บทที่ 148 โอพอสซัมเวอร์จิเนีย
โดย
Ink Stone_Fantasy
รูปร่างลักษณะทั่วไปของปลาสเมลท์จะเล็กและบางมาก มันมีลำตัวยาวเหมือนกระสวยทอผ้า ความยาวไม่เกิน 7-8 เซนติเมตร ซึ่งในช่วงฤดูกาลนี้ปลาสเมลท์ตัวเมียจะเก็บไข่ไว้เต็มท้อง พวกมันมักจะอาศัยอยู่ริมแม่น้ำ ปลาสเมลท์เป็นสัตว์ที่มีการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไวจึงทำให้ยากต่อการจับ
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแผ่คลุมแม่น้ำส่วนหนึ่งเอาไว้แล้วจับปลาตัวอ้วนใหญ่ขึ้นมาได้ 40-50 ตัว โดยปกติแล้ว เครื่องในของปลาชนิดนี้ไม่ต้องจัดการอะไรมากเพียงแค่นำมาล้างน้ำให้สะอาดก็สามารถนำมาทำอาหารได้เลย
อีวิลสันมีจุดเด่นอย่างหนึ่งคือ เขาเป็นคนทำงานอย่างมุ่งมั่นตั้งใจและละเอียดรอบคอบ ฉินสือโอวให้เขาจัดการกับพื้นบริเวณใต้ร่มเงาไม้ที่เป็นจุดตั้งแคมป์ให้เรียบเสมอกัน เขาก็ใช้หินก้อนแบนหนึ่งก้อนมากดจนพื้นดินค่อยๆ เรียบอย่างเชื่อฟัง
สถานที่ตั้งแคมป์ที่พวกเขาเลือกเป็นเนินเขาที่ค่อนข้างสงบและอยู่ห่างจากแม่น้ำสายเล็กไปประมาณ 200 เมตร มีต้นเมเปิลขนาดใหญ่เรียงกันสองต้น ภายใต้พระอาทิตย์ดวงใหญ่แบบนี้ สามารถหลบร้อนพักรับอากาศเย็นสบายใต้ต้นไม้อันกว้างใหญ่ได้
ฉินสือโอวถือแหจับปลาอยู่ในมือแล้วกล่าวขึ้น “แบบนี้ไม่ไหว อีวิลสันนายทำดีแล้ว เอาของในนี้ไปทำความสะอาดก็พอ มา! เอาหม้อออกมาได้แล้ว เราจะได้เตรียมอาหารกลางวันกัน”
เพราะคืนนี้จะต้องค้างคืนบนเขา ฉินสือโอวได้เตรียมเครื่องครัวในการทำอาหารไว้ครบหมดทุกอย่างแล้ว มีทั้งหม้ออัดความดัน หม้อตุ๋น นอกจากนี้ยังมีกระทะอีกด้วย
อันดับแรกต้องสะเด็ดน้ำออกจากปลาที่ล้างน้ำสะอาดแล้วก่อน แล้วนำเครื่องปรุง พริกไทยเสฉวน เหล้าที่ใช้ทำอาหาร ซอสถั่วเหลืองและซอสเปรี้ยวที่เตรียมไว้มาหมักคลุกเคล้าให้เข้ากัน หลังจากนั้นฉินสือโอวก็ก่อกองไฟเพื่อที่จะตั้งหม้อทำอาหาร
ด้านนี้กำลังต้มน้ำด้วยหม้ออัดความดัน ส่วนด้านฉินสือโอวนั้นก็นำไก่ป่าเฮเซลทั้งห้าตัวมาถอนขนและแยกเครื่องใน เครื่องในที่แยกแล้วก็นำลงไปใส่ในหม้อที่เริ่มเดือด ส่วนเนื้อไก่ก็หั่นเป็นชิ้นและล้างให้สะอาด พอหั่นเสร็จเครื่องในที่ต้มอยู่ก็สุกได้ที่พอดี หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนน้ำต้มและนำเนื้อไก่ลงไปในหม้อเพื่อที่จะเริ่มตุ๋นเนื้อไก่
ไก่ป่าเฮเซลมีรสชาติที่สดและอร่อย จึงไม่จำเป็นต้องปรุงอะไรเพิ่มอีก หลังจากตุ๋นไก่เดือดได้ที่ก็โรยด้วยผักชีและตามด้วยเกลือเล็กน้อยก็ใช้ได้แล้ว
ฉินสือโอวตุ๋นไก่ป่าทิ้งไว้ แล้วนำเครื่องในที่ต้มจนสุกดีแล้วไปผึ่งแดดเพื่อเตรียมไว้ให้หู่จือ เป้าจือและฉงต้า
ปกติแล้วคนแคนาดาจะไม่กินเครื่องในของสัตว์ปีก นอกจากตับห่านเท่านั้น ส่วนใหญ่จะกินเนื้อสัตว์ทั่วไปมากกว่า
ฉินสือโอวก่อกองไฟอีกกองหนึ่ง เขาตั้งกระทะและเทน้ำมันมะกอกลงไป
ขณะนี้ ปลาที่หมักไว้กำลังได้ที่แล้ว หลังจากรอน้ำมันเดือดเขาก็จุ่มปลาลงในซอสที่ทำจากแป้งดิบและไข่ จากนั้นใส่ปลาลงในน้ำมันที่กำลังเดือดแล้วใช้ตะหลิวทอดพลิกไปมา
ไม่รอช้า ปลาทอดก็ส่งกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล ฉินสือโอวกลัวว่าฉงต้าจะเข้ามาแอบกินปลาและจะถูกน้ำมันลวก เขาจึงคิดว่าจะไปดูเจ้าฉงต้าก่อน แต่พอเขาหันหลังกลับไปก็ไม่เห็นฉงต้าแล้ว
ฉินสือโอวรีบไปถามเหมาเหว่ยหลงที่กำลังจัดการกับเครื่องในปลาอยู่ริมแม่น้ำ “โคโกโร่ ฉงต้าอยู่ตรงนั้นกับนายหรือเปล่า?”
ฉงต้าชอบกินปลาสดๆ มีความเป็นไปได้ที่อาจจะได้กลิ่นคาวของปลาแล้วเดินตามกลิ่นนั้นไป
เหมาเหว่ยหลงแหงนหน้ามองหาฉงต้า “ไม่นะ ไม่ได้อยู่ที่นี่”
ฉินสือโอวรู้สึกร้อนใจ เจ้าเด็กน้อยตัวนี้วิ่งหายไปไหนแล้ว? อีวิลสันพึมพำแล้วชี้ไปที่ป่าด้านหลัง “ฉงต้าเข้าไปในนั้น”
“เมื่อไร?” ฉินสือโอวถาม เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นเจ้าเด็กนี่มาสักพักแล้ว
อีวิลสันเกาหัวและคิดอยู่พักหนึ่ง “น่าจะหลังจากที่นายไปตกปลา”
นี่ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงหนึ่งแล้ว ฉินสือโอวไม่สามารถทำอาหารต่อได้ เขาอยากออกไปตามหาฉงต้ามากกว่า บังเอิญที่นีลเซ็นพาหู่จือกับเป้าจือกลับมาจากในป่าพอดี “เห็นฉงต้าบ้างไหม?” ฉินสือโอวถาม
นีลเซ็นส่ายหัว หลังจากที่ฉินสือโอวถาม “ไม่เห็นนะ บอสอย่ากังวลไปเลย ถึงแม้ว่าฉงต้าจะยังเด็ก แต่มันก็อยู่บนเขาแห่งนี้จนสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ฉงต้าคงร้องคำรามขึ้นนานแล้ว”
ฉินสือโอวอยากออกไปตามหาฉงต้ามาก แต่ไม่รู้จะไปหาอย่างไร ได้เพียงแต่ทำอาหารอย่างร้อนใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเงาอ้วนท้วมโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลังที่ตั้งแคมป์ หัวกลมๆ เล็กๆ ก้นใหญ่ๆ อ้วนๆ ถ้าไม่ใช่ฉงต้าแล้วจะเป็นใครได้?
ฉงต้าวิ่งออกมาอย่างอิ่มเอมใจ พร้อมกับฮัมเสียง ‘ฮืดฮาด ฮืดฮาด’ ในลำคอ ฉงต้าแหงนหน้าขึ้นสูง ในปากคาบสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งความยาวประมาณ 20 กว่าเซนติเมตร เห็นแล้วฉงต้าดูมีความสุขมาก
สัตว์ตัวเล็กๆ ที่ถูกคาบมาเหมือนว่ามันจะถูกฉงต้ากัดตายแล้ว มันมีขนสีขาวทั้งตัว ปากแหลมยาว ใบหูกลมๆ สองข้างสีดำดูสวยมาก มันถูกฉงต้าพามาที่แคมป์และโยนลงบนพื้น มันนอนแน่นิ่งไม่ขยับตัวเลยสักนิด
“นี่มันคือตัวอะไร?” เหมาเหว่ยหลงเข้าไปดูใกล้ๆ
นีลเซ็นชำเลืองมองและไม่สนใจอะไร “มันคือโอพอสซัมเวอร์จิเนีย ฉันเห็นเจ้าตัวนี้บ่อยๆ”
หู่จือและเป้าจือที่นอนหมอบบนพื้นอยู่ก่อนหน้า เมื่อมองเห็นศพโอพอสซัมตัวนี้พวกมันก็คลานเข้าไปใกล้ๆ ทั้งซ้ายขวาพร้อมกัน
ฉินสือโอวรู้ทันเจ้าสองตัวนี้ดี ถ้าพวกมันแสดงท่าทางแบบนี้ แสดงว่าเจ้าโอพอสซัมตัวนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงรีบลุกขึ้น “ออกห่างจากเจ้าตัวนี้เดี๋ยวนี้นะ!”
นีลเซ็นคิดว่าฉินสือโอวรังเกียจเจ้าโอพอสซัมตัวนี้ จึงหัวเราะขึ้น “ถึงแม้ว่ารูปร่างมันจะเป็นหนู แต่ความจริงแล้วเจ้าโอพอสซัมตัวนี้ไม่ใช่สัตว์จำพวกหนูหรอกนะ มันเป็นสัตว์ที่ใกล้เคียงกับจิงโจ้ อีกทั้งอุณหภูมิในร่างกายของมันจะต่ำกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมปกติทั่วไป ดังนั้นร่างกายของมันจึงมีแบคทีเรียและไวรัสน้อยมาก มันอาจจะดูสกปรก แต่จริงๆ แล้วมันสะอาดมาก”
ทางด้านนีลเซ็นก็กำลังอธิบายไป แต่ทางด้านหู่จือกับเป้าจือก็กำลังจะวิ่งโผเข้าไปหาเจ้าโอพอสซัม
ตอนที่เจ้าแลบราดอร์ทั้งสองตัวนี้กำลังเข้าไปใกล้เจ้าโอพอสซัมที่เหมือนจะตายแล้ว จู่ๆ ก็มีเสียง ‘จี๊ดๆ’ ดังขึ้น มันลุกขึ้นมากะทันหันพร้อมก้มหน้าก้มตาพยายามวิ่งหนี
เจ้าตัวเล็กตัวนี้ท่าวิ่งของมันดูปราดเปรียว ต่างจากสัตว์ทั่วไปที่ขาหน้าและขาหลังแตะพื้นไม่พร้อมกัน คือขาหน้าหรือขาหลังข้างหนึ่งจะเดินก่อน และตามด้วยขาหน้าหรือขาหลังอีกข้าง ดังนั้นขาหน้าซ้ายกับขาหลังขวาของมันจะแตะพื้นพร้อมกัน ดูแล้วท่าทางการวิ่งของมันประหลาดมาก
“เฮ้ แล้วเจ้าโอพอสซัมยังชอบแกล้งตายอีกด้วยนะ” นีลเซ็นหัวเราะขึ้นมา โอพอสซัมมันแกล้งตายเก่ง เมื่อไรก็ตามที่เจอสัตว์ที่เป็นศัตรูมันจะนอนหงายนิ่งบนพื้น ซึ่งมีสัตว์บางจำพวกที่ไม่กินซากสัตว์ดังนั้นจึงทำให้พวกโอพอสซัมรักษาชีวิตรอดได้
ทันทีที่เจ้าโอพอสซัมกำลังจะหนี ฉงต้าที่ผู้คนเข้าใจว่ามีนิสัยเซ่อซ่ามาโดยตลอดก็ออกแรงรีบยกขาหลังมาขวางไว้ เมื่อปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของเจ้าโอพอสซัมได้แล้ว มันก็อ้าปากร้องคำรามอย่างรุนแรง “โฮก! โฮก!”
แม้ว่าเจ้าอ้วนฉงต้าจะไม่ได้ดูน่าเกรงขามอะไร แต่หมีสีน้ำตาลก็คือหมีสีน้ำตาล ถึงอย่างไรมันก็คือราชาแห่งป่า เสียงคำรามของมันยังคงเป็นการวางท่าอย่างน่าเกรงขามราวกับว่าเป็นเทพเจ้าสายฟ้า
เจ้าโอพอสซัมตกใจกลัวรีบก้าวฝีเท้าน้อยๆ ถอยหลังออกมา ฉงต้ายังคงแยกเขี้ยวยิงฟันขู่คำรามอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นความหยิ่งผยองน่ากลัวที่ฉงต้าแสดงออกมา
ทันใดนั้นก็เห็นมันจะเอื้อมมือไปจับเจ้าตัวน้อย แต่เจ้าโอพอสซัมกลับบิดตัวและกระดกก้นออกมาเหมือนเพียงพอน จากนั้นมันก็ผายลมใส่ฉงต้า
ฉงต้าผู้ดุดันและโหดร้ายได้ปะทะเข้ากับความพ่ายแพ้เข้าแล้ว จังหวะที่เจ้าโอพอสซัมผายลมนั้น เป็นช่วงที่ฉงต้ากำลังจะหายใจพอดี ดังนั้นฉงต้าจึงสูดเข้าไปเต็มๆ
เล่ห์เหลี่ยมของเจ้าโอพอสซัมได้ผลมาก จากนั้นฉงต้าก็ยังอยากจะร้องคำรามอีกหลังจากสูดหายใจเข้าไป แต่เสียงร้องคำรามของมันกลายเป็นแค่เสียงหอนและใบหน้ากลมเล็กของมันก็ขมวดคิ้วเป็นปมเพราะกลิ่นเหม็นฉุนทำให้มันจามจนน้ำตาไหล
หู่จือและเป้าจือขวางเจ้าโอพอสซัมไว้ได้ หู่จือผู้กล้าหาญวิ่งเข้าไปหมายจะกัดตรงที่คอของเจ้าโอพอสซัม
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเจ้าพวกนี้ไม่ได้จะกินเจ้าโอพอสซัมและไม่จำเป็นต้องทำร้ายมัน เขาจึงรีบตะโกนขึ้น “กลับมา!”
หู่จือหุบปากได้ทันก่อนที่คอของเจ้าโอพอสซัมจะถูกกัดขาด ทันใดนั้นก็กระแทกมันให้กระเด็นออกไป
เจ้าโอพอสซัมกลิ้งไปหลายตลบจนหัวของมันไปชนกับหินก้อนหนึ่งและนอนแน่นิ่งไม่ขยับอีกครั้ง
ฉินสือโอวเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าโอพอสซัมตัวนี้ชนหินตายจริงๆ หรือแกล้งตายกันแน่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ฉินสือโอวลากฉงต้ามาที่ริมแม่น้ำ เอาน้ำล้างปากฉงต้าให้สะอาด ถึงการทำแบบนี้มันจะไม่มีประโยชน์อะไร แต่ก็ถือว่าสามารถปลอบใจฉงต้าได้
ฉงต้ากอดขาของฉินสือโอวด้วยความเสียใจ ไม่ง่ายเลยที่ฉงต้าจะกล้าจับเหยื่อสักตัว แต่สุดท้ายในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของฉงต้ามันก็ทำพลาด ทำให้ตัวเองรู้สึกขายหน้า
ฉินสือโอวกอดฉงต้าและตบหลังปลอบใจมันเบาๆ “เก่งมาก ฉงต้าเก่งที่สุดแล้วนะ ฉงต้าของพ่อเรียนรู้การล่าสัตว์เป็นแล้ว พ่อดีใจจริงๆ! พอแล้วๆ ไม่เป็นไรนะ ต่อไปนี้ก็ต้องระวังให้มากขึ้น เข้าใจไหม? ไป พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
……………………………………………………….