ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 153 ดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

บทที่ 153 ดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
โดย
Ink Stone_Fantasy

เมื่อเทียบกันแล้ว รสชาติอาหารของชาวแคนาดานั้นจืดกว่ามาก อย่างซุปไก่ตุ๋นก็แทบจะไม่ใส่เครื่องปรุงอะไรเลยสักนิด หลังจากนีลเซ็นดื่มซุปไปหนึ่งอึกเขาก็บอกว่าซุปนี้อร่อยมาก แต่พอเหมาเหว่ยหลงลองชิมเข้าไปแล้วเขาก็หยิบเกลือและพริกไทยป่นเติมลงไปในซุปจำนวนหนึ่งอย่างไม่ลังเลทันที
ส่วนอีวิลสันก็ไม่ได้สนใจ เขาไม่เลือกกินอาหารยิ่งกว่าเจ้าฉงต้าซะอีก แต่เจ้าฉงต้าที่ถูกฉินสือโอวเลี้ยงดูอยู่ตอนนี้เริ่มที่จะเลือกกินบ้างเล็กน้อย แถมมันยังชอบกินกระดูกอัดแท่งด้วย เรื่องนี้ทำให้หู่จือกับเป้าจือปวดหัวไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อได้ดื่มซุปอุ่นๆ กลิ่นหอมๆ และได้เคี้ยวเนื้อกวางย่างเหนียวนุ่ม แถมตรงหน้ายังมีแก้วเหล้าเหมาไถอยู่อีกหนึ่งใบ หากเป็นตอนที่ฉินสือโอวกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยล่ะก็ เขาคงไม่กล้าคิดถึงช่วงเวลาแบบนี้เป็นแน่
                “อีกแก้ว อีกแก้ว” ความสามารถในการดื่มของเหมาเหว่ยหลงเริ่มปรากฏออกมา เขาดื่มเหล้าจากขวดเหมาไถขนาดครึ่งลิตรไปแล้วหลายแก้วแต่ก็ยังไม่เมา แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นคนประเภทที่เมื่อพบเจอคนรู้ใจดื่มกันพันจอกก็ยังน้อยเกินไป
ฉินสือโอวนั้นชวนนีลเซ็นดื่มด้วยกัน แต่นีลเซ็นปฏิเสธ อีกทั้งยังบอกว่าบนภูเขายามค่ำคืนแบบนี้อาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องรักษาสติไว้ให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ตอนนี้หู่จือกับเป้าจือดื่มเหล้าเป็นแล้ว ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยที่มาทำบาร์บีคิวรินเบียร์ให้มันทั้งสองตัวดื่ม หลังจากนั้นเมื่อพวกมันได้กลิ่นแอลกอฮอล์ก็จะกระดิกหางไปมาทันที
นีลเซ็นพูดกลั้วหัวเราะออกมา “น่าเสียดายจริงๆ หู่จือกับเป้าจือเป็นสุนัขทหารมาตั้งแต่เกิด ประสาทรับกลิ่นของพวกมันไวต่อกลิ่นที่พิเศษเสมอ ดูพวกมันสิ แค่ชิมเหล้าไปครั้งเดียวก็จำกลิ่นได้แล้ว ถ้าให้พวกมันดมหาสารเสพติดล่ะก็ พวกมันจะต้องทำผลงานได้เยอะแน่นอน”
ฉินสือโอวโอบกอดเจ้าสองตัวนั้นแล้วหัวเราะขึ้นมา “ตอนนี้พวกมันก็ทำผลงานได้เยอะเหมือนกัน แต่ทำให้กับฟาร์มปลานะ”
เขาเทเหล้าลงบนมือของตัวเอง จากนั้นหู่จือกับเป้าจือก็สลับกันยื่นลิ้นสีชมพูออกมาเลีย หลังจากที่ดื่มจนพอใจแล้วพวกมันก็พากันหาวออกมาก่อนจะกระโดดโลดเต้นเข้าไปวุ่นวายกับเจ้าฉงต้าที่นอนอยู่ข้างกองไฟ
เจ้าฉงต้าพาเพื่อนตัวน้อยทั้งสองตัวไปหาต้าไป๋ หู่จือชนเข้ากับต้าไป๋หนึ่งที ทันใดนั้นต้าไป๋ก็เกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา มันยืนขึ้นแล้วยืดคอขู่ใส่หู่จือ จากนั้นหู่จือก็ยืนอุ้งเท้าอ้วนๆของมันดันต้าไป๋ออกไปด้านข้าง
ดูเหมือนหู่จือจะโมโหขึ้นมานิดหน่อยแล้วเช่นกัน มันถลึงตาใส่เจ้าฉงต้าแล้วหันไปเล่นกับเป้าจืออีกครั้ง
เหมาเหว่ยหลงมองดูเหตุการณ์นั้นด้วยรอยยิ้ม แล้วท้ายที่สุดเขาก็ส่ายหัวไปมา “ทำไมเจ้าพวกที่นายเลี้ยงถึงได้ฉลาดขนาดนี้เนี่ย? เจ้าพวกนี้เหมือนเด็กเลย ถ้านายหาวิธีให้ฉันเลี้ยงแลบราดอร์หรือลูกหมีได้ ฉันก็ว่าจะลองเลี้ยงดูเหมือนกัน”
“ขนาดจะเลี้ยงตัวเองให้ดีนายยังทำไม่ได้ นี่นายยังจะเลี้ยงหมาอีกเหรอ?” ฉินสือโอวชำเลืองมองเหมาเหว่ยหลงอย่างดูถูก
เหมาเหว่ยหลงยกเท้าขึ้นเตะขาของฉินสือโอว ทั้งสองคนเลยทะเลาะกันขึ้นมา หลังจากดื่มกินกันจนพอใจพวกเขาก็ล้อมวงรอบกองไฟแล้วพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ส่วนนีลเซ็นที่ไม่มีอะไรทำแล้วก็ขอตัวไปนอน
เพราะรู้ว่าบนภูเขาแห่งนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เหมาเหว่ยหลงจึงพกเกมพีเอสพีของตัวเองมาด้วย จากนั้นเขาก็เล่นเกม ‘วอริเออร์โอโรจิ’ ได้อย่างหน้าชื่นตาบาน
ฉินสือโอวนอนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนบนพื้นหญ้า เขามีรูปตำแหน่งกลุ่มดาวจักรราศีบนท้องฟ้าประเทศแคนาดาอยู่ในโทรศัพท์มือถือ เขามองหากลุ่มดาวจักรราศีที่อยู่บนท้องฟ้าจากรูปในโทรศัพท์มือถือ แต่ปรากฏว่าหาไปหามาก็ยังหาไม่เจอ เขาหาเจอแค่ทางช้างเผือกที่มีรูปร่างเหมือนเข็มขัดสีเงินเท่านั้น
                เมื่อเหมาเหว่ยหลงเล่นเกมจนพอใจแล้วก็หันมาถามฉินสือโอวว่ากำลังดูอะไรอยู่ ฉินสือโอวจึงตอบกลับไปว่า “กำลังมองหาตำแหน่งของกลุ่มดาวจักรราศีอยู่ อย่ากวน ฉันยังหาไม่เจอ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเหมาเหว่ยหลงก็หัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้น “มา คนโง่อย่างนายจะหาเจอกับผีน่ะสิ เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะสอนวิธีหาตำแหน่งกลุ่มดาวจักรราศีให้นายเอง”
                ฉินสือโอวคิดว่าเขาพูดจาไร้สาระ แต่ปรากฏว่าเหมาเหว่ยหลงมาเอนตัวลงนอนลงข้างๆเขาพลางชี้นิ้วไปที่ทางช้างเผือกแล้วพูดขึ้นมา “การจะมองหากลุ่มดาวจักรราศีน่ะไม่สามารถมองหามั่วๆไปทั่วท้องฟ้าได้หรอกนะ แบบนี้ยิ่งหาก็จะยิ่งสับสน นายต้องหาดาวดวงที่สว่างที่สุดดวงหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยเริ่มหาดาวดวงอื่นๆ จากตรงนั้น”
“งั้นฉันจะสอนนายหากลุ่มดาวราศีพิจิกก่อนแล้วกัน กลุ่มดาวนี้หาง่ายที่สุดแล้ว นายเห็นทางช้างเผือกแล้วใช่ไหม?”
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวไม่เคยสนใจทางช้างเผือกเลย อีกอย่างท้องฟ้าที่เมืองไหเต่าก็มองเห็นได้ไม่ชัด แต่ตอนนี้บนเกาะแฟร์เวลซึ่งแทบจะไม่มีมลพิษทางอากาศแห่งนั้น ขอเพียงเป็นวันที่มีอากาศดี ตอนกลางคืนก็จะสามารถมองเห็นทางช้างเผือกที่เป็นเส้นสีขาวจางๆได้อย่างชัดเจน
“มองจากทางช้างเผือกลงมานายก็จะเห็นกลุ่มดาวเรียงตัวกันเป็นรูปทรงตะขอ นั่นแหละคือกลุ่มดาวราศีพิจิก ฉันจะบอกเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ให้นะ กลุ่มดาวราศีพิจิกเป็นกลุ่มดาวลำดับที่แปดในหมู่กลุ่มดาวจักรราศี แถมยังเป็นกลุ่มดาวจักรราศีที่สวยที่สุดและเป็นกลุ่มดาวจักรราศีที่มีจำนวนดวงดาวเยอะที่สุดด้วย”
“มองไปทางทิศตะวันออกของกลุ่มดาวราศีพิจิกสิ มองตามหางของกลุ่มดาวลงมานะ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของมันจะมีกลุ่มดาวเรียงกันเป็นเส้นโค้ง นายสังเกตเห็นรึยัง? นั่นคือกลุ่มดาวราศีธนู มันเป็นกลุ่มดาวลำดับที่ก้าวในหมู่ดาวจักรราศี”
ฉินสือโอวมองไปก็เห็นตามที่เหมาเหว่ยหลงพูด และเมื่อเขาลองเทียบกับรูปภาพในโทรศัพท์มือถืออีกทีทุกอย่างก็ถูกต้องทั้งหมด
                เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกหดหู่จนต้องเอ่ยปากพูดออกมา “ตอนเด็ก ๆ นายคงไม่ได้เอาแต่กินข้าวแล้วก็ขี้โม้ไปวัน ๆ สินะ ถึงได้รู้เรื่องไม่น้อยเลย”
เหมาเหว่ยหลงกลอกตาไปมาแล้วพูดขึ้น “ไปไกล ๆ เลยเจ้าเด็กนี่ เรื่องที่พี่รู้ไม่ใช่น้อย ๆ นะ แต่พี่รู้เยอะเลยล่ะ! เมื่อก่อนที่ไม่เคยแสดงท่าทีดูถูกต่อหน้านายก็เพราะว่ากลัวนายจะน้อยใจไงล่ะ! มา ฉันจะสอนวิชาความรู้ทั่วไปต่อแล้ว กลุ่มดาวราศีธนูไม่เพียงเป็นหนึ่งในกลุ่มดาวที่เห็นชัดที่สุดในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น แต่มันยังเป็นตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในช่วงฤดูหนาวด้วย ทุกวันที่ 16 เดือนธันวาคมของทุกปี ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนตัวเข้ามาอยู่ในวงล้อมของกลุ่มดาวราศีธนู”
“คราวนี้มองถัดไปอีกหน่อย ตรงนั้นน่ะ ตรงกลางทางช้างเผือกนั่น ตรงนั้นเป็นที่ตั้งของกลุ่มดาวหงส์ ตอนนี้เป็นฤดูร้อนเลยทำให้ดาวฤกษ์ทั้งห้าของกลุ่มดาวหงส์ส่องสว่างเป็นรูปกางเขน ซึ่งตรงนั้นก็คือกลุ่มดาวที่เราชาวจีนรู้จักกันในชื่อกลุ่มดาวกางเขนเหนือไงล่ะ แถมมันยังเป็นตำแหน่งปากของหงส์ขาวตัวนั้นพอดีด้วย”
“เดี๋ยวฉันจะสอนนายหาตำแหน่งของกลุ่มดาวสามเหลี่ยมฤดูร้อนแล้วกัน…ตรงนี้เป็นกลุ่มดาวงูใหญ่…อือ งั้นตรงนี้ก็เป็นกลุ่มดาวคนแบกงู นายลองดูที่กลุ่มดาวคันชั่งอีกทีสิ…”
มองว่าเหมาเหว่ยหลงคนนี้เป็นคนไม่ได้เรื่องอีกไม่ได้แล้ว เมื่อเขาอธิบายเรื่องกลุ่มดาวพวกนั้น เขากลับพูดออกมาอย่างกับน้ำไหลไฟดับ ท่าทางตอนที่เขาพูดออกมาก็ดูจริงจังเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวจึงถามออกไปอย่างอดไม่ได้ “นายไปเรียนเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไร? ตกลงตอนนี้นายทำงานอยู่ที่สำนักงานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์หรือว่าอยู่องค์การนาซ่ากันแน่?”
เหมาเหว่ยหลงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “นายจะไปเข้าใจอะไร คนอย่างฉันน่ะยังต้องเรียนเรื่องพวกนี้อยู่อีกเหรอ? ฉันรู้มาตั้งแต่ห้าร้อยปีก่อนแล้ว…”
“งั้นฉันก็เป็นแพทย์จีนโบราณที่เชี่ยวชาญเรื่องการรักษาสุดๆ….” ฉินสือโอวพูดขัดจังหวะเขาขึ้นมาด้วยท่าทีสบาย ๆ
เหมาเหว่ยหลงสำลักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาอย่างขมขื่น “นี่คือสิ่งที่ฉันเรียนจากศูนย์เด็กเล็กตอนที่ยังเป็นเด็กไงล่ะ เฮ้อ ตอนนั้นฉันชอบดูกลุ่มดาวจักรราศีในคาบภูมิศาสตร์ที่สุด ให้ตายเถอะ แป๊บเดียวก็ผ่านมายี่สิบปีแล้ว ทำไมเวลามันถึงได้ผ่านไปเร็วอย่างนี้นะ”
ฉินสือโอวเข้าใจความรู้สึกนี้ได้ดี เมื่อคิดถึงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วก็ยิ่งทำให้เขาไม่พอใจในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง ทั้งสองคนเริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขาจึงตัดสินใจแยกย้ายกันเข้านอน
ช่วงเวลากลางคืนในหุบเขาแบบนี้ไม่ได้เงียบสงบเลย ที่นี่มีเสียงร้องของแมลงดังอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็มีเสียงหมาป่าและหมูป่าร้องคำรามออกมาด้วย ยังดีที่ว่านกทุกชนิดเข้านอนไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกมันอาจจะส่งเสียงดังจนทำให้ทุกคนนอนไม่หลับเอาได้
แม้ว่าจะมีเสียงดัง แต่ฉินสือโอวก็ยังนอนหลับได้ แถมยังนอนหลับสนิทด้วย เสียงดังแบบนี้เทียบไม่ได้กับเสียงดังของรถยนต์และผู้คนในเมืองเลยสักนิด
                แต่เมื่อผ่านไปครึ่งค่อนคืน จู่ๆเสียงเห่าหอนของหู่จือกับเป้าจือก็ดังขึ้นจนปลุกฉินสือโอวให้ตื่น
เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นในตอนกลางคืน นีลเซ็นจึงให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้ยินเสียงสุนัขเห่า ฉินสือโอวก็หยิบปืน AR-15 แล้วออกมาจากเต็นท์ทันที ณ เวลานี้พลังจากลูกธนูคงสู้กับอาวุธปืนไม่ได้แน่นอน
การเคลื่อนไหวของฉินสือโอวนั้นเร็วพอสมควร แต่เมื่อเขาออกมาจากเต็นท์ นีลเซ็นก็ถือปืน SIG-556 รออยู่ด้านนอกก่อนแล้ว ปากกระบอกปืนของนีลเซ็นเล็งไปรอบๆ ขณะกำลังมองไปรอบด้านด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
 “เป็นยังไงบ้าง?” ฉินสือโอวถามออกมา ที่นี่มีบางอย่างผิดปกติ เพราะแม้ว่าเขาจะออกมาแล้ว แต่หู่จือกับเป้าจือก็ยังคงเห่าอยู่ ก่อนหน้านี้หากเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขาปรากฏตัวออกมาเจ้าพวกนี้ก็จะหยุดเห่าทันที
                นีลเซ็นพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ฝูงหมาป่า! หมาป่าสีเทา!”
เมื่อได้ยินคำนั้นเหมาเหว่ยหลงที่เพิ่งจะออกมาจากเต็นท์ก็เข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นทันที จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา “ทำไมยังมีหมาป่าสีเทาอยู่อีกล่ะ? พวกมันสูญพันธุ์ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
นีลเซ็นมองเหมาเหว่ยหลงอย่างงุนงงพลางพูดขึ้น “ใครบอกคุณว่าพวกมันสูญพันธุ์ไปแล้ว? ที่แคนาดายังมีหมาป่าพวกนี้อยู่…อ้อ คงอ่านมาจากในหนังสือสินะ? เมื่อก่อนชาวอเมริกาฆ่าพวกมันเป็นจำนวนมากจนสูญพันธุ์ไปจริงๆ แต่มันก็แค่ในอเมริกาเท่านั้นแหละ อีกอย่างในปี 1995 อเมริกาก็ได้นำเข้าหมาป่าจากเมืองแอลเบอร์ตาไปฝูงหนึ่ง เพราะงั้นตอนนี้น่าจะมีหมาป่าอาศัยอยู่ที่รัฐมอนตานาอีกเยอะเลยล่ะ“
ฉินสือโอวมองไปรอบๆ ตอนแรกก็ไม่มีอะไร แต่เมื่อเขาค่อยๆหันไปด้านหลังเขาก็เห็นดวงตากลมโตสีเขียวหลายคู่จ้องมองออกมาจากเงามืดในป่า เหตุการณ์แบบนี้เหมือนกับในภาพยนตร์ไม่มีผิด เมื่อตกกลางคืนดวงตาของหมาป่าจะกลายเป็นสีเขียวไปจริงๆ
จากนั้นไม่นานดวงตาสีเขียวของฝูงหมาป่าก็ล้อมรอบที่แห่งนี้เอาไว้จนหมด
………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset