ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 980 ปิดท่าเรือ

ชายจมูกโตวัยกลางคนพูดด้วยความโมโห “พวกเราแค่มาสำรวจที่เมือง พวกเราไม่ใช่คนร้าย…”
“สำรวจ? สำรวจอะไร?” ฉินสือโอวยื่นมือออกมาวาดเป็นวง “คุณดูสิ คนในเมืองก็อยู่ที่นี่กันเกือบหมดแล้ว คุณอยากสำรวจว่าจะมีใครยอมรับเงินของคุณแล้วย้ายออกจากบ้านเกิดของพวกเราไปไหมใช่ไหม? อย่างนั้นก็ดี ผมจะช่วยถามให้!”
ฉินสือโอวกระโดดขึ้นหน้ารถกระบะแล้วตะโกนเสียงดัง “ใครเต็มใจรับเงินของโรงงานเคมีแล้วย้ายไปนครเซนต์จอห์น ทิ้งบ้านเกิดของตัวเองไว้ให้โรงงานเคมีมาทำให้เกิดมลพิษไหม?!”
“ใครเต็มใจก็ออกมาพูดหน่อยครับ!”
เสียงเงียบลง มีเพียงเสียงหายใจหนักๆ ของบางคน
ที่จริงการที่ฉินสือโอวถามแบบนี้ก็ไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไร คำพูดของเขาเป็นความจริงแต่การเอาหลักศีลธรรมมาอ้างแถมยังอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถึงจะมีคนอยากรับเงินจริงๆ พวกเขาก็คงไม่กล้าออกมา ออกมาในเวลานี้ก็เท่ากับเป็นศัตรูของเมือง
แต่จิตใจมนุษย์ก็ล้วนเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น
ฉินสือโอวทุ่มเทให้กับเมืองอย่างเงียบๆ มาตลอด ดึงดูดนักท่องเที่ยว พัฒนาพิพิธภัณฑ์ฟอสซิล เชิญโอดอมมาเปิดโรงพยาบาลชุมชนและอื่นๆ หลังจากที่ฉินสือโอวมาที่เกาะแฟร์นี่เอง เมืองนี้ถึงได้กลายสภาพเป็นเหมือนกับดินแดนในฝัน
ที่เขาทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่ามีน้ำใจทำไปเปล่าๆ การทุ่มเทในที่สุดก็เพื่อผลประโยชน์ ตอนนี้คือเวลาที่เขาจะรับผลประโยชน์จากการสนับสนุนจากชาวเมือง
คนของบริษัทดาวเคมิคอลก็เข้าใจในจุดนี้ ชายจมูกโตตะโกน “คุณทำแบบนี้ในตอนนี้ไม่ยุติธรรมกับชาวเมืองเลย ใครจะกล้าเปิดเผยทางเลือกของตัวเองในที่โจ่งแจ้งแบบนี้…”
ฉินสือโอวตัดบทไม่ให้เขาพูด “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? พวกคุณทำเรื่องไม่ดีเหรอไง? ทำไมจะบอกกับพวกเราอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ล่ะ? หรือว่า แม้ว่าพวกคุณจะให้ที่อยู่กับพวกเราเมื่อย้ายไปนครเซนต์จอห์นได้ แต่งานล่ะ? พวกเราจะทำอะไรกิน?!”
ฮิวจ์คนน้องไม่อยากให้โรงงานเคมีเหยียบขึ้นมาบนเกาะก็เพราะถ้าพวกเขาย้ายไปนครเซนต์จอห์นแล้ว ร้านสะดวกซื้อก็ต้องปิดตัวลง เพราะร้านนี้เป็นธุรกิจท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวคงไม่มาเที่ยวดูโรงงานเคมี
ดังนั้นเขาเลยตะโกนร่วมไปกับฉินสือโอว “พูดสิ! พวกเราจะทำมาหากินอะไร?! พวกเราจะไปทำงานที่ไหน?! บริษัทดาวเคมิคอลของพวกคุณจะเลี้ยงเราไปตลอดชีวิตไหม? แล้วลูกหลานของพวกเราล่ะ?!”
“ใช่ พวกเราจะไปทำงานที่ไหน!”
“ต่อไปลูกหลานของพวกเราจะทำอย่างไร?”
“พวกเราล้วนเป็นชาวประมง ไม่มีประกันสังคมอะไร ออกจากเกาะไปแล้วตอนแก่เราจะทำอย่างไรกัน?”
ระบบประกันสังคมของแคนาดามีความก้าวหน้ามากจนเป็นที่รู้กัน แต่ถึงจะก้าวหน้ามันก็ยังเหมือนกับประเทศอื่นตรงที่คนที่ไม่เสียภาษีจะไม่ได้รับเงินเกษียณและเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ แต่จะได้อาศัยกองทุนช่วยเหลือของเมือง นี่เป็นสิ่งที่เหล่าคนมีเงินในเมืองทำร่วมกัน ถ้าออกจากเกาะไปก็จะไม่มีแล้ว
แบบนี้ถ้าชาวประมงย้ายออกจากเกาะแฟร์เวลไปยังเขตชุมชนในเมือง ชีวิตช่วงบั้นปลายในอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
เหล่าชาวเมืองตื่นตัวขึ้นมาและเริ่มคิดว่าถ้าออกจากเมืองแฟร์เวลไปแล้วอาจจะเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ ในสถานการณ์แบบนี้ทุกคนย่อมไม่คิดไปในทางดีแน่นอน ผลสุดท้ายยิ่งพูดข้อเสียก็ยิ่งเยอะและข้อสรุปก็คือไม่มีทางออกไปจากเมือง
ฮิวจ์คนน้องฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มีไม้เบสบอลเขาก็ไปแย่งกระบองในมือเพื่อนมาแทน เขาโบกมือให้พวกบริษัทดาวเคมิคอลออกไป ไม่อย่างนั้นเตรียมตัวโดนอัดได้เลย
พวกเขาทำให้คนในเมืองโกรธแล้ว พวกพนักงานเห็นท่าไม่ดีเลยรีบร้อนกันเข้าไปในรถมินิบัส รถมินิบัสขับมาถึงท่าเรือแต่ต้องขับขึ้นเรือขนส่งถึงจะออกไปได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาออกเรือของเรือขนส่ง
ฮานี่ย์ไปหาพนักงานขับเรือขนส่งแล้วบอกเขาว่าวันนี้คงไม่มีใครออกไปจากเกาะแล้ว ให้เขาพารถมินิบัสไปก็พอเพราะพวกเขาจะปิดท่าเรือกันในไม่ช้า
พอได้ฟังคำนี้ฉินสือโอวก็รู้เลยว่าแฮมเล็ตโทรไปหาฮานี่ย์แล้ว ดูท่าพันธมิตรทางการเมืองคนนี้จะพึ่งพาได้ไม่น้อย
เรือขนส่งขับออกไป ฮานี่ย์โบกมือให้พวกชาวประมงขับเรือที่มีบนเกาะทั้งหมดมา ฉินสือโอวเองก็เอาเรือของเขามาที่ท่าเรือสาธารณะด้วยจนเต็มพื้นที่ท่าเรือ แบบนี้ต่อไปเรือที่มาก็ไม่มีทางเทียบท่าได้
ตอนนี้ฉินสือโอวมีเรืออยู่เยอะที่สุดและเรือแฟร์เวลกับเรือฮาวิซทก็ไม่ใช่เรือเล็กๆ เขายังมีเรือกำปั่นทะเลอีกสี่ลำซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ใช้ป้องกันเรือขโมยปลาเลยเอามาด้วย
เห็นเรือเล็กเรือใหญ่แน่นเต็มท่าเรือ เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้งแล้วตะโกนพูดกับชาวเมืองที่กำลังยุ่งกันอยู่ “โอเค ทุกท่าน ได้เวลาที่เราต้องต่อต้านอย่างเป็นทางการแล้ว! ปกป้องบ้านเกิด! ห้ามให้โรงงานเคมีมาทำลายบ้านเกิดของเราเด็ดขาด!”
ชาวเมืองพูดเสียงดัง “ปกป้องบ้านเกิด! คัดค้านโรงงานเคมี!”
วุ่นกันอยู่สองชั่วโมงชาวเมืองก็ทยอยแยกย้ายกันไป ฉินสือโอวตะโกนเรียกแบล็คไนฟ์มา บอกเขาว่าไม่ต้องไปเฝ้าฟาร์มปลาแล้ว แต่ให้นำเหล่าชาวประมงมาเฝ้าที่ท่าเรือตลอด 24 ชั่วโมง ห้ามให้พวกโรงงานเคมีขึ้นฝั่งได้อย่างเด็ดขาด
การต่อต้านอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นแล้ว
แบล็คไนฟ์ถาม “ถ้าพวกเขายืนกรานจะขึ้นมาล่ะครับ?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ปืนของพวกนายไล่พวกเขาไป!” ฉินสือโอวพูดเสียงดัง
แบล็คไนฟ์ทำท่าตะเบ๊ะแล้วพูดอย่างหนักแน่น “รับคำสั่งครับท่าน!”
ฉินสือโอวไปหาฮานี่ย์ที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด หลังจากที่เห็นเขาก็ส่ายหัวแล้วพูด “ผมกังวลจริงๆ ว่าจะเกิดความวุ่นวาย ถ้าคนของบริษัทดาวเคมิคอลมาไม้แข็งจะทำอย่างไร?”
ตอนนี้ก็สามารถเห็นความแตกต่างของผู้นำได้แล้ว แม้แฮมเล็ตจะออกแนวผู้ดีอังกฤษแต่เขาไม่เกรงกลัวต่อเรื่องใด ถ้าเขาอยู่ตรงนี้เขาต้องพูดกับฉินสือโอวว่าพวกบริษัทดาวเคมิคอลนี่จัดการยากดีจริงๆ
ยากก็ยาก พวกเขาไม่กลัวใครหน้าไหนนอกจากบริษัทดาวเคมิคอลจะเคลื่อนกองทหารได้ แต่ถ้ากองทัพแคนาดาเคลื่อนทัพมากดดันพลเมืองก็คงวุ่นวาย อาจจะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศต่างๆ
ที่ฮานี่ย์กลัวน่าจะเป็นการที่บริษัทดาวเคมิคอลจะฟ้องร้องพวกเขาตามกฎหมาย แต่ฉินสือโอวตัดสินใจจะทำให้ถึงที่สุดแล้ว เพราะเรื่องแบบนี้ที่แคนาดามีตัวอย่างให้เห็นแล้ว ก่อนหน้านี้มีเมืองหนึ่งในรัฐบริติชโคลัมเบียปฏิเสธไม่ให้รัฐบาลสร้างโรงงานจัดการขยะขึ้นในเมือง จากนั้นก็ถือปืนเผชิญหน้ากับตำรวจที่มาไกล่เกลี่ย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรัฐเนวาดาที่กั้นระหว่างอเมริกาและแคนาดา ปีที่แล้วพวกเขาเพิ่งประสบกับเหตุการณ์ “เกษตรกรคนสุดท้าย” จนตอนนี้ผลกระทบก็ยังไม่หมดไป
เหตุการณ์ “เกษตรกรคนสุดท้าย” คือเรื่องคำสั่งเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วของกรมบริหารที่ดินของรัฐและกรมบริหารที่สาธารณะของประเทศ ตำรวจของรัฐเนวาดาใช้เฮลิคอปเตอร์เก้าลำ ตำรวจสองร้อยนายและมือปืนในการจัดการอย่างรุนแรงกับ ‘เกษตรกรคนสุดท้าย’   และยึดวัวจำนวน 900 กว่าตัวที่เขามีอยู่
สาเหตุของเรื่องนี้คือการที่เกษตรกรคนนี้ปฏิเสธการซื้อใบอนุญาตทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่ปี 1990 ในเขตตะวันตกของอเมริกาหากต้องการทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ของรัฐบาลจะต้องส่งค่าทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ให้แก่รัฐเป็นประจำเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตการทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์
แต่บันดีประกาศว่าไร่ขนาดหกหมื่นเอเคอร์นี้เป็นมรดกตกทอดของเขามาตั้งแต่ปี 1870 ในตอนนั้นยังไม่มีกรมบริหารที่ดินของรัฐบาล ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องจ่าย แต่ทางรัฐบาลอ้างกฎหมายว่าบันดีติดหนี้อยู่หนึ่งล้านหนึ่งแสนดอลลาร์ เขาต่อสู้มายี่สิบปี ในที่สุดก็มีการจัดการอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่แล้ว
ผลสุดท้ายหลังจากมีการใช้ความรุนแรงต่อต้าน คลีเวน บันดีภายใต้สถานการณ์ที่ได้รับประชามติให้ความสนใจและการสนับสนุนจำนวนมากก็ระดมเหล่าคาวบอยพร้อมอาวุธและธงชาติล้อมค่ายของตำรวจอเมริกาไว้
สุดท้ายรัฐบาลกลางของอเมริกาก็ให้ประนีประนอม สั่งให้หัวหน้าตำรวจในการจัดการครั้งนั้นจับมือและชดใช้ให้กับบันดี ในที่สุดการจัดการและยึดคืนพื้นที่ก็หยุดลงและทางตำรวจก็คืนวัวที่ยึดไว้ให้แก่เกษตรกร
………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset