ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 951 เพื่อความยุติธรรม

ในที่สุดนิโคลัส หรือเจ้าซื่อก็พบกับช่วงเวลาเหมือนกับตอนอยู่ที่เกาะแฟร์เวลแล้ว ในมือของเด็กๆ ที่มุงดูอยู่นั้นมีของกินด้วย ส่วนเต่ามะเฟืองนั้นก็กินง่าย พวกมันชอบกินพวกแมงกะพรุนเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะกินแต่แมงกะพรุนเท่านั้น
พวกเด็กๆ ก็พอรู้เกี่ยวกับการตบมือแล้วลูบหลังด้วยเช่นกัน ฉินสือโอวให้พวกเขาต่อแถวกันมาลูบเต่ามะเฟือง หลังลูบเสร็จแล้วคนที่มีขนมต้องแบ่งให้มันกินด้วย
ดังนั้นท่านซื่อจึงเริ่มส่ายขาทั้งสี่เพื่อเริ่มเต้นรำอีกครั้ง และตอบรับทุกคำขอของเด็กๆ อย่างเช่นถ่ายรูปด้วย เป้าหมายก็เพื่ออยากขอของกิน
หลังจากกินดื่มจนพอใจแล้ว ท่านซื่อก็ลุกขึ้นมา แล้วมุ่งไปที่ทะเลโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง
พวกมนุษย์อันตรายเกินไป นอกจากเจ้าโง่อย่างฉินสือโอวที่สามารถทำให้พวกมันรู้สึกถึงความคุ้นเคยแล้วนั้น คนที่เหลืออยู่ห่างๆ ได้ก็อยู่ห่างๆ เสียดีกว่า หากไม่ใช่เพราะท่านซื่อแอ๊บน่ารักเป็นแล้วล่ะก็ คิดว่าวันนี้คงต้องจบชีวิตที่นี่เสียแล้ว
เมื่อมีความคิดแบบนี้ เต่ามะเฟืองจึงรีบย่ำเท้าหนีไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าไปในทะเลก็มุดหัวลงไปในน้ำแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
ฉินสือโอวมองดูเงาหลังของเต่ามะเฟืองแล้วหัวเราะตาม เขาอยู่เป็นเพื่อนกับมันมาตลอดจนมันหายไป แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าเต่ามะเฟืองคิดอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้นคงทุบหัวกลมมนนั้นให้แหลกไปในทีเดียวแน่
เพื่อที่จะปกป้องเต่ามะเฟือง ฉินสือโอวได้เปิดศึกกับอัลเบิร์ตอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่า เมื่อก่อนเขาก็เปิดศึกกับเจ้าหมอนี่อย่างเป็นทางการไปแล้ว ดังนั้นจึงพูดได้ว่าถ้าหมัดบนตัวเยอะแล้วก็ไม่กลัวอาการคันอีกต่อไป อยากทำอะไรก็ต้องได้ทำ มากสุดก็แค่ขึ้นศาลเท่านั้น
การที่แขกที่เชิญมาถูกคนทำร้ายนั้นคงเป็นเรื่องที่ปล่อยไปไม่ได้ หลังจากพวกเด็กๆ สลายตัวอย่างผิดหวังเพราะเต่ามะเฟืองจากไปแล้ว ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือมาแล้วพูดว่า “สวัสดีครับ คุณฉิน ผมไรอันจากฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทเอ็กซ์เพรส ไรอัน มิเคลสัน”
 “สวัสดีครับ ผมฉินครับ ผมรู้ว่าคุณมาทำไม ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ด้วยครับ” ฉินสือโอวพูด “ที่ผมพูดว่าเสียใจ คือพูดให้พวกคุณนะครับ ผมขอโทษที่สร้างปัญหาให้กับบริษัทของคุณ”
ไรอันมองฉินสือโอวอย่างแปลกใจ แล้วถามว่า “แล้วกับคุณอัลเบิร์ตล่ะครับ? ตอนนี้คุณไม่เสียใจกับความหุนหันของคุณเมื่อกี้นี้เหรอครับ?”
เจ้าหญิงโลลิต้าก็มองเขาอย่างแปลกใจด้วยเช่นกัน ดวงตาคู่โตนั้นจับจ้องอยู่ไม่กะพริบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดว่า “โอเค ผมเสียใจก็ได้…”
เจ้าหญิงโลลิต้าเม้มปากอย่างไม่พอใจ พวกของบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมเองก็พากันเลิกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง
ไรอันยิ้ม แล้วพูดว่า “ความจริงแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะครับ คนหนุ่มก็เป็นเช่นนี้…”
“ผมเสียใจที่เมื่อกี้ออมมือมากไปหน่อย ผมควรจะชกไอ้สารเลวนั่นอีกสักหมัดแล้วตบอีกสักสองฉาก! ถ้าคนน้อยล่ะก็ ผมก็ยินดีที่จะให้เขาได้ลิ้มรสกังฟูจีนของพวกเรานะ!” ฉินสือโอวรีบพูดต่อคำพูดของไรอัน
รอบนี้กลายเป็นเจ้าหญิงโลลิต้าที่ยิ้มออกมาบ้าง
ไรอันไม่ได้มาเพื่อกล่าวโทษฉินสือโอว บริษัทเอ็กซ์เพรสไม่ต้องการให้มามีเรื่องกันในเขตที่พวกเขาดูแลอยู่ แต่เมื่อเรื่องเกิดไปแล้ว งั้นก็ต้องมาจัดการประนีประนอมกัน
ฉินสือโอวไม่กลัวว่าอัลเบิร์ตจะฟ้องร้องเขา เพราะว่าที่นี่คือออสเตรเลีย ศาลไม่มีทางยอมรับคดีของชาวต่างชาติที่เกิดเรื่องขัดแย้งกัน อีกอย่างทั้งออสเตรเลียและแคนาดาต่างก็เป็นประเทศในเครือจักรภพ ดังนั้นบทลงโทษสูงสุดก็แค่ไล่พวกเขากลับแคนาดาเท่านั้น
แต่ทว่าเขาไม่อยากหาเรื่องกับบริษัทเอ็กซ์เพรส อย่างไรเสียบริษัทนี้ก็เป็นหนึ่งในห้าสิบบริษัทใหญ่ของโลก ที่เต็มไปด้วยบุคลากรที่มีค่ามากมาย ดังนั้นเขาจึงขอโทษกับไรอัน และยอมที่จะเจรจาประนีประนอมกับอัลเบิร์ตโดยให้บริษัทเอ็กซ์เพรสเป็นคนกลาง หากสามารถยอมความกันได้โดยดีก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
เขารู้ว่าอัลเบิร์ตไม่มีทางยอมความกับเขาแน่นอน แต่การที่เขาพูดแบบนี้ออกไป บริษัทเอ็กซ์เพรสก็คงอยากทำแบบนี้ด้วยเช่นกัน และกับนิสัยเสียสันดานสัตว์ของอัลเบิร์ตแล้ว จะต้องต่อว่าคนที่บริษัทเอ็กซ์เพรสส่งไปประนีประนอมแน่นอน ถึงตอนนั้นคนที่ได้เปรียบก็คือเขาแล้ว
ไรอันพูดคุยกับฉินสือโอวเสร็จแล้วก็ขอตัวจากไป ฉินสือโอวจะกลับบ้าง แต่เจ้าหญิงโลลิต้าก็ตามเขามา แล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณเท่มากเลย เหมือนกับผู้กล้าอย่างไรอย่างนั้น”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ครับ สาวน้อย ผู้กล้าที่แท้จริงนั้นไม่ใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาหรอกครับ คนที่ตัดขาดทางโลกไม่ใช่คนที่เลิศเลอเสมอไป ส่วนคนที่ชอบใช้กำลัง ก็ใช่ว่าจะเป็นผู้กล้าหาญเสมอไปเช่นกัน”
เจ้าหญิงโลลิต้ายังคงยืนกรานพูดว่า “ใช่สิ ผู้กล้าหาญก็ต้องแบบนี้แหละ! อย่างพี่ชายของฉันนะ เฮอะ เขาทำได้แค่แต่งตัวเหมือนกับคนที่โตแล้ว แล้วไว้หนวดไว้เคราเหมือนกับท่านพ่อกับท่านลุงเท่านั้น ความจริงแล้วเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย! ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเคยเรียนที่โรงเรียนฝึกทหาร แต่กลับไม่มีอะไรเหมือนทหารเลย!”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา หัวข้อสนทนานี้เขาไม่ขอเข้าร่วมดีกว่า ดูอย่างบอดี้การ์ดพวกนั้นสิ ตอนที่เจ้าหญิงโลลิต้าพูดถึงเรื่องพี่ชายขึ้นมา พวกเขาต่างก็พากันถอยห่างออกไปเลย
ดูออกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างองค์หญิงน้อยกับองค์ชายใหญ่นั้นไม่ค่อยดีนัก
เจ้าหญิงโลลิต้าบ่นต่อสักพัก แล้วก็มองเขาอย่างแปลกใจแล้วพูดว่า “ฉันมีเรื่องอยากถามค่ะ เมื่อคืนตอนที่ฟังรายงานอยู่นั้น ทำไมสีหน้าคุณเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะคะ? ตอนนั้นฉันตกใจมากเลยค่ะ นึกว่าคุณเป็นโรคอะไรหรือเปล่า!”
ฉินสือโอวอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะออกมาอีกรอบ เป็นการหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อน
เมื่อวานตอนที่เขาเรียกจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมานั้นก็สังเกตเห็นด้วยเหมือนกันว่าเจ้าหญิงโลลิต้ากำลังจ้องเขาอยู่ ตอนนั้นเขายังรู้สึกแปลกใจอยู่ ที่แท้ก็เพราะตอนนั้นเป็นเหมือนกับตอนที่สู้กับเรือขโมยปลานั่นเอง ก็คือสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่าเขาพูดความจริงออกมาไม่ได้ จึงพูดเล่นออกไปว่า “อ้อ ผมกำลังฝึกทักษะการแสดงของผมอยู่น่ะ ผมอาจจะได้ไปถ่ายหนังที่ฮอลลีวูดก็ได้นี่”
เจ้าหญิงโลลิต้าเต็มไปด้วยสีหน้าสงสัย แต่ก็ไม่ได้เค้นถามอะไรต่อ แต่กลับพูดตามน้ำไปว่า “ท่านพี่ฉันก็บอกว่าจะไปฮอลลีวูดเหมือนกัน แต่ว่าเขาไม่เคยเรียนการแสดงเลย เขาบอกว่าเขาหล่อขนาดนี้ พึ่งแค่ใบหน้าก็สามารถดังไปทั่วฮอลลีวูดแล้ว หลงตัวเองมากเลย ใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะร่าออกมาอีกครั้ง เขารู้สึกว่าเจ้าหญิงโลลิต้าคนนี้รับมือได้ยากมาก เพราะมีหัวข้อสนทนาหลายเรื่องที่ไม่สะดวกจะพูดต่อด้วย
บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมเองก็รู้สึกได้ถึงจุดนี้ จึงเข้ามาบอกเจ้าหญิงโลลิต้าว่าพวกเขาออกมาเดินเล่นนานมากแล้ว ถึงเวลากลับไปได้แล้ว
เจ้าหญิงโลลิต้าทำหน้าล้อเลียนให้บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม แล้วก็โบกมือให้ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ลาก่อน เจ้าของฟาร์มปลาที่น่าพิศวง”
ฉินสือโอวโบกมือพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ลาก่อนครับ องค์หญิงน้อยที่น่ารัก”
ตอนเย็น เป็นเวลาที่นัดกับเคอร์ว่าจะไปตีกอล์ฟด้วยกัน หลังฉินสือโอวกินข้าวเที่ยงแล้วจึงไปหาเขาที่วิลล่าที่เคอร์พักอยู่
แสงแดดยามเที่ยงเจิดจ้า แต่เคอร์กลับกำลังแช่น้ำอยู่ในสระว่ายน้ำ หลังจากเขาไปถึงแล้วยังจะชวนเขาลงไปแช่ด้วยกันอีก  “มาเถอะ ฉิน มาดื่มด่ำกับแสงบำบัดกัน ช่วยให้คุณสบายตัวได้มากเลยนะครับ”
สระว่ายน้ำกลางแจ้งของเคอร์มีขนาดใหญ่กว่าของฉินสือโอว สระนี้มีขนาดถึงสองร้อยกว่าตารางเมตร ขนาดเท่ากับสระว่ายน้ำเล็กๆ เลย
พื้นสระปูด้วยกระเบื้องสีรุ้งแผ่นเล็กแฮนด์เมด แสงบำบัดที่เขาพูดถึงคงจะหมายถึงแสงสะท้อนที่แสงแดดกระทบกับแผ่นกระเบื้องพวกนี้เป็นแน่
ฉินสือโอวก็ยังรู้สึกว่าสระว่ายน้ำของตัวเองดีกว่า ขอบสระใช้กระจกนิรภัยเชื่อมกับทะเลไว้ ทำให้คนที่อยู่ในสระรู้สึกเหมือนกับกำลังอยู่ในทะเลด้วย แต่ว่า เขาเองก็ไม่ได้สนใจสระว่ายน้ำมากนัก เพราะว่าเขาเป็นชายที่ล่องไปในทะเลจนชินแล้ว
เคอร์เห็นว่าเขาไม่สนใจก็ไม่ได้บีบบังคับ แต่พูดถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายที่เขากับอัลเบิร์ตมีเรื่องกัน แล้วถามเขาว่า “คุณคงไม่ได้ชกเจ้าอ้วนคนนั้นเพราะแค่เต่าตัวเดียวหรอกใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวหัวเราะเสียงเบา แล้วพูดว่า “ไม่ครับ ผมทำเพราะความยุติธรรม”
เคอร์อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะร่าออกมา
………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset