ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 998 นั่นมันนิ้วมือของฉัน

พอรู้ว่าวินนี่และลูกปลอดภัย หัวใจที่แขวนอยู่ในอากาศของฉินสือโอวก็ร่วงลงมา เขาอยากจะพุ่งเข้าไปในห้องคลอด แต่หมอผู้หญิงที่เคยปลอบเขารั้งเอาไว้พลางพูดว่า “รอสักครู่นะคะ พวกเราจะส่งคนไข้ไปที่ห้องพักฟื้นทันที พวกคุณไปหาเธอที่นั่นเถอะ”
พยาบาลเข็นวินนี่ออกมา ฉินสือโอวหมอบลงที่หัวเตียงมองวินนี่ที่ใบหน้าซีดขาว ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อแม้แต่ผมก็เปียกชุ่ม เขาพูดอย่างตื่นเต้น “ที่รัก ลูกของเราคลอดแล้ว! ผมเป็นพ่อคน ส่วนคุณเป็นแม่คนแล้ว!”
วินนี่ยังอารมณ์ดีอยู่ เธอยิ้มหวานพลางยื่นมือมาช่วยสางผมที่ถูกเกาจนยุ่งเป็นรังนกของฉินสือโอวแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ “นี่มันช่างสวยงามจริงๆ แต่เป็นลูกสาวหรือลูกชายล่ะ?”
ฉินสือโอวนิ่งไป เขาลืมเรื่องนี้ไปเลยรีบวิ่งไล่ตามพยาบาลคนนั้นไปราวกับพายุ
หมอผู้หญิงยักไหล่พลางพูดกับวินนี่ “เป็นคุณพ่อที่ไม่รอบคอบเลย”
วินนี่หัวเราะพลางพูด “เขาต้องเรียนรู้อีกหน่อย เขาจะเป็นพ่อที่ยอดเยี่ยมได้ค่ะ”
หลังจากทารกคลอดออกมาแล้วต้องส่งเข้าห้องปรับอุณหภูมิเพื่อตรวจและประเมินตามรายการเกณฑ์มาตรฐาน ห้องปรับอุณหภูมิปราศจากเชื้อโดยสิ้นเชิง เหล่าคุณพ่อได้แต่ยืนดูจากกระจกไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่ทารกจะไม่ได้ออกจากห้องปรับอุณหภูมิ เวลานี้จึงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้สัมผัสพวกเขา
ฉินสือโอวตามพยาบาลจนทัน เขาสอดมือเข้าไปในผ้าห่มของทารก นิ้วมือของเขาไปโดนเข้ากับของเล็กๆนุ่มๆ
แบบนี้ฉินสือโอวก็ดีใจในทันที เขาพูดกับพ่อและเหมาเหว่ยหลง “เยี่ยม ผมเป็นพ่อคนแล้ว! เป็นลูกชาย! ผมจับโดนหนอนน้อยของเขา…”
พ่อและแม่ของฉินสือโอวก็ดีใจยกใหญ่ พยาบาลคนนั้นมองฉินสือโอวอย่างจนใจแล้วพูดว่า “คุณผู้ชาย ฉันไม่ได้อยากจะขัดจังหวะนะคะ แต่ที่คุณบีบอยู่ตอนนี้คือนิ้วมือของฉันค่ะ”
เหมาเหว่ยหลงที่กำลังจะชนหมัดกับฉินสือโอวหยุดชะงัก เขาชูแขนค้างไว้ในอากาศด้วยใบหน้าตะลึง
ฉินสือโอวอึ้ง เขาบีบนิ้วอย่างตะลึง ที่แท้เจ้าสิ่งเล็กๆ นิ่มๆ  นี่มีกระดูก…
“ที่จริงลูกของคุณเป็นลูกสาวคนสวยค่ะ” พยาบาลพูดพลางยิ้มเบาๆ
จะลูกสาวหรือลูกชายฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจ ถ้าสามารถมีลูกสาวที่เหมือนวินนี่ได้ นั่นก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก
พ่อของฉินสือโอวถามว่าพยาบาลพูดอะไร ฉินสือโอวฝืนยิ้มพูด “เมื่อครู่เข้าใจผิดครับ เป็นลูกสาวไม่ใช่ลูกชาย”
พ่อของฉินสือโอวพูดอย่างตื่นเต้น “ลูกสาวก็ดี ลูกสาวก็ดี! อะไรนะ ในโทรทัศน์ก็พูดกันไม่ใช่เหรอ ลูกสาวคือความนุ่มนวลอ่อนโยนในหัวใจของพ่อ…”
เหมาเหว่ยหลงตัวสั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ คุณพ่อพูดประโยคเมื่อครู่นี้ใหม่อีกรอบได้ไหม? ผมฟังผิดไปหรือยังไง?
ฉินสือโอวก็ตื่นเต้นเหมือนกัน คิดว่าตัวเองจะมีลูกสาวที่สวยราวกับองค์หญิงน้อยอย่างวินนี่ เขาก็รู้สึกดีใจแทบจะไม่ไหว เขาพูดซ้ำคำที่พ่อพูด “ใช่ๆ ใช่ ลูกสาวคือความนุ่มนวลอ่อนโยนในหัวใจพ่อ ผมมีพ่อแล้ว…”
เหมาเหว่ยหลงย่อตัวลง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
แต่เวลานี้ใครจะสนเรื่องพูดผิดกัน? ฉินสือโอวรู้เพศของลูกแล้วก็วิ่งกลับไปหาวินนี่อย่างรวดเร็วแล้วพูดด้วยความตื่นเต้น “เป็นองค์หญิงน้อย ที่รัก พวกเรามีลูกสาวที่น่ารักหนึ่งคนแล้ว!”
เหมาเหว่ยหลงที่ตามมาด้านหลังถอนหายใจ ดีที่เขาไม่พูดว่า ‘เป็นพ่อคนหนึ่ง’
วินนี่เผยรอยยิ้มที่สุขใจ พยาบาลดันฉินสือโอวออกพลางพูด “เอาล่ะ ตอนนี้ภรรยาของคุณต้องการการพักผ่อน ให้เธอหลับสักงีบเถอะค่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาหาเธอดีไหมคะ?”
ฉินสือโอวจูบที่หน้าผากของวินนี่แล้วเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย เหมาเหว่ยหลงถามเขาว่าจะไปไหน เขาตอบอย่างแน่วแน่ “ไอ้เซ่อ นอกจากไปดูลูกสาวแล้วฉันจะไปไหนได้อีกล่ะ?”
เหมาเหว่ยหลงได้แต่ปล่อยให้เขาคลั่ง เดินตามเขาไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
พอถึงห้องปรับอุณหภูมิ เหมาเหว่ยหลงเห็นฉินสือโอวแนบอยู่ที่กระจกหน้าต่างดูท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์ เขารีบถาม “มีเรื่องอะไร?”
ฉินสือโอวหมุนตัวพิงกระจกแล้วค่อยๆ ย่อตัวลง มือทั้งสองปิดหน้าไว้ เหมาเหว่ยหลงถอนใจพลางตบไหล่เขา “ตื่นเต้นมากเลยใช่ไหม? อารมณ์พลุ่งพล่านมาก? เฮ้อ เวลาผ่านไปไวจริง…”
“บ้าเอ๊ย!” ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะด่าออกมา “ท่าทางฉันเหมือนตื่นเต้นเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงสับสน ฉินสือโอวชี้ไปด้านหลังพลางพูดอย่างเศร้าโศก “ตรงนั้นคือลูกสาวฉัน แม่เจ้า ทำไมเธอถึงขี้ริ้วขนาดนั้น? ไหนว่าเหมือนองค์หญิงน้อยแบบวินนี่ไง? ทำไมขี้เหร่อย่างนี้?”
เหมาเหว่ยหลงยังคงตบไหล่ปลอบเขา “แกนี่โง่จริงนะ? ทารกเพิ่งคลอดจะดูรูปร่างหน้าตาออกได้ยังไง? แกต้องรออีกหน่อย โดยเฉพาะผู้หญิงจะเปลี่ยนแปลงไปมากเลย”
ฉินสือโอวยังคงเศร้า “มันไม่น่าเป็นอย่างนี้ วินนี่สวยขนาดนั้น และฉันรับประกันเลยว่าเธอไม่เคยศัลยกรรม ฉันเองก็หล่อขนาดนี้ พูดกันตามเหตุผลแล้ว…”
เหมาเหว่ยหลงตัดบท “เดี๋ยวๆ ครึ่งแรกฉันไม่ค้านแต่ครึ่งหลังอันนี้ ฉิน เปิดใจพูดกันตรงๆ นะ ความคิดที่แกมีต่อรูปลักษณ์ของแกเหมือนมันจะไม่ใช่นะ?”
ฉินสือโอวพูดพลางจ้องมองไปที่เขา “ที่แกพูดหมายความว่าไง?”
เหมาเหว่ยหลงยิ้มแหยๆ “ก็ไม่ได้มีอะไร ก็ตอนที่เรียนมหาลัยมีครั้งหนึ่งฉันกับพวกพี่เหล่ย คุยกันถึงผู้ชายอย่างพวกเรา ตอนนั้นพวกเราต่างเห็นตรงกันว่านายน่าจะหาเมียได้ยาก”
“ไสหัวไปเลย!”
ทารกที่เพิ่งคลอดดูไม่ดีจริงๆ แม้ว่าแม่จะเป็นสาวสวยอย่างวินนี่ก็ตาม ตอนนี้เจ้าตัวเล็กเป็นเหมือนลิงน้อย ผิวหน้าย่น บนหัวมีเพียงขนบางๆ สำหรับพวกตาโตๆ ลักยิ้มเล็กๆ นั้นคงอยู่ได้แค่ในจินตนาการ
พอแน่ใจเรื่องเพศของลูกแล้ว เรื่องที่ตามมาก็คือชื่อ
ฉินสือโอวปรึกษากับวินนี่อยู่ครู่หนึ่ง ชื่อภาษาจีนของเจ้าตัวเล็กคือฉินเวย ชื่อภาษาอังกฤษคือแฮธาเวย์ แปลว่าพลังแห่งการอุปถัมภ์ของนักบุญในภาษาฮีบรู
ทั้งสองชื่อล้วนเป็นชื่อโหล คนจีนที่ชื่อฉินเวยมีไม่น้อย ส่วนชื่อภาษาอังกฤษว่าแฮธาเวย์เยอะยิ่งกว่า
เหมาเหว่ยหลงได้ยินชื่อที่พวกเขาตั้งแล้วก็ส่ายหัวหมดความเห็น พวกแกยึดติดกับคำว่าเวยไปแล้ว?
พ่อและแม่ของฉินสือโอวไม่สนใจ ชื่อที่พวกเขาตั้งต้องเป็นสามพยางค์แน่นอน ตรงกลางเป็นชื่อต้นตระกูล แต่ฉินสือโอวไม่มีทางให้พ่อแม่ตั้งชื่อให้ลูกเขาแน่ ชื่อของเขาถือเป็นบทเรียนแล้ว ฉิน! สือ! โอว!
พออ่านเร็วๆ ไม่ว่าจะด้วยสำเนียงถิ่นหรือภาษาจีนกลางก็ล้วนคล้ายคำว่าฉินที่แปลว่านก! และโส่วที่แปลว่าสัตว์ป่า!
ฉินสือโอวยังอยากตั้งชื่อเล่นให้ลูกสาว ตอนนี้ชื่อเล่นของเด็กที่กำลังนิยมจะเกี่ยวกับของกิน ฉินสือโอวกับวินนี่ตัดสินใจว่าจะต้องตั้งให้ตามเทรนด์ อย่างนั้นก็ให้ลูกชื่อว่าเถียนกวา
พอได้ยินชื่อของหลานสาว พ่อและแม่ของฉินสือโอวก็ตกตะลึง พวกเขาได้ยินเด็กชื่อว่าเถียนกวาเป็นครั้งแรก
แต่ฉินสือโอวและวินนี่ชอบชื่อนี้ เถียนกวาสองคำนี้รวมกันแล้วเป็นผลไม้ที่น่ากินมาก ถ้าเรียกแยกกันว่าเถียนๆ หรือกวาๆ ก็ฟังดูน่ารัก
เหมาเหว่ยหลงสนับสนุนชื่อนี้มาก แบบนี้เวลาเขาตั้งชื่อลูกในอนาคตก็จะไม่มีความกดดัน เขารู้สึกว่าจะแย่ยังไงก็ยังฟังดูดีกว่าเถียนกวา
ฉินสือโอวภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก นี่เป็นผลงานจากน้ำพักน้ำแรงของเขาและวินนี่ เด็กน้อยมีชื่อแล้วความรู้สึกก็ไม่เหมือนเดิมทันที ตัวเองตั้งชื่อเองเลยรู้สึกว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะดูยังไงก็น่ารัก
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset