กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันรอบๆ ท่าเรือของเมือง ฉินสือโอวซื้อเต็นท์กันน้ำกันลมมาจำนวนมาก เต็นท์เหล่านี้เมื่อกางออกแล้วก็สามารถปิดทางของท่าเรือได้ทั้งหมด
แบบนี้ถึงแม้เรือขนส่งของบริษัทดาวเคมิคอลจะเทียบท่าที่ท่าเรือ พวกเขาก็ไม่มีทางขนอุปกรณ์ขึ้นฝั่งมาได้ นอกจากว่าจะขับรถมาบดขยี้เต็นท์พวกนี้ แต่ใครจะกล้า? ในเมื่อด้านในก็มีคนอยู่!
เรือกำปั่นทะเลสองลำจอดอยู่ทางซ้ายขวาของท่าเรือ ปืนน้ำถูกลากมาไว้ที่นี่นานแล้ว ปากกระบอกปืนลำหนึ่งหันเข้าด้านในลำหนึ่งหันออกด้านนอก
โรเบิร์ตซึ่งเป็นตำรวจของเมืองไปหาหัวหน้าตำรวจม้าเซนต์จอห์นด้วยสีหน้าไม่ดี “พวก พวกนายต้องใจเย็นๆ ถ้าไปกระตุ้นคนพวกนี้แล้วพวกเขาใช้ปืนน้ำ อย่างนั้นกิจกรรมการประท้วงก็จะยกระดับขึ้น! ถ้ามีคนบาดเจ็บล้มตาย พวกเราซวยแน่!”
ตำรวจม้าทำมือโอเคแล้วพูดเบาๆ “ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเรารู้ดี ให้ไอ้โรงงานเคมีบัดซบนั่นไปตายซะเถอะ! ฉันไม่อยากกินปลาที่มีมลพิษเกินมาตรฐานในวันข้างหน้า!”
บริษัทดาวเคมิคอลกดดันรัฐบาลของนครเซนต์จอห์นผ่านสื่อมวลชน ให้พวกเขารีบแก้ปัญหาการประท้วงของชาวประมง
แฮมเล็ตตอบกลับไปอย่างมั่นใจว่าพวกเขากำลังเจรจากับชาวประมงอยู่และได้รับความคืบหน้าที่ดีแล้ว ผ่านไปอีกสองวันก็จะสามารถโน้มน้าวให้เหล่าชาวประมงสลายตัวจากการประท้วงได้ ขอให้บริษัทดาวเคมิคอลอย่าได้รีบร้อน
กลยุทธ์ของเขาก็คือการยื้อเวลา!
อำนาจของบริษัทดาวเคมิคอลไม่ใช่สิ่งที่นายกเทศมนตรีเมืองเล็กๆ จะต้านทานได้ ยิ่งกว่านั้นการพัฒนาเศรษฐกิจของนครเซนต์จอห์นก็อาศัยธุรกิจพวกนี้ แฮมเล็ตเลยไม่กล้าขัดพวกเขา
ถ้าบริษัทดาวเคมิคอลไม่เลือกเกาะแฟร์เวลเป็นที่สร้างโรงงาน อย่างนั้นแฮมเล็ตก็จะยินดีต้อนรับเป็นอย่างมาก น่าเสียดาย พวกเขาเลือกเกาะแฟร์เวลแล้ว
ฉินสือโอวรวบรวมชาวประมงไปติดตั้งเตาไฟไม่กี่สิบอันที่ท่าเรือ ตอนกลางคืนก็ได้รับความอบอุ่นตอนกลางวันก็เอาไว้ย่างเนื้อ ของเหล่านี้ทางเมืองเป็นผู้ให้มา พวกเขามีอาหารและที่พักให้แก่ผู้ที่มาประท้องที่เมืองทุกคน
อย่างไรเสียเขาก็มีเงินไม่น้อย งั้นก็ใช้ไปกับพวกคุณแล้วกัน นี่คือความคิดของฉินสือโอว
แฮมเล็ตพูดไม่ผิด บริษัทดาวเคมิคอลรอเวลาไม่ไหว พวกเขากดดันทางรัฐบาลของเมืองและรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดบอกว่าหวังให้ทางรัฐบาลขอกำลังทหารมาช่วยเหลือเพื่อไล่กลุ่มผู้ประท้วง
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเหลืออีกไม่เท่าไรแล้ว เขาให้แฮมเล็ตติดต่อกับประธานบริษัทดาวเคมิคอลแคนาดา เขาอยากจะเจรจากับอีกฝ่าย
ประธานบริษัทดาวเคมิคอลแคนาดามีชื่อว่าเคอร์เรท มูเอ็น เขาเป็นคนวัยห้าสิบกว่าที่มีอำนาจมากคนหนึ่ง หลังจากได้รับคำเชิญเจรจาจากฉินสือโอวเขาก็ตอบรับ พวกเขาทำการเจรจากันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเซนต์จอห์น
พอฉินสือโอวเจอเคอร์เรทก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านประธาน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงยืนหยัดที่จะสร้างโรงงานบนเกาะของพวกเรา นครเซนต์จอห์นมีที่ดินมากมาย คุณสามารถเลือกไปสร้างที่อื่นก็ได้”
เคอร์เรทยืนกราน “พวกเราได้ขั้นตอนการสร้างโรงงานมาแล้วและพวกเราก็ซื้อโรงงานบนเกาะแล้วด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกกฎหมาย อย่างนั้นทำไมพวกเราต้องเปลี่ยนที่สร้างโรงงานด้วย?”
ฉินสือโอวพูดอย่างจนใจ “แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่ารอบๆ เกาะของเราล้วนแต่เป็นฟาร์มปลา ถ้ามีโรงงานเคมีอยู่บนเกาะ ฟาร์มปลาของพวกเราจะทำยังไง? พวกเราทั้งเกาะจะทำยังไง?”
เคอร์เรทเงียบไปพักหนึ่งแล้วพูด “พวกเรามีแผนที่จะชดเชยให้กับเกาะของพวกคุณ ถึงขนาดยอมเปิดเขตชุมชนที่นครเซนต์จอห์นให้พวกคุณ ขอแค่พวกคุณยอมย้ายไป คุณนึกถึงแค่เกาะของพวกคุณ แล้วบริษัทเราล่ะ? การลงทุนของพวกเราจะทำยังไง?”
ทั้งสองฝ่ายฝ่ายหนึ่งไม่ยอมไป อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือ แบบนี้การเจรจาก็ถึงทางตัน ฉินสือโอวได้แต่จากไป และกิจกรรมการประท้วงยังคงต้องทำต่อไป
เมื่อกลับถึงท่าเรือฉินสือโอวก็เตรียมขึ้นเรือ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นอย่างชัดเจน “อาจารย์! อาจารย์! ผมมาแล้ว!”
ได้ยินเสียงนี้ฉินสือโอวก็หันกลับมาอย่างสงสัย เห็นร่างที่เหมือนกวางน้อยที่วิ่งมาอย่างรวดเร็ว ครู่หนึ่งก็เข้าไปในอ้อมแขนของเขา นี่คือไวส์ บรูซเด็กฝึกงานที่ไม่ได้เจอกันนาน
ทายาทอุตสาหกรรมเหล็กตัวน้อยก้าวเดินมาอย่างมั่นคงทางด้านหลัง เขายิ้มอ่อนๆ มองมาทางฉินสือโอวแล้วยกมือขึ้นทักทาย “อะจารย์ฉิน ไม่เจอกันนานเลย ช่วงนี้สบายดีไหมครับ?”
ฉินสือโอวจับมือกับจอร์จ บรูซ ข้างๆ เขามีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง นี่น่าจะเป็นแม่ของไวส์ ทายาทที่แท้จริงของราชาแห่งอุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์เนกี วิเวียน บรูซ
และแล้วคุณผู้หญิงที่ยิ้มอย่างอบอุ่นก็แนะนำตัว “ฉันคือภรรยาของจอร์จและเป็นแม่ของไวส์ค่ะ” คุณเรียกฉันว่าคุณนายบรูซหรือวิเวียนก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะอะจารย์ฉิน”
ทั้งครอบครัวต่างเรียกเหมือนกัน อะจารย์ฉินสอนภาษาจีน ไม่รู้ว่าใครนำให้ผิดถึงได้ออกเสียงเป็นอะจารย์ฉินกันหมด!
ท่าทางของไวส์ดีขึ้นจากตอนที่เพิ่งรู้จักกับเขามาก อย่างน้อยตอนที่เขาวิ่งมา ใบหน้าเล็กๆ ก็ยังแดงก่ำไม่ขาวซีด
ฉินสือโอวลูบหัวไวส์แล้วพาทั้งสามคนขึ้นเรือพลางถาม “พวกคุณมาพักร้อนกันเหรอ? อีกไม่กี่วันก็จะเป็นเทศกาลสำคัญของพวกเราชาวจีนพอดีเลย ไม่ทราบว่าพวกคุณสนใจจะเข้าร่วมไหมครับ?”
จอร์จพูดพลางหัวเราะ “อะจารย์ฉิน ขอให้คุณเชื่อว่าพวกเราอยากจะฉลองเทศกาลแบบนี้มาก แต่ความจริงแล้วผมกับวิเวียนมีธุระเยอะมาก มาครั้งนี้ เราพาไวส์มาหาคุณ เอาเขามาส่งให้คุณ…”
“ไม่ นี่คือการกลับสู่สำนัก!” ไวส์พูดแก้อย่างดื้อดึง
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วก็ชะงัก “อะไรนะ? พวกคุณจะให้ไวส์รออยู่ที่นี่? ไม่ๆๆ จอร์จ นี่มันไม่ค่อยเหมาะเท่าไร คุณคงจะไม่รู้ ตอนนี้พวกเราที่นี่วุ่นวายกันมาก”
จอร์จหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “ผมรู้ ผมมาก็เพื่อจะช่วยคุณแก้ปัญหาเรื่องนี้”
ฉินสือโอวถามอย่างประหลาดใจ “แก้ปัญหาเรื่องนี้?”
พวกเขาขึ้นเรือแล้ว เรือลาดตระเวนกำลังขับไปทางเกาะแฟร์เวล
ไวส์พูดแทรก “อะจารย์ เรื่องที่บริษัทดาวเคมิคอลมาก่อเรื่องที่สำนักของพวกเราใช่ไหมครับ? อย่างนั้นให้เป็นหน้าที่แม่ผมเลย ผมมีลุงนิสัยไม่ดีคนหนึ่ง เขาชอบแกล้งผมแต่เขาสุดยอดมาก เขาเป็นกรรมการบริหารของบริษัทดาวเคมิคอล! แม่ผมก็ด้วย แต่ลุงของผมมีหุ้นเยอะกว่า!”
ฉินสือโอวมองภรรยาของจอร์จอย่างประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าจะมีความเกี่ยวข้องกันแบบนี้ด้วย นี่มันซับซ้อนจริงๆ!
วิเวียนยิ้มเบาๆ พลางพูด “พวกเรารู้เรื่องนี้โดยบังเอิญก็เลยมาดูว่าจะช่วยอะไรได้ไหม ในความเป็นจริง พี่ชายฉันและฉันเป็นกรรมการบริหารของบริษัทดาวเคมิคอลอเมริกา ไม่มีอำนาจอะไรต่อบริษัทที่แคนาดา แต่รู้จักกับเพื่อนที่มีสิทธิ์มีเสียงอยู่เยอะค่ะ”
ฉินสือโอวพูด “เมื่อครู่ผมเพิ่งคุยกับเคอร์เรทประธานบริษัทของพวกเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ ถ้ารู้เร็วกว่านี้ว่าพวกคุณจะมา ผมคงรอก่อนแล้วค่อยไป”
คู่สามีภรรยาบรูซมองพลางยิ้ม วิเวียนพูด “เคอร์เรทเป็นคนที่มีอำนาจมาก โอเค เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ฉันเองค่ะ เดี๋ยวจะคิดดูว่าจะจัดการยังไง”
กลับมาถึงเกาะฉินสือโอวก็พาทั้งสามคนไปที่บ้านของคุณลุงฮิคสัน ช่วงนี้ที่เกาะมีผู้ประท้วงมาอย่างกะทันหัน เกสเฮ้าส์ไม่พอ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องใช้เต็นท์ และการนอนเต็นท์ในฤดูหนาวนั้นไม่ค่อยสบายเท่าไร
…………………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 989 อำนาจของเด็กฝึกงาน
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!