บัตเลอร์มองฉินสือโอวด้วยความประหลาดใจ แล้วถามเขาขึ้นมาว่า “ธุรกิจใหม่อะไรเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบว่า “ผมอยากเปิดร้านอาหารทะเลในเมืองใหญ่ของแคนาดา เป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์ จะต้องทำให้เป็นร้านระดับมิชลินสามดาวได้อย่างแน่นอน”
บัตเลอร์พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาร่วมมือกันเถอะ? ไอเดียนี้ไม่เลวเลย อาหารทะเลของพวกเรารวมกับเชฟชั้นนำระดับโลก จะต้องกลายเป็นตำนานได้แน่!”
ฉินสือโอวยักไหล่ด้วยความรู้สึกเสียดายแล้วบอกกับเขาว่า “ผมมีคู่ค้าแล้วล่ะ เพื่อน พวกเรามุ่งเน้นไปที่ธุรกิจขายอาหารทะเลไม่ดีกว่าเหรอ? ผมว่าแค่ขายอาหารทะเล คุณก็หาเงินได้ไม่น้อยแล้วนะ?”
ธุรกิจคือธุรกิจ มิตรภาพก็คือมิตรภาพ หากจะร่วมมือกับบัตเลอร์เพื่อเปิดร้านอาหาร ฉินสือโอวจะสามารถพึ่งพาอะไรเข้าได้?
ความคิดเรื่องการผูกขาดขายอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินเป็นของบัตเลอร์ แถมเขายังมีลู่ทาง ดังนั้นทั้งสองคนจึงร่วมมือกันได้
ทว่าพอเปลี่ยนมาเป็นธุรกิจร้านอาหาร ผลประโยชน์จากลู่ทางของบัตเลอร์กลับมีไม่มาก ถ้าอย่างนั้นทำไมฉินสือโอวยังต้องไปร่วมมือกับเขากันล่ะ?
ซึ่งนี่ก็เป็นแนวคิดของชาวอเมริกาเช่นกัน ไม่มีผลประโยชน์แล้วทำไมฉันจะต้องร่วมมือกับนายด้วยล่ะ? กระทั่งพระเจ้ายังไม่ให้ทานอย่างไร้เหตุผล จากเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิล อดัมกับคาอินยังต้องถวายธัญญาหารกับเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงไว้ให้กับพระเจ้าก่อนถึงจะได้รับการอวยพรจากพระเจ้า
ฉินสือโอวพูดเรื่องโอวหยางไห่ให้เขาฟังคร่าวๆ บอกว่าเขาวางแผนจะร่วมมือกันกับเพื่อนร่วมชาติคนนี้
บัตเลอร์ยักไหล่น้อยๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยอย่างเฉลียวฉลาด เขารู้ว่าตัวเองเข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจนี้ไม่ได้ เนื่องจากเขาไม่มีแต้มต่อที่จะให้กับฉินสือโอว
ที่ฉินสือโอวอยากเปิดร้านอาหารทะเล ก็เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเอาไข่ทุกฟองไปใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว ผลเก็บเกี่ยวของฟาร์มปลาจะเอาแต่ส่งขายเป็นวัตถุดิบอย่างเดียวมันน่าเสียดายเกินไป คงไม่สู้เป็นฝ่ายแปรรูปเอง โดยเฉพาะกับพวกวัตถุดิบระดับสูง
อีกทั้ง ที่ฟาร์มปลายังปลูกองุ่นไว้มากขนาดนั้น และเขายังวางแผนว่าจะซื้อฟาร์มเกษตรอีกหนึ่งผืนมาปลูกผลไม้ชนิดอื่น ถ้าปลูกต้นผลไม้มากขนาดนั้นคงจะปล่อยให้สิ้นเปลืองไปเปล่าๆ ไม่ได้แล้ว หากเขาเปิดร้านอาหารเองหนึ่งร้าน ส่งผลไม้พวกนี้ไปที่ร้านอาหาร ก็สามารถทำให้เป็นอาหารแนะนำของร้านได้เช่นกัน
พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำได้แทบจะทุกอย่าง ไม่เพียงแต่ปรับปรุงคุณภาพของสัตว์ทะเลให้ดีขึ้น แต่สิ่งมีชีวิตบนพื้นดินก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน
ถ้าดูจากข้อนี้ ทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งมีชีวิตบนพื้นดินมีวิวัฒนาการมาจากใต้ท้องทะเล ไม่อย่างนั้นพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจะต้องไม่มีผลกระทบกับพวกมันจึงจะถูกต้อง
ไปนิวยอร์กครั้งนี้ ฉินสือโอวกับบัตเลอร์เดินทางไปด้วยกัน นอกจากจะต้องไปตัดริบบิ้นร้านอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินสาขาใหม่แล้ว เขายังมีอีกหนึ่งรายการที่ต้องทำ นั่นก็คือการไปรับเครื่องประดับไข่มุกสีดำที่เขามอบให้ร้านแฟล็กชิพสโตร์ของทิฟฟานี่แอนด์โคออกแบบให้
ครั้งนี้เขาส่งไข่มุกสีดำให้ร้านแฟล็กชิพสโตร์ของทิฟฟานี่แอนด์โคไปทั้งหมดหนึ่งพันกว่าเม็ด แต่ครั้งที่แล้วเขาส่งให้แค่สามร้อยเม็ด เพื่อออกแบบชุดเครื่องประดับเทพีแห่งรัตติกาลให้กับวินนี่ ฉินสือโอวคิดว่าครั้งนี้น่าจะออกแบบออกมาได้ดียิ่งกว่าเดิม
ฉินสือโอวส่งไข่มุกสีดำมาให้บริษัททิฟฟานี่แอนด์โคตั้งแต่เดือนกันยายน ยังคงเป็นลีฟ ไดม์เลอร์หัวหน้านักออกแบบที่เป็นคนมาต้อนรับเขา ในตอนนั้นหลังจากได้เห็นไข่มุกสีดำหนึ่งพันเม็ด ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่มีประสบการณ์และรอบรู้อย่างลีฟ ก็ยังอดที่จะร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
เธอเคยเล่าให้คนภายนอกฟังเรื่องจำนวนไข่มุกสีดำสามร้อยเม็ดเมื่อครั้งที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดที่เธอเคยเห็น แต่ปรากฏว่าในตอนนั้นเธอคิดแบบหัวเก่าเกินไป ตอนนี้ไข่มุกสีดำหนึ่งพันเม็ดปรากฏออกมาตรงหน้าเธอแล้ว
คุณภาพแทบจะไม่ด้อยไปจากไข่มุกสีดำสามร้อยเม็ดเมื่อครั้งที่แล้วเลย
ลีฟเคยพูดกับฉินสือโอวว่า ใช้เวลาแค่สองเดือนก็สามารถออกแบบให้เป็นรูปร่างขึ้นมาได้แล้ว ทางทิฟฟานี่แอนด์โคจะระดมนักออกแบบที่ยอดเยี่ยมที่สุดภายใต้การบริหารงาน ให้มาออกแบบไข่มุกสีดำเพื่อเป็นสิทธิพิเศษให้กับฉินสือโอว
ตอนนี้มาถึงช่วงต้นเดือนธันวาคม ผ่านระยะเวลาที่ตกลงกันไว้มานานแล้ว ฉินสือโอวจึงโทรศัพท์ไปหา ลีฟบอกกับเขาว่าออกแบบเสร็จแล้ว เขาสามารถเข้ามาดูได้ตามสะดวก
เพียงแต่ว่าฉินสือโอวต้องดูแลวินนี่ เลยยังไม่ได้ไปที่นิวยอร์ก แต่ถึงยังไงงานประมูลก็จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เขาจะรีบร้อนไปทำไมกัน?
พอมาถึงนิวยอร์ก ทิฟฟานี่แอนด์โคก็ส่งรถลีมูซีนคันหนึ่งมารับฉินสือโอว สไตล์การทำงานของร้านจำหน่ายสินค้าลักซ์ชัวรีก็คือความยิ่งใหญ่ ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดีของนิวยอร์กเป็นสนามบินขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ทว่าผู้ที่สามารถใช้รถลีมูซีนมารับคนได้กลับมีอยู่ไม่มาก
ขณะขึ้นรถฉินสือโอวได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แอร์โฮสเตสในสนามบินแอบคุยกันว่านี่เป็นเสี่ยใหญ่จากที่ไหนกัน ถึงมาด้วยเที่ยวบินพิเศษ แถมตอนขึ้นรถยังเป็นรถหรูอีกต่างหาก
ดีว่าพวกเธอไม่รู้ว่าเครื่องบินที่ฉินสือโอวนั่งมาลำนั้น คือเครื่องบินโดยสารมือสองที่ปรับแต่งให้กลายเป็นเครื่องบินขนส่งสินค้า ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางพูดคุยกันด้วยความชื่นชมยินดีอย่างนี้แน่
รถลีมูซีนเป็นรถหรูก็จริง ทว่าบริษัทให้เช่ารถยนต์แทบจะทุกที่ในอเมริกาที่มีขนาดใหญ่หน่อยก็มีรถแบบนี้กันทั้งนั้น ใช้เงินนิดหน่อยก็ทำวางท่าได้แล้ว
เพียงแต่ว่าฉินสือโอวมีลักษณะเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ จุดนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก จึงทำให้คนคิดว่ารถลีมูซีนคันนี้เป็นของเขาอยู่แล้ว ไม่ใช่รถที่เช่ามา
ตอนที่ฉินสือโอวลงมาจากรถ ชายอายุราวๆ ห้าสิบปีท่าทางสุภาพมีมารยาทคนหนึ่งเป็นคนช่วยเปิดประตูให้เขา หลังจากนั้นเขาจึงกอดทักทายลีฟ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “การต้อนรับของพวกคุณไม่ขาดตกบกพร่องเลย ผมได้รับการดูแลจนรู้สึกทึ่งมากจริงๆ”
ลีฟยิ้มน้อยๆ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ไม่หรอกค่ะ การต้อนรับของพวกเราค่อนข้างรีบร้อน สำหรับการรับรองลูกค้าระดับคุณ ไม่ว่าพวกเราจะส่งรถที่หรูหราขนาดไหนออกไป ก็ไม่ดีพอทั้งนั้น”
พอพูดจบ เธอก็แนะนำชายสูงวัยท่าทางสุภาพที่เพิ่งเปิดประตูรถเมื่อสักครู่ให้เขารู้จัก “อย่างเช่น คุณวินเซนต์ ทิฟฟานี่ผู้อำนวยการของเราที่ยืนยันว่าจะเปิดประตูรถให้คุณ ท่านคิดว่าคนอื่นคงไม่เหมาะสมเท่าไรนัก”
ฉินสือโอวใจเต้นขึ้นมาทันที ชายสูงวัยที่ดูสุภาพมีมารยาทคนนี้ เป็นถึงผู้กุมบังเหียนของอาณาจักรสินค้าหรูหราพวกนี้เลยเหรอ? เจ้าของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคมาเปิดประตูรถให้ตัวเอง พูดกันตามความเป็นจริงฉินสือโอวรู้สึกค่อนข้างตื่นตะลึงเพราะได้รับความเมตตาอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ
วินเซนต์ ทิฟฟานี่ค้อมศีรษะให้ฉินสือโอวอย่างมีมารยาท หลังจากนั้นจึงยื่นมือออกมาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สำหรับลูกค้าที่พวกเราให้ความเคารพ ผมคิดว่าการที่ผมทำแบบนี้เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องแล้ว”
นกเค้าแมวมาถึงบ้าน ถ้าไม่มีผลประโยชน์คงไม่มาหรอก ฉินสือโอวจับมือกับวินเซนต์ ในใจของเขาก็รู้สึกระแวดระวังขึ้นมา บริษัททิฟฟานี่แอนด์โควางท่านอบน้อมมากจริงๆ นี่ต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ เขาต้องระวังตัวเอาไว้ถึงจะดีที่สุด
หลังจากเข้ามาในร้านทั้งสองฝ่ายก็พูดคุยกันตามมารยาทอยู่สักพัก วินเซนต์กับฉินสือโอวเริ่มการสนทนาด้วยเรื่องผลงานศิลปะ จนมาถึงเรื่องการเลี้ยงลูก
แบบนี้ฉินสือโอวยิ่งรู้สึกระแวงขึ้นไปใหญ่ ฝ่ายตรงข้ามทำการบ้านมาแล้ว รู้ว่าเขากำลังจะมีงานศิลปะเข้าร่วมการประมูลแถมยังรู้ว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคน เรื่องที่คุยกันก็มีแต่เรื่องที่เขาสนใจ
สำหรับบริษัททิฟฟานี่แอนด์โค ฉินสือโอวเป็นลูกค้าคนสำคัญ ค่าออกแบบไข่มุกสีดำชุดนี้ เฉพาะเงินมัดจำครั้งก่อนก็จ่ายมาตั้งสี่แสนแล้ว วันนี้ถ้าเขาพอใจสไตล์การออกแบบ เช่นนั้นเขาก็จะโอนเงินจำนวนที่เหลืออยู่ คาดว่าหนึ่งล้านก็คงไม่พอ
เมื่อพินิจพิจารณาแบบนี้ การที่เจ้าของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคมาให้การต้อนรับด้วยตัวเองจึงถือเป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหาคือ นี่ไม่พอที่จะให้เจ้าของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคทำท่าทางนอบน้อมหรอกหรือเปล่า? ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่เจ้าของฟาร์มปลา ไม่ใช่ประธานาธิบดีของอเมริกา
ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ คุยกันได้สักพัก ทั้งสองฝ่ายก็ตัดเข้าสู่ประเด็นหลัก วินเซนต์พูดขึ้นมาว่า “คุณฉิน ผมมีเรื่องจะขอความกรุณา ไม่ทราบว่าคุณพอจะพิจารณาดูได้หรือไม่ ไข่มุกสีดำที่พวกเราออกแบบให้คุณ ประกอบไปด้วยเครื่องประดับห้าชุดกับอีกสิบชิ้น เครื่องประดับพวกนี้คุณสามารถเข้าไปดูได้เลยทันที”
“แต่ว่า ในนั้นมีเครื่องประดับหนึ่งชุดที่เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าหนึ่งท่าน ไม่ทราบว่าคุณสนใจที่จะลองพูดคุยกับเข้าดูหน่อยไหมครับ?”
ฉินสือโอวเคยเห็นแบบร่างของเครื่องประดับมาก่อนแล้ว เครื่องประดับชุดใหญ่ชุดเล็กทั้งห้าชุด มีขนาดแตกต่างกัน เครื่องประดับชุดที่ล้ำค่าที่สุดคือชุดที่มีข้อกำหนดไม่ต่างจากเทพีแห่งรัตติกาลของวินนี่มากนัก ใช้ไข่มุกสีดำจำนวนสองร้อยสี่สิบกว่าเม็ด ส่วนชุดที่ใช้ไข่มุกสีดำน้อยที่สุดมีอยู่แปดสิบสองเม็ด นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับชิ้นเดี่ยวอีกสิบชิ้น
เมื่อวินเซนต์พูดแบบนี้ เขาคงจะปฏิเสธไม่ได้ จึงตอบกลับไปว่า “ได้ครับ ขอถามหน่อยผมจะมีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนคนนั้นเมื่อไรครับ?”
ได้ยินฉินสือโอวพูดแบบนี้ วินเซนต์ก็แย้มรอยยิ้มขึ้นมา แล้วบอกกับเขาว่า “ทันทีเลยครับ เขาเฝ้ารอโอกาสนี้มานานแล้ว ที่จริงเขาน่าจะเป็นเพื่อนเก่าของคุณนะครับ ได้เจอกันกับเพื่อนเก่า คงจะน่าสนุกมากแน่ๆ”
………………………………………………….
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 875 เพื่อนเก่าที่น่าสนใจ
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!