ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 860 มื้อกลางวันที่ครึกครื้น

สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ได้ตีกัน นกอินทรีทองทั้งสองตัวบินวนอยู่บนท้องฟ้าคุมเชิงบุชกับนิมิตส์มานานมากแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็จ้องมองกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างฝ่ายต่างหวาดกลัวกันและกัน หลังจากนั้นพอเหนื่อยแล้วจึงแยกย้ายกันไป
ฉินสือโอวแน่ใจแล้ว นกอินทรีทองตาบอดข้างเดียวตัวนั้น คือศัตรูคู่แค้นของนิมิตส์ที่ในตอนนั้นแอบไปขโมยห่านในฟาร์มปลาของเขาบ่อยๆ ดูท่าว่าพวกมันคงไม่ได้หนีออกจากเกาะแฟร์เวล แต่มาอยู่ที่เทือกเขาเคอร์บัล
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกเหลือเชื่อก็คือ นกตัวนี้ตาบอดไปแล้วข้างหนึ่ง แต่ยังสามารถหานกอินทรีทองตัวเมียมาเป็นคู่ได้อีก
นอกจากตอนล่าอาหาร อินทรีทองจะอยู่อย่างสันโดษ ในสถานการณ์ที่มีนกอินทรีทองปรากฏขึ้นสองตัว นั่นคือคู่ผัวเมีย ไม่มีทางเป็นพี่ชายน้องชายหรือพี่สาวน้องสาว เช่นเดียวกันกับนกอินทรีหัวขาว สัตว์ปีกนิสัยดุร้ายชนิดนี้จะวางไข่ในรังแค่สองใบ นกใหญ่จะบีบนกเล็กจนตาย ท้ายที่สุดจะมีแค่หนึ่งตัวที่มีชีวิตรอด
คิดๆ แล้วก็น่าเศร้า ยากมากที่นกอินทรีทองกับนกอินทรีหัวขาวจะได้รับมิตรภาพ เพราะพวกมันไม่ไว้วางใจคู่หู ตั้งแต่เกิดก็เริ่มเป็นแบบนี้แล้ว ถึงขั้นต้องทำร้ายพี่น้องของตัวเองจนตาย
หลังจากนกอินทรีทองจากไปแล้ว บุชกับนิมิตส์จึงร่อนลงมาบนพื้น ฉินสือโอวหั่นเนื้อกวางที่ต้มสุกแล้วเป็นเส้นๆ เพื่อป้อนให้พวกมันกิน นี่เป็นหนึ่งในอาหารที่มันชอบกินที่สุด
ช่วงเช้าพวกเขาจับกระต่ายป่าสโนว์ชูได้ทั้งหมดแปดตัว ชาร์คจัดการถลกหนังหมดทุกตัวแล้ว หลังจากนั้นก็ใช้ไม้กระบองยาวเสียบกระต่ายสโนว์ชูต่อกัน ขุดร่องน้ำเพื่อป้องกันไฟไหม้ไว้ข้างๆ ลำธาร ตั้งไม้กระบองยาวขึ้น แล้วนำกระต่ายป่าสโนว์ชูทั้งแปดตัวไปย่างพร้อมกัน
ย่างกระต่ายป่าสโนว์ชูครั้งนี้ ชาร์คใช้เทคนิคพิเศษ เขาพกน้ำมันวัวมาด้วยหนึ่งกล่อง อากาศหนาวเย็นทำให้น้ำมันวัวจับตัวแข็งเป็นก้อน
ในน้ำมันวัวพวกนี้ใส่เครื่องปรุงจำพวกเกลือกับพริกไทยดำเอาไว้ เขาเอาน้ำมันวัวที่แข็งตัวแล้วมาทาลงไปบนเนื้อกระต่ายอย่างพิถีพิถัน แล้วโรยผงพริกป่นลงไปอย่างง่ายๆ แบบนี้จะสามารถลดขั้นตอนเวลานำไปย่างได้
เปลวไฟลามเลียเนื้อกระต่ายป่าสโนว์ชูสีแดงอมชมพู กลิ่นหอมค่อยๆ ลอยออกมาอย่างช้าๆ
กระต่ายป่าสโนว์ชูในช่วงต้นฤดูหนาว เป็นตอนที่กำลังอ้วนที่สุด พวกมันกินอย่างเต็มอิ่มมาตลอดทั้งฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง มีแต่ไขมันทั่วทั้งตัว ขาหลังทั้งสองข้างอ้วนพีสมบูรณ์ พอนำไปย่างก็จะมีน้ำมันไหลซึมออกมา
อีกทั้งน้ำมันวัวที่ทาอยู่บนเนื้อกระต่าย หลังจากโดนความร้อนจนละลายก็จะไหลย้อยลงไปในลายเนื้อที่แยกออกเพราะถูกย่าง นำเอารสชาติของเครื่องปรุงกับกลิ่นหอมของน้ำมันวัวเข้าไป จนเนื้อกระต่ายป่าสโนว์ชูเต็มอิ่มไปด้วยรสชาติ
กลิ่นหอมลอยละล่องไปตามลมภูเขาเหนือแม่น้ำ แค่ครู่เดียวก็มีกลุ่มคนตามกลิ่นหอมของเนื้อมา เป็นคาร์สันที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกระดานโต้คลื่นในเมืองกับคนอื่นๆ นั่นเอง
ทั้งสองฝ่ายทักทายกัน คาร์สันพูดอย่างมีความสุขว่า “พระเจ้า พวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ ทำไมกลิ่นถึงได้หอมขนาดนี้? ฉันขอชิมที่พวกนายทำหน่อย ได้ไหม?”
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้ต่อให้ฉันอยากจะปฏิเสธ ก็คงจะไม่ทันแล้วล่ะ พวกเวรแบบนายมาถึงถิ่นของฉันแล้ว มาเถอะ โชว์ของของพวกนายหน่อย ให้ฉันดูหน่อยว่าพวกนายเอาอะไรมาบ้าง”
คาร์สันหยิบวอดก้าขวดใหญ่ออกมาสองขวด เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิ สินค้าบรรจุกล่องแบบดั้งเดิมของคนรัสเซีย ไม่ง่ายเลยนะกว่าฉันจะได้มันมา! ฤดูหนาวเหมาะกับการดื่มของแบบนี้ที่สุด แค่ดื่มลงไปคำเดียวนายก็รู้สึกได้แล้ว โอ้ พระเจ้า ผมอยู่ในอ้อมกอดของท่านแล้ว!”
พอพูดจบ เขาก็หลับตากางแขนออก พร้อมกับเริ่มแสดงท่าทางประกอบ
ทุกๆ คนหัวเราะออกมาพร้อมกัน จากนั้นก็มีคนหยิบไส้กรอกออกมาอีกหนึ่งถุง พร้อมกับพูดว่า “นี่เป็นของที่ฉันทำเอง มา เอาไปย่างเถอะ ฉันว่ารสชาติมันต้องไม่เลวแน่ๆ”
บรรดาชาวประมงทุบน้ำแข็งบนแม่น้ำเพื่อตกปลาซึ่งตกได้ง่ายมาก พวกปลาอ่อนเพลียเพราะขาดออกซิเจนมานาน จึงพากันทยอยมุดหัวขึ้นมาจากปากรูเพื่อหายใจ บรรดาชาวประมงแค่ใช้อวนจับปลาตักขึ้นมาก็ได้แล้ว
ใช้ท่อนไม้ตีกวางใช้กระบวยตักปลา กระทั่งไก่ป่าก็บินมาลงหม้อเอง สมัยเรียนฉินสือโอวเคยอ่านหนังสือเรียนที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเป่ยต้าฮวง ฉินสือโอวเคยใฝ่ฝันถึงชีวิตแบบนี้ ตอนนี้ที่เกาะแฟร์เวล ก็เป็นชีวิตเช่นนั้นจริงๆ
ทรัพยากรปลาในลำธารอุดมสมบูรณ์มาก เนื่องจากอยู่ใกล้ทะเล และไม่มีคนทานปลาในแม่น้ำ อีกทั้งของพวกนี้ยังไร้ราคา ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจจัดการมัน ปล่อยให้พวกมันแพร่พันธุ์อย่างอิสระ
หลังจากย่างกระต่ายป่าสโนว์ชูจนสุกแล้ว ฉินสือโอวก็ดึงออกมาหนึ่งตัวเพื่อแบ่งให้สัตว์เลี้ยงหู่เป้าฉงหลัวทั้งสี่ตัวก่อน บุชกระโดดขึ้นมามองๆ ดู รสชาติของเครื่องปรุงค่อนข้างหนัก พวกนกไม่ชอบแบบนี้ จึงหาพื้นที่ว่างๆ แล้วกระดกก้นขึ้นจัดระเบียบขนของตัวเอง
ชาร์คฉีกขากระต่ายอ้วนนุ่มมาให้ฉินสือโอวหนึ่งชิ้น ส่วนคาร์สันก็รินวอดก้าให้เขาหนึ่งแก้วเล็ก เขาจ้องมองเหล้าสีเหลืองทอง ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ต้องหมดแก้วเลยไหม?”
คาร์สันชี้ไปที่พื้นหิมะ พร้อมกับพูดว่า “ได้อยู่แล้ว แต่เงื่อนไขข้อแรกคือนายต้องคิดจะนอนกลางวันอยู่ที่นี่สักตื่นใหญ่ๆ! แต่ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ฉันขอแนะนำให้นายจิบอึกเล็กๆ ก็พอ”
แบล็คไนฟ์ดื่มลงไปหนึ่งอึก หลังจากลืนลงไปแล้ว ใบหน้าสีดำก็ดูมันวาวทั่วทั้งหน้าทันที เขาหายใจออกมา แล้วพูดว่า “โอ้ เซ็ท แรงมากจริงๆ เลยโว้ย! ของของพวกรัสเซีย ไม่ได้ลิ้มรสมานานแล้ว สุดยอดจริงๆ!”
ฉินสือโอวทานเนื้อกระต่ายเข้าไปก่อนหนึ่งคำ เป็นเพราะมีไขมันแทรกเข้าไป จึงมีกลิ่นหอมอยู่อย่างเต็มอิ่ม ต่อจากนั้นเขาก็จิบวอดก้าเข้าไปหนึ่งอึกเช่นกัน
หลังจากนั้น เหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ไหลผ่านลำคอของเขาลงไป ราวกับว่ามีเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นมา ทันใดนั้นความรู้สึกเหน็บหนาวบนร่างกายบางส่วนก็ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นในพริบตาเดียว ถูกคลื่นความร้อนสายหนึ่งที่เดือดพล่านอยู่ในอกเข้ายึดแทนที่
“ฟัค!” ฉินสือโอวร้องตะโกนออกมา “ดีจริงๆ!”
คาร์สันหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วพูดว่า “แด่หิมะตกหนักที่ควรตายๆ ไปซะ!”
ทุกๆ คนยกแก้วพร้อมกับร้องเสียงประหลาด ฉินสือโอวดื่มเข้าไปอีกหนึ่งอึก เขาที่ตอนนี้สามารถดื่มเบียร์สิบปอนด์ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่แค่ดื่มวอดก้าไปสองอึก กลับเริ่มรู้สึกเมาเหล้านิดๆ แล้ว
เพราะของพวกนี้จะโจมตีสมองของคนโดยตรง
แอร์แบ็คต้มซุปผักป่ากับไก่ป่าเฮเซลหนึ่งหม้อ บางครั้งเวลาล่าฝูงแกะกับฝูงหมูป่า พวกเขาจะหาดูว่าในพื้นหิมะที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์มีผักป่าที่ยังไม่เหี่ยวเฉาอยู่หรือเปล่า อย่างเช่นผักจำพวกใบกระเทียมป่า ขึ้นฉ่ายป่า ผักเบี้ยใหญ่ ล้วนแต่เป็นผักที่กินได้ทั้งสิ้น
ผักป่าแก่นำไปผัดไม่ได้ เหมาะสำหรับการต้มซุปเท่านั้น ผักป่าในช่วงนี้ก็เหมือนกับหญิงวัยทอง ไม่ได้สวยงามขนาดนั้นแล้ว แต่ยังมีรสชาติบางอย่างอยู่ ยิ่งดึงดูดคนได้มาก
ดื่มวอดก้าเคล้าซุปผักป่าเนื้อไก่ป่าเฮเซล ร่างกายก็เริ่มร้อนขึ้นมา ฉินสือโอวผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความพึงพอใจ อาหารมื้อนี้มันฟินจริงๆ
พอทานอาหารเที่ยงไปแล้ว ทุกๆ คนดับไฟบนพื้นที่ที่มีประกายไฟด้วยความระมัดระวัง จะปล่อยให้เกิดภัยพิบัติไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เวลานี้ลมเหนือพัดหวีดหวิว หากเกิดอัคคีภัยขึ้นบนภูเขา นั่นจะเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่!
ตอนนี้สิ่งที่เกาะแฟร์เวลดูแลอย่างเคร่งครัดที่สุดก็คือภูเขาลูกนี้ ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนภูเขาสูบบุหรี่ ไม่อนุญาตให้นำวัตถุที่ทำให้เกิดประกายไฟขึ้นมา หากตรวจพบจะถูกบังคับส่งตัวกลับไปกับกรุปทัวร์ ส่วนเรื่องการทำอาหารมีเพียงไกด์เท่านั้นที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ นักท่องเที่ยวสามารถช่วยเหลือได้ แต่จะยุ่งกับไฟไม่ได้
ไฟป่าบนภูเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ช่วงบ่าย ภายใต้การนำทางของบุชกับนิมิตส์ ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ เปลี่ยนเส้นทางเดินลงจากส่วนกึ่งกลางของภูเขา ไล่โจมตีหมูป่ากับกวางป่าต่อ
เพิ่งเริ่มต้นพวกเขาก็พบกับกวางอูฐฝูงหนึ่ง เป็นกวางชนิดเดียวกันกับปอหลัวนั่นเอง สัตว์ชนิดนี้มีร่างกายสูงใหญ่และยังมีเขาขนาดใหญ่เหมือนกันกับพลั่ว ตอนที่หู่จือกับเป้าจือออกไปไล่ต้อนฝูงกวาง จึงคาดไม่ถึงว่าจะพบกับการต่อต้านจากพวกกวาง
หู่จือกับเป้าจือทำตัวกำเริบเสิบสานมาตลอดทั้งช่วงเช้า และยังมีผลการรบที่ควรค่าให้รู้สึกภาคภูมิใจจากการเผชิญหน้ากับกวางตัวผู้จนสามารถล้มกวางลงได้หนึ่งตัว ดังนั้นพวกมันจึงประมาทข้าศึกไปบ้าง เช่นนี้เมื่อพวกมันพบกับฝูงกวางอูฐ จึงค่อนข้างน่าเวทนาแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่กวางอูฐตัวผู้แค่ตัวเดียว แต่เป็นทั้งฝูง!
แผดเสียงร้องพร้อมกับบุกเข้าไป ขณะที่หู่จือกับเป้าจือกำลังร้องคำรามด้วยความฮึกเหิม กวางตัวผู้ร่างกายสูงใหญ่กำยำพละกำลังมหาศาลหลายตัวถลึงตาใส่พวกมันทั้งสองอย่างเหยียดหยาม พวกมันทิ่มเขาลง แล้วพุ่งตรงเข้าใส่เหมือนกับรถดันดิน!
……………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset