การตกแต่งและอุปกรณ์ของโรงพยาบาลชุมชน ล้วนแต่ได้รับการจัดสรรมาจากกระทรวงสาธารณสุขของแคนาดา การตกแต่งอาคารเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับภาครัฐของแคนาดาเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าระบบการเมืองของแคนาดาจะโปร่งใส แต่ทว่าประสิทธิภาพในการทำงานกลับทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง
ฉินสือโอวพูดด้วยความรู้สึกงงงวยว่าทำไมคราวนี้กระทรวงสาธารณสุขถึงทำงานได้รวดเร็วขนาดนี้ โอดอมจึงอธิบายให้เขาฟังด้วยรอยยิ้มว่า นั่นเป็นเพราะท่านนายกเทศมนตรีแฮมเล็ตเป็นคนลงแรงเอง
ถึงแม้ว่าจะต้องให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดสรรเงินทุน แต่ฝ่ายการเงินของเทศบาลเมืองจะเป็นผู้ดำเนินการจัดการก่อนเป็นอันดับแรก ประเทศแคนาดามีการควบคุมจัดการอยู่สามระดับ หลังจากผ่านไปช่วงหนึ่งเทศบาลจึงจะไปเบิกเงินทั้งหมดจากรัฐบาลกลางอีกที
เพราะเป็นการสร้างโรงพยาบาลชุมชนให้เมืองแฟร์เวล แฮมเล็ตย่อมต้องเอาใจใส่เป็นธรรมดา เขาออกคำสั่งไปยังหน่วยงานใต้บังคับบัญชาด้วยความใส่ใจ ทั้งยังคอยควบคุมดูแล เปิดไฟเขียวตลอดทางเพื่อสร้างโรงพยาบาลชุมชนให้เสร็จสมบูรณ์
นี่ก็เหมือนกับการก่อสร้างของซัดดัมที่บ้านเกิดของเขาในเมืองตีกรีต รัฐซาลาดิน นักการเมืองทุกประเทศก็เป็นเหมือนกันหมด สำหรับบ้านเกิดแล้ว พวกเขาย่อมต้องมีความรู้สึกผูกพันและยอมทุ่มทุนให้มากที่สุดอยู่แล้ว
ทว่าอุปกรณ์บางส่วนของโรงพยาบาลชุมชนยังส่งมาไม่ถึง เทศบาลช่วยเหลือเรื่องการตกแต่งได้ แต่ไม่สามารถทำการคัดเลือกเพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ขนาดใหญ่บางส่วนให้ได้
แต่โรงพยาบาลเล็กก็ติดตั้งเครื่องมือที่น่าสนใจไปบางส่วนแล้ว อย่างเช่นติดตั้งอุปกรณ์ที่คล้ายกับไฟจราจร ซึ่งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานของโรงพยาบาลในแคนาดา เรียกว่า “สัญญาณไฟแจ้งเตือนเสียงรบกวน”
ภายใต้สัญญาณไฟแจ้งเตือน ในขณะที่สิ่งแวดล้อมโดยรอบสงบเงียบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไฟสีเขียวจะสว่างออกมา และไฟสีเหลืองแจ้งเตือนว่าเสียงรบกวนใกล้จะถึงขีดกำหนดแล้ว ส่วนไฟแดงจะหมายถึงสภาพแวดล้อมมีเสียงรบกวนอยู่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นฟูของผู้ป่วย
พยาบาลลาร่ากับวินนี่คุยกันอยู่นานสองนาน ไม่ได้มีการใช้เครื่องมือขนาดใหญ่เพียงแค่ทำการเจาะเลือดจากปลายนิ้วมือกับการตรวจด้วยสเต็ตโทสโคปเท่านั้น หลังจากนั้นเธอบอกกับฉินสือโอวว่า “ภรรยากับลูกของคุณมีสุขภาพแข็งแรงกันทั้งคู่ ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ ต้องคอยพาเธอไปเดินให้มากๆ ไม่อย่างนั้นในช่วงหลังกระดูกเชิงกรานจะได้รับแรงกดทับอย่างหนัก”
ฉินสือโอวขอบคุณทั้งสองคน บอกพวกเขาว่าหลังจากนี้เขาจะหาวันที่อากาศดีๆ เพื่อจัดปาร์ตี้ในฟาร์มปลา และขอให้ทั้งสองคนมาเข้าร่วมงานให้ได้
โอดอมตอบรับพร้อมรอยยิ้ม ฉินสือโอวเลยโบกมือลา จากนั้นก็ขับรถพาวินนี่กลับออกไป
เนื่องจากเทศกาลวันฮาโลวีนเพิ่งจะสิ้นสุดลง บรรยากาศของวันเทศกาลในเมืองจึงยังเข้มข้นอยู่มาก ร้านค้าหลายร้านยังแขวนโคมไฟฟักทองหรือไม่ก็วางหุ่นจำลองผีน้อยต่างๆ แบบดั้งเดิมเอาไว้ที่หน้าประตู และมักจะมีนักท่องมาถ่ายรูปด้วยอยู่เป็นประจำ ซึ่งของพวกนี้ก็เป็นของที่เตรียมไว้สำหรับนักท่องเที่ยวนั่นเอง
ก็เหมือนกับเทศกาลตรุษจีนของประเทศจีนที่ค่อยๆ เบาบางลงไป บรรยากาศของวันเทศกาลในแคนาดาจืดจางลงไปเรื่อยๆ ผู้อพยพนับวันยิ่งเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ วันเทศกาลนับวันก็ยิ่งผสมปนเปกันไป เทศกาลคริสต์มาส วันขอบคุณพระเจ้ากับเทศกาลวันฮาโลวีน เทศกาลใหญ่ของคริสต์ศาสนาพวกนี้ ค่อยๆ เปลี่ยนไปจนไม่ได้มีความยิ่งใหญ่อลังการขนาดนั้นแล้ว
ปีที่แล้วเมืองแฟร์เวลแทบจะไม่ได้จัดกิจกรรมเทศกาลวันฮาโลวีนเลยด้วยซ้ำ แต่ปีนี้เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการจัดงานขึ้นอย่างคึกคัก ฉินสือโอวไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเทศกาล ที่ฟาร์มปลาเองก็ไม่ได้มีการจัดงาน เขาแค่ให้พวกชาวประมงหยุดพักหนึ่งวันเท่านั้น
หลักๆ ก็เป็นเพราะคำนึงถึงวินนี่ ถ้าจัดงานที่ฟาร์มปลา เจ้าบ้านหญิงแบบวินนี่จะต้องทำงานหนักอย่างแน่นอน อีกทั้งเทศกาลวันฮาโลวีนใช้ความน่ากลัวเพื่อสร้างความเพลิดเพลิน สำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แล้ว มันไม่เหมาะสมเท่าไรนัก
รถคาดิลแลควันขับมาถึงถนนสายหลักของเมือง ฮิวจ์คนน้องสังเกตเห็นจึงโบกมือให้หยุดรถ
ตอนนี้เจ้าหมอนี่สวมเครื่องแบบทหารทั้งตัว บนบ่าแบกไรเฟิล วินเชสเตอร์เอาไว้หนึ่งกระบอก ท่าทางเหมือนกับนายพรานแก่ๆ คนหนึ่ง
“สวัสดีครับ คุณ ผมเป็นตำรวจ รบกวนแสดงใบขับขี่ของคุณด้วยครับ ผมสงสัยว่าคุณจะเข้ามาก่อความวุ่นวายที่เมืองของเรา” ฮิวจ์คนน้องพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมมีระเบียบ
บทพูดของนายอำเภอในหนังเรื่อง ‘แรมโบ้ นักรบเดนตาย’ ใครๆ ก็รู้จักเค้าโครงเรื่องในหนังต่อจากนั้น แรมโบ้ทหารหน่วยรบพิเศษถูกบังคับให้อยู่ในสภาพอับจนจึงลุกขึ้นมาต่อต้าน จัดการจนสถานีตำรวจในอำเภอเกิดความโกลาหลขึ้นครั้งใหญ่
ฉินสือโอวกลอกตาใส่ เขาพูดด้วยท่าทางแบบอันธพาลว่า “ไสหัวไป ไม่อย่างนั้นฉันจะเหยียบคันเร่งชนนายให้ตาย!”
ฮิวจ์คนน้องยกปืนไรเฟิลขึ้นมา เขาทำหน้าทะเล้นแล้วพูดว่า “โยโฮ ไอ้หนุ่ม จองหองนักนะนาย มาๆๆ ฉันจะลองดูหน่อยว่ากะโหลกนายหรือว่าลูกกระสุนของฉัน อันไหนจะคมกว่ากัน”
ฮิวจ์พี่ชายของเขาเดินออกมาเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาขมวดคิ้วนิ่วหน้าพร้อมกับด่าว่า “ฟัคยู เจ้าโง่ ฉันสอนนายมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าอย่าเล็งปืนใส่คนอื่น! นายคิดว่านี่เป็นเรื่องน่าสนุกนักหรือยังไง? ให้ตายเหอะ ถ้าลั่นขึ้นมาจะทำยังไง?!”
ฮิวจ์คนน้องหัวเราะพร้อมกับลั่นไกปืนเล่นอย่างสนุกสนาน เขาพูดยิ้มๆ ว่า “จะเครียดไปทำไม? ในปืนของฉันไม่มีลูกกระสุนอยู่สักหน่อย สบายใจเหอะ พี่ชายที่รักของฉัน ฉันจะทำร้ายฉินได้ยังไงกันล่ะ?”
ฮิวจ์เดินเข้ามาเตะฮิวจ์คนน้องเบาๆ แล้วไล่เขาไปให้พ้น ฉินสือโอวเห็นว่าในมือของเขาก็ถือปืนอยู่เหมือนกัน จึงถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้น? มีคนมาบุกรุกเมืองเหรอ? ทำไมทุกคนถึงพากันพกปืนล่ะ?”
ได้ยินแบบนี้ ฮิวจ์ก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “นายก็รู้ ให้ตายสิ น่ากลัวว่าปีนี้จะมีพายุหิมะอีกแล้ว ดังนั้นพวกเราเลยต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เพื่อไปจัดการกับพวกฝูงกวางป่ากับหมูป่า ไม่อย่างนั้นผ่านไปอีกไม่กี่วัน เมืองนี้จะประสบกับภัยพิบัติอีกครั้ง”
กวางกับหมูป่ากินเบอร์รีเพื่อดำรงชีวิต ถ้าพูดกันอย่างจริงจังตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและเป็นช่วงต้นฤดูหนาว บนภูเขายังมีหญ้าเขียวอยู่บางส่วน เพียงแต่ว่าถูกกองหิมะปกคลุมเอาไว้ ถ้าพวกกวางป่ากับหมูป่าเขี่ยกองหิมะออกก็ยังสามารถหาอาหารกินได้อยู่
ทว่าปีนี้หิมะมาเร็วเกินไป เริ่มปรากฏเค้าลางจากภัยพิบัติของพายุหิมะแล้ว ถ้ามีหิมะตกอีกครั้ง ผืนหญ้าบนภูเขาก็จะเหี่ยวเฉาก่อนเวลา ทำให้ไม่มีอาหารเพียงพอ กวางป่ากับหมูป่าจะต้องลงมาจากภูเขาแน่นอน
ฮิวจ์ถามฉินสือโอวว่าเขาสนใจจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของขบวนล่าสัตว์ไหม ฉินสือโอวบอกว่าเขาไม่สนใจ เขาอยากจะนำทีมไปจัดการเอง
ที่ผู้คนในเมืองกระหายอยากจะล่าหมูป่ากับกวางป่าขนาดนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะกังวลว่าอีกไม่กี่วันพวกมันจะลงมาจากภูเขาจนทำให้เกิดอันตราย แต่ยังเป็นเพราะตอนนี้ของพวกนี้เป็นสิ่งของมีมูลค่า นักท่องเที่ยวสนใจเนื้อกวางกับเนื้อหมูป่าเป็นอย่างมาก ถ้านำมาทำอาหารจะสามารถขายได้ราคาสูง
ฮิวจ์กับคนอื่นๆ ที่จะขึ้นไปบนภูเขาก็อยากจะทำเงินสักก้อนเหมือนกัน
แคนาดามีการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมกับจิตสำนึกการคุ้มครองสัตว์ป่าที่เข้มงวดมาก หลังจากตระหนักได้ว่าการมาของนักท่องเที่ยวอาจจะสร้างผลกระทบต่อจำนวนของฝูงหมูป่ากับกวางป่า ทางเทศบาลจึงกำหนดไว้ว่า หมูป่ากับกวางป่าที่สามารถล่าได้ในแต่ละวัน ต้องต่ำกว่าสองตัว
แต่ในฤดูหนาวจะไม่มีข้อกำหนดอยู่แล้ว สามารถล่าได้ตามสบาย
การขาดแคลนอาหารอาจจะทำให้กวางป่ากับหมูป่าบางส่วนอดตาย และต่อให้ไม่ถึงกับอดตายก็อาจจะอ่อนแรงเพราะกินอาหารได้ไม่เพียงพอ สุดท้ายก็จะตายลงไปอยู่ดี เช่นนี้มันคงจะดีกว่าถ้าให้มนุษย์เป็นผู้ควบคุมจำนวนของสัตว์ป่าพวกนี้
การล่าหมูป่าและกวางป่าสามารถทำเงินได้จริงๆ แต่ถ้าหากปริมาณการล่าในแต่ละวันจำกัดอยู่ที่สองตัว แบบนั้นคงไม่ได้กำไรแล้ว การทำงานในเมืองอย่างเอาจริงเอาจังทั้งวัน เงินที่สามารถหามาได้จากกระเป๋านักท่องเที่ยว ยังมากกว่าการล่าหมูป่าและกวางป่าเพื่อหาเงินเสียอีก
ต้องปล่อยให้ทำอย่างอิสระเท่านั้นถึงจะสามารถทำเงินได้ เนื่องจากทุกครั้งที่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ล้วนแต่ต้องจัดขบวนไปเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้
หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลาแล้ว ชาร์คก็มาถามฉินสือโอวเหมือนกันว่าเขาจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์ไหม
พวกเขาไม่ได้ทานเนื้อหมูป่ากับเนื้อกวางป่ามานานแล้ว หลังจากเทศบาลเมืองออกคำสั่งกำหนดปริมาณการล่าสัตว์ ฉินสือโอวก็ไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขาอีก หมูป่าที่ได้กินในปีนี้ก็มีแต่ลูกหมูไม่กี่ตัวที่เขาเลี้ยงไว้เองจนมันโต
ฉินสือโอวมองดูฟาร์มปลาที่กว้างใหญ่ เนื่องจากสร้างที่อยู่อาศัยให้ห่านขาวแล้ว หลายๆ พื้นที่ในฟาร์มปลาก็ปลูกหญ้าสำหรับให้อาหารสัตว์ไว้ นี่สามารถทำเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็กได้แล้ว
ดังนั้น เขาจึงลองขบคิดดูแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไปเรียกพวกเพื่อนๆ มา เราจะไปขึ้นเขากัน หลังจากนั้นกวางกับหมูป่าตัวใหญ่ให้จับตาย ลูกกวางกับลูกหมูป่าลากกลับมาเลี้ยงไว้กับพวกเราที่นี่ แบบนี้ปีหน้าถ้าอยากกินตอนไหนก็จะได้มีให้กิน!”
แบล็คไนฟ์และทหารรับจ้างทั้งห้าเป็นกำลังหลักในการล่าสัตว์ครั้งนี้ ฉินสือโอวตะโกนเรียกหนึ่งครั้ง ทั้งห้าคนก็แบกปืนสะพายคันธนูกับลูกดอกมารวมตัวกัน ลุยหิมะ ขึ้นภูเขา!
………………………………………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 854 ลุยหิมะขึ้นภูเขา
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!