ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 981 ขุดเห็ดทรัฟเฟิล

หลังปิดท่าเรือสาธารณะแล้ว ฉินสือโอวก็เปิดท่าเรือส่วนบุคคล เรือขนส่งมารวมตัวกัน จากนั้นครู่หนึ่งเรือขนส่งก็เอาเรือที่อนุญาตให้เข้าเกาะได้มาที่ท่าเรือฟาร์มปลาต้าฉิน
สำหรับเรือประมงส่วนบุคคลนั้นต้องดูสถานการณ์ก่อน เช่นเรือขนส่งของบริษัทดาวเคมิคอล จะมาจอดที่ฟาร์มปลาไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะนี่คือสิทธิ์ของฉินสือโอว
ฉินสือโอวต่อต้านบริษัทดาวเคมิคอลอย่างสุดความสามารถและแน่นอนว่าทั้งเกาะแฟร์เวลเองก็ต่อต้านพวกเขาอย่างเต็มที่ด้วยเหมือนกัน พอได้สัมผัสการใช้ชีวิตกับฟ้าสีครามและน้ำทะเลใสแล้ว พวกเขาก็ไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตในบรรยากาศที่เลวร้ายแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว สำหรับเมืองนี้แล้วโรงงานเคมีมีผลกระทบมากเหลือเกิน
หากบริษัทดาวเคมิคอลบอกว่าพวกเขาจะจัดการเรื่องงานให้ อย่างนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยังพอคุยกันได้
แต่ทางบริษัทดาวเคมิคอลก็ยากที่จะจ้างงานคนที่เมืองเพราะการทำเกษตรเคมีเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาก ต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีขั้นสูง จะไปเป็นพนักงานยกของเหรอ? ขอร้องล่ะ ตอนนี้เป็นสังคมแห่งเทคโนโลยีและค่าใช้จ่ายในการที่โรงงานเคมีใช้แรงงานคนก็เยอะกว่าการใช้เครื่องจักรมาก
บริษัทดาวเคมิคอลไม่ได้มีการตอบสนองที่รวดเร็วนัก หลังจากที่คนของพวกเขาถูกขับไล่ไปแล้วก็ไม่ได้กลับไปที่เมืองในทันที หรือพวกเขาอาจยอมแพ้กับวิธีแก้ปัญหาแบบสันติ อย่างไรเสียพวกเขาก็ทำตามขั้นตอนครบสมบูรณ์และก็ซื้อโรงงานไว้แล้ว แค่ย้ายเข้าไปก็ได้แล้ว
สองวันมานี้ฉินสือโอวเอาแต่ศึกษาเรื่อง ‘เกษตรกรคนสุดท้าย’ และการต่อต้านที่รุนแรงของแคนาดา เขาต้องทำอะไรโดยมีเหตุผลที่เหมาะสม หากทั้งสองฝ่ายลงมือเขาต้องหาหลักฐานที่ทำให้ศาลเห็นใจให้ได้
อันดับแรกคือความคิดเห็นของสาธารณชน ต้องขอบคุณหวงเจียเจียที่เคยพยายามโน้มน้าวให้เขาเปิดเวยป๋อ ตอนนี้บัญชีเวยป๋อของเขามีอิทธิพลมากและก็มีผู้ติดตามล้านกว่าคนแล้ว
เขาเล่าเรื่องที่เกาะแฟร์กำลังเผชิญวิกฤตลงบนเวยป๋อ แล้วใส่ไข่ลงไปว่ารัฐบาลของนิวฟันด์แลนด์ต้องมีนอกมีในกับบริษัทดาวเคมิคอลอย่างแน่นอน จะเสียเกาะแฟร์เวลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของนิวฟันด์แลนด์ไปไม่ได้
เขาเรียนรู้สิ่งนี้มาจากเรื่อง ‘เกษตรกรคนสุดท้าย’ คลีเวน บันดีพูดกับสื่อว่าที่ตำรวจโจมตีไร่ของเขาก็เพราะสมาชิกวุฒิสภาตระกูลหลี่เต๋อเห็นที่ผืนนี้แล้วอยากเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์
สิ่งที่บันดีทำเป็นการใส่ร้ายโดยแท้ แต่ของฉินสือโอวถือว่าเป็นการพูดไปตามเรื่อง เพราะรัฐบาลของนิวฟันด์แลนด์ให้ใบอนุญาตในการเข้ามากับบริษัทดาวเคมิคอลแคนาดา แน่นอนว่าเป็นเพราะเห็นแก่กำลังในการจ่ายภาษีอันมหาศาลของบริษัท ดังนั้นที่เขาพูดจึงไม่ผิด รัฐบาลของรัฐคิดจะเสียสละเกาะแฟร์เวลเพื่อแลกกับการพัฒนาเศรษฐกิจ
ต่อมาเขาทำการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เพื่อรายงานเรื่องนี้กับแพรีส แฮมเล็ต ซึ่งเป็นน้องสาวของแฮมเล็ตโดยผ่านนีลเซ็น
เพราะพี่ชายช่วยกรุยทางให้ บวกกับความสามารถของแพรีส เธอมาทำงานที่ ‘นิวฟันด์แลนไทม์’ ได้แค่ปีกว่าๆ ก็ได้เป็นถึงรองบรรณาธิการฝ่ายข่าวปัจจุบันซึ่งสามารถทำข่าวได้ และฉินสือโอวยังจ่ายเงินไปเพื่อซื้อพื้นที่สื่อด้วย หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์หนังสือพิมพ์ก็ติดตามรายงานเรื่องนี้
สำหรับพวกเวทีอภิปรายต่างๆ ฮิวจ์คนน้องจะพาคนไปจัดการ ถึงอย่างไรเสียก็เผยแพร่ไปหลายๆ ช่องทาง เปิดโปงความร่วมมืออย่างลับๆ ของรัฐบาลของรัฐกับโรงงานเคมี
ฮานี่ย์สั่งให้คนทำป้ายมาแขวนไว้ที่ท่าเรือสาธารณะ เขียนว่าคำจำพวกว่า ‘ครั้งนี้เป็นเกาะแฟร์เวล ครั้งหน้าจะเป็นเกาะไหน’
จากนั้นก็อยู่ในความสงบ นครเซนต์จอห์นมีหิมะตก เกล็ดหิมะที่ละเอียดตกลงมาคืนหนึ่งแล้วก็หยุด
ตอนเช้าเชอร์ลี่ย์วิ่งมาดูแล้วก็กลับไปด้วยความผิดหวัง เธอยักไหล่พลางพูด “รถเลื่อนใช้ไม่ได้แล้ว แต่ไม่ต้องไปเรียน”
การเรียนของนักเรียนที่นิวฟันด์แลนด์ตั้งแต่เกรดเก้าลงมาค่อนข้างผ่อนคลาย เพราะพายุหิมะในปีนี้นครเซนต์จอห์นจึงกำหนดให้หยุดเรียนหนึ่งถึงสองวันเมื่อหิมะตก
แม่ของฉินสือโอวพูดคุยเป็นเพื่อนวินนี่ ตอนไปเดินเที่ยวในเมืองครั้งที่แล้วเธอเห็นว่ามีร้านขายไหมพรมเลยซื้อมาม้วนหนึ่ง แบบนี้แม่ของฉินสือโอวจึงคุยไปถักชุดไหมพรมไป สามารถฆ่าเวลาได้
วินนี่เห็นแล้วสนใจเลยวางข้อมูลการบริหารงานสาธารณะในมือลงแล้วมองดูอยู่ข้างๆ อย่างสงสัย
แม่ฉินสือโอวถาม “หนูอยากเรียนไหม?”
พ่อของฉินสือโอวโบกมือแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เรียนอะไร? เสื้อไหมพรมที่ทำด้วยเครื่องจักรสมัยนี้ยังไม่อยากจะใส่ ใครจะใส่เสื้อไหมพรมที่ใช้มือถักกัน? คุณจะให้วินนี่มาเสียเวลาเรียนทำไม?”
แม่ของฉินสือโอวมองค้อนเขาไปครั้งหนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม”
พ่อของฉินสือโอวพูดด้วยความไม่พอใจ “สมัยนี้ใครยังจะเอาความสามารถแบบนี้อยู่อีก?”
ฉินสือโอวหัวเราะยกใหญ่พลางชี้ไปที่เหมาเหว่ยหลงแล้วพูด “โคโกโร่ มาแสดงให้พ่อฉันดูหน่อยสิ ฝีมือการถักเสื้อไหมพรมของโคโกโร่ไม่ธรรมดาเลยนะ”
วินนี่พูดเสริม “ฉันจำได้ว่าของขวัญชิ้นแรกที่เขาให้ฉันก็คือเสื้อไหมพรม ใช่ไหมคะ?”
“เสื้อไหมพรมที่สี่ปีก็ยังส่งออกไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ส่งให้คุณ” ฉินสือโอวเยาะเย้ย
เหมาเหว่ยหลงอยู่ที่ฟาร์มปลาไม่ได้กลับประเทศไปฉลองตรุษจีน อย่างไรเสียตระกูลเขาก็ใหญ่โตพ่อแม่คงไม่เบื่ออยู่แล้ว ถ้าเขาพาหลิวซูเหยียนกับตั๋วตั่วกลับไปตอนนี้ ผู้คนคงติฉินนินทากันจนรับไม่ได้
ได้ยินฉินสือโอวเอาตัวเองไปล้ออย่างสนุก เหมาเหว่ยหลงก็พูดอย่างไม่พอใจ “ถักไหมพรมเป็นแล้วทำไม? การมีความสามารถเป็นเรื่องน่าอายตั้งแต่เมื่อไร? คนที่ทำอะไรไม่เป็นยังภูมิอกภูมิใจอยู่ได้? แกบอกมาสิ นี่มันบรรทัดฐานอะไรกัน?”
ฉินสือโอวชี้ปที่พ่อของเขาแล้วพูด “แกอย่ามาจ้องฉันสิโคโกโร่ นี่เป็นสิ่งที่พ่อฉันพูด ฉันไม่ได้พูดเองนะ”
เหมาเหว่ยหลงมุมปากกระตุก เวรเอ๊ย เมื่อครู่ไม่ได้ฟังพวกเขาพูดให้ละเอียด ตกหลุมพรางเสียแล้ว
แม่ฉินสือโอวสนับสนุนเหมาเหว่ยหลงทันที “เสี่ยวหลงพูดถูก! ใช่แล้ว ถักเสื้อไหมพรมไม่เป็นยังมาดูถูกคนที่ถักเป็น นี่มันบรรทัดฐานอะไรกัน?”
เหมาเหว่ยหลงเกาท้ายทอย เขารู้ว่านี่คือสงครามของพ่อแม่ฉินสือโอว ตัวเองไม่แทรกเข้าไปดีกว่า สุดท้ายเขาก็มองตาฉินสือโอว ถูกเจ้าบ้านี่ลวงให้ติดกับเสียแล้ว
หิมะหยุดตกแล้วท้องฟ้าสดใส ฉินสือโอวมองเทือกเขาเคอร์บัลที่ขาวโพลนแล้วพูด “ไม่มีอะไรทำเลย พ่อ ผมพาพ่อขึ้นเขาดีไหม พวกเราไปขุดเห็ดทรัฟเฟิลกันเถอะ!”
“ทรัฟเฟิล? กระรอก? หรือว่าอะไรนะ?” พ่อของฉินสือโอวไม่เคยได้ยินชื่อเจ้าสิ่งนี้มาก่อน
แม่ฉินสือโอวแย้ง “อากาศแบบนี้จะขึ้นเขาไปทำไม? ไม่ได้อะไรเลยนอกจากความทรมาน บนภูเขามีหิมะตั้งเยอะ ลื่นล้มไปจะทำอย่างไร?”
ฉินสือโอวอธิบายเรื่องเห็ดทรัฟเฟิลครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลูบที่ไหล่ของฉงต้าแล้วพูด “ช่วงก่อนหน้านี้พวกแบล็คไนฟ์ฝึกให้ฉงต้าขุดเห็ดทรัฟเฟิลอยู่ตลอด เราจะให้ความสามารถเขาสูญเปล่าไม่ได้ ใช่ไหม?”
ฉงต้าหาวแล้วเอาคางเกยที่ขาของฉินสือโอวพร้อมขยิบตาที่พร่ามัวแสดงให้เห็นว่าจะหลับแล้ว ไม่มีอะไรทำอย่างนั้นก็นอน
ฤดูหนาวในทะเลจะหนาวมากจนไม่สามารถออกทะเลไปตกปลาหรือชมวิวได้ ฉินสือโอวเลยเบื่อมาก แบบนี้เขาก็เลยบอกว่าอยากขึ้นเขา เขาคิดแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ขึ้นเขากันเถอะ ช่วงนี้เป็นเวลาที่ดีในการจับกระต่ายและไก่ฟ้า”
ฉินสือโอวโบกมือพลางพูด “ถ้าอยากจะจับไก่ฟ้าจริงๆ ก็ไม่ต้องลำบากปีนเขาขึ้นไปหรอก รออยู่ที่ริมทะเลสาบก็ได้”
ทะเลสาบเฉินเป่ากลายเป็นแหล่งอาหารใหม่ของเหล่าสัตว์กินหญ้า มีหิมะตกลงมาครั้งใหญ่ไม่กี่ครั้งบนเขาก็ไม่มีอะไรกินได้แล้ว พวกมันทำได้แค่ลงจากภูเขามาหาอาหารเท่านั้น
ขอเพียงขึ้นภูเขาไปแล้วโชคดี ฉินสือโอวก็จะได้เจ้าพวกนี้มาอย่างง่ายดาย ทุกคนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมปีนเขา
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset