ไก่ของที่นี่ไม่สามารถเทียบเคียงได้อย่างแน่นอน ตอนนี้เขาเลือกกินมากที่สุด
แม่ฉินตบเขาทีหนึ่งและพูดว่า “มีให้กินก็ดีแค่ไหนแล้ว จะเลือกกินไปไหน? ที่ต้าเผิงนำมาเป็นไก่ตัวผู้ด้วย แม่ลองชิมเมื่อกี้ รสชาติไม่เลวเลย”
ฉินสือโอวเบะปากแล้วพูดว่า “ผมไม่มีปัญหา แต่วินนี่ไม่ชอบกิน”
วินนี่ที่กำเล่นหยอกเล่นกับเสี่ยวฮุยหันหน้ามา ถลึงตาใส่เขาหนึ่งทีแล้วพูดว่า “ฉันชอบกิน อย่าโยนความผิดมาให้ฉันนะ”
วิธีนี้ใช้ได้ดีจริงๆ แม่ฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็นำไก่ย่างไปหั่นให้ชิ้นเล็กลง และนำไปผัดกับพริกหยวก เมื่อไก่ย่างผสานเข้ากับรสชาติของพริกหยวก ก็จะทำให้มีรสชาติดีกว่าเดิม
พ่อฉินอยากทำปลาคาร์พและปลาอินทรีบั้ง แต่ฉินสือโอวโบกมือปฏิเสธ ของพวกนี้เขากินไม่ได้จริงๆ แม้แต่ปลาคุณภาพดีในฟาร์มปลา เขากินแล้วยังรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา นับประสาอะไรกับปลาที่เลี้ยงด้วยอาหารปลาที่บ้าน
พ่อฉินเองก็คิดแบบเดียวกัน เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็วางปลาลงแล้วพูดว่า “เฮ้ ที่บ้านมีเมนูหนึ่งที่พวกแกไม่เคยกินที่เมืองแฟร์เวลแน่นอน กุ้งเครย์ฟิช ไปกันเถอะ ลูก ไปจับกุ้งที่บ่อปลากัน”
เมื่อนึกถึงกุ้งเครย์ฟิชที่เขาเลี้ยงมานานกว่าครึ่งปี ฉินสือโอวก็เริ่มน้ำลายไหล เจ้าสิ่งนี้เติบโตเร็วมาก ใช้ระยะเวลาแค่ 4–5 เดือนก็สามารถนำไปขายได้แล้ว แต่เนื่องจากฤดูผสมพันธุ์ของพวกมันคือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน พ่อฉินจึงยังไม่ได้นำไปขาย เพราะต้องการให้พวกมันผสมพันธุ์กัน
และเนื่องจากพลังโพไซดอนที่ฉินสือโอวใส่เข้าไป ทำให้กุ้งเครย์ฟิชพวกนี้ตัวอ้วนมาก และมีอัตราการอยู่รอดค่อนข้างสูง พ่อฉินและแม่ฉินไม่ทราบสาเหตุ และคิดว่าเป็นเพราะสายพันธุ์ดี จึงไม่ได้คิดจะนำไปขาย แต่อยากใช้พวกมันมาเป็นแม่พันธุ์
หนองเลี้ยงปลาหน้าหมู่บ้านแต่งต่างไปจากช่วงเทศกาลตรุษจีน มันดูไม่เหมือนที่ทิ้งขยะอีกต่อไป
พ่อฉินและแม่ฉินปลูกบวบ น้ำเต้า องุ่น และพืชอื่นๆ ริมหนองน้ำ หลังจากเถาวัลย์เลื้อยขึ้นไปก็ช่วยบดบังแสงแดด ทำให้ปลาและกุ้งที่อยู่ที่นี่ไม่รู้สึกร้อน
ตอนนี้ในหนองน้ำเต็มไปด้วยพืชใต้น้ำจำพวกสันตะวาใบข้าว สาหร่ายหางกระรอก สาหร่ายพุงชะโด เป็นต้น กุ้งเครย์ฟิชและปลาอื่นๆ สามารถใช้ชีวิตและหาอาหารในนั้นได้ ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ในภาคใต้ กุ้งเครย์ฟิชจะชอบอาศัยอยู่ในหนองน้ำที่ค่อนข้างสกปรก เพราะพวกมันกินเศษหรือซากพืชซากสัตว์เป็นหลัก และพวกมันชอบอาศัยอยู่ในน้ำปุ๋ยที่สุด น่านน้ำที่ยิ่งสะอาดมากเท่าไรยิ่งหาตัวกุ้งเครย์ฟิชได้ยาก
แต่ที่นี่ไม่มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวใช้พืชน้ำในการเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิช ทั้งสะอาด ถูกสุขลักษณะ และยังมีคุณค่าทางโภชนาการด้วย
พ่อฉินมักจะไปจับกุ้งเพื่อสังเกตการเจริญเติบโตของพวกมัน ในบ้านเหล็กเคลือบสีริมน้ำมีกรงตาข่ายที่คล้ายกับกรงตาข่ายจับกุ้งในฟาร์มปลา เป็นตาข่ายไนลอนยาวที่ถูกยึดด้วยโครงเหล็ก
ในระหว่างทางพ่อฉินขอไก่ที่ตายแล้วกับชาวบ้านที่เลี้ยงไก่โดยเฉพาะ หลังจากสับด้วยมีดแล้วก็นำเนื้อไก่และเครื่องในใส่เข้าไปในกรงตาข่ายจับกุ้ง กุ้งเครย์ฟิชชอบอาหารประเภทที่มีกลิ่นคาว ไม่นานพวกมันก็มุดเข้าไปในกรง
หลังจากนำกรงไปวาง พ่อฉินไปพูดคุยกับคนอื่นพร้อมกับคาบบุหรี่ไว้ในปาก ฉินสือโอวนั่งอยู่ริมน้ำ ใช้มือทั้งสองข้างเท้าคางและมองดูแม่น้ำอย่างเหม่อลอย
แน่นอนว่าจิตสำนึกแห่งโพไซดอนได้เข้าไปในบ่อน้ำแล้ว
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่สังเกตเห็นว่ามีคนมาปล่อยปลาไหลลงบ่อ ฉินสือโอวกังวลมาตลอดว่าคนพวกนั้นจะทำอะไรอีก แต่กระทั่งวันนี้บ่อปลาก็ยังคงสงบสุขเหมือนเดิม ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น
คาดว่า คนพวกนั้นคงไม่ใช่คนไร้ศีลธรรม ในตอนนี้แค่อิจฉาตาร้อนหรือแค่ไม่พอใจที่บ้านฉินมาใช้หนองน้ำเลยกะจะมาทำให้ตระหนกตกใจ แต่หลังจากที่รู้ว่าไม่ได้ผล มิหนำซ้ำยังติดกล้องวงจรปิดเอาไว้อีกด้วย จึงไม่กล้ามากันอีก
เมื่อเห็นว่าที่บ่อปลามีเด็กๆ หลายคนถือเบ็ดตกปลาแบบธรรมดากำลังวิ่งเข้ามา หนึ่งในคนนำเป็นเด็กข้างบ้านฉินสือโอวที่มีชื่อเล่นว่าไห่หลง
เมื่อเห็นฉินสือโอวก็เรียก ‘คุณลุง’ ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานหนึ่งครั้ง แล้วถามขึ้นว่า “ลุงครับ เสี่ยวฮุยก็กลับมาแล้วใช่ไหมครับ? ตอนไปโรงเรียนผมไม่มีเพื่อนเลย”
ฉินสือโอวเห็นเด็กคนนี้เข้ามาตีสนิทจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดขึ้นว่า “นายมาเพื่อตกปลาใช่ไหม? จะพูดถึงเสี่ยวฮุยทำไม? นายไม่รังแกเขาก็บุญโขแล้ว จะให้เป็นเพื่อนตอนไปโรงเรียนทำไม”
ไห่หลงแย้ง “อะไรครับ ผมไม่เคยรังแกเสี่ยวฮุยเลย เขาเหมือนเด็กผู้หญิง ผมไม่รังแกผู้หญิงครับ”
ฉินสือโอวหัวเราะและพูดว่า “พอเถอะ เข้ามาตกปลาสิ แต่พวกนายต้องจำให้ดี ตอนที่ลุงกับป้าไม่อยู่ ไม่อนุญาตให้เข้ามาตกปลา เข้าใจไหม?”
เขากลัวว่าเด็กพวกนี้จะแอบเข้ามาตกปลาแล้วตกลงไปในน้ำ ตอนนี้มีพืชน้ำมากเกินไป ซึ่งเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ปีนี้ไม่เลว พวกเด็กๆ ว่านอนสอนง่ายมาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวางตัวของพ่อฉินและแม่ฉินด้วย พวกเขาไม่ใช่คนตระหนี่ ในบางครั้งถ้าคนในหมู่บ้านต้องการมาตกปลาและจับกุ้ง พวกเขาก็ไม่ปฏิเสธ จึงไม่ต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ
เด็กๆ ตอบรับอย่างง่ายดาย พวกเขามุดเข้ามาเหมือนหนูและนั่งเรียงกันเป็นแถวริมน้ำแล้วเหวี่ยงตะขอลงไป เมื่อสุนัขในบ่อปลาเห็นพวกเขาก็ไม่ได้ส่งเสียงเห่า เห็นได้ชัดว่าสนิทกันมากแค่ไหน
เด็กๆ เองก็มีจิตสำนึก หลังจากตกปลาได้คนละสองตัวก็ยั้งมือ ไห่หลงจับปลาเฉาฮื้อที่มีน้ำหนักมากกว่า 3 กิโลได้หนึ่งตัวและจับปลาทองที่มีขนาดอ้วนกลมได้อีกหนึ่งตัว หลังจากใส่ลงไปในถุงตาข่ายแล้วก็พูดอย่างดีอกดีใจว่า “ลุงครับ ปลาที่นี่ทำไมโตเร็วจังครับ?”
ฉินสือโอวกล่าวว่า “นายไม่เห็นวิธีการเลี้ยงปลาของฉันเหรอ? วิทยาศาสตร์ทำให้ร่ำรวย เข้าใจไหม? กลับไปตั้งใจเรียน อย่ามัวแต่เล่นเกมทั้งวัน”
ไห่หลงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก ฉินสือโอวถามขึ้นว่า “ทำไมตกแค่สองตัวล่ะ?”
เด็กคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำใช่ไหมครับ? ปลาสองตัวก็เพียงพอแล้วล่ะ ลุงครับ พรุ่งนี้ผมจะนำเนื้อเห็ดทอดที่บ้านผมทำเองไปฝากนะครับ อร่อยมาก”
หลังจากตกปลาเด็กๆ ก็พากันกระโดดโลดเต้นกันออกไปจากบ่อปลา ก่อนไปไห่หลงแกะไส้กรอกป้อนให้กับสุนัขที่เฝ้าประตู พวกมันกินอย่างมีความสุข
…………………………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 841 หมู่บ้านที่เงียบสงบ
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!