เสี่ยวเถียนกวาอยู่ในตู้อบสำหรับเด็กแรกเกิดมาสองวันแล้ว หลังจากเจาะเลือดเพื่อตรวจโรค เจาะของเหลวในร่างกายเพื่อตรวจสุขภาพอย่างครอบคลุมทุกด้านแล้ว คุณหมอก็นำใบตรวจสุขภาพแผ่นหนึ่งมาให้ ขณะเดียวกันก็พาลูกเป็ดขี้เหร่เสี่ยวเถียนกวาเข้ามาส่งให้วินนี่ด้วยเช่นกัน
ตอนที่วินนี่อุ้มเสี่ยวเถียนกวาเอาไว้ ฉินสือโอวก็ได้รู้แล้วว่าสิ่งที่เรียกว่าความรักของแม่คืออะไร สายตาของเธอที่มองไปยังเด็กน้อยล้วนแต่เต็มไปด้วยความแปลกใหม่ นี่แตกต่างกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างพวกหู่เป้าฉงหลัว ขณะที่วินนี่กำลังโอบอุ้มเสี่ยวเถียนกวา มันคล้ายกับว่าทั้งสองคนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
เมื่อได้ผลตรวจสุขภาพ พ่อฉินถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา เขากล่าวว่า “เมื่อสองวันก่อนพ่อไปถามที่โรงพยาบาลที่บ้านเก่าของพวกเรา มีแต่เด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดกับเด็กทารกที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่านั้นที่จะต้องเข้าตู้อบ ตอนนั้นเถียนกวาของพวกเราก็ถูกส่งเข้าตู้อบเหมือนกัน ทำเอาพ่อใจหายใจคว่ำแทบแย่”
แม่ของฉินสือโอวจึงพูดปรามพ่อฉินว่า “เพราะอย่างนั้นพ่อก็ดูละครให้มันน้อยๆ ลงหน่อยแล้วกัน”
พ่อฉินก็ตอบกลับด้วยความคับแค้นใจว่า “พ่อไปถามเขามา ไม่ได้ดูมาจากละครทีวี”
แม่ฉินมองตาขวางใส่ตาเฒ่า พร้อมกับพูดว่า “พ่อไปถามเขามา? ไปถามมาจากละครเรื่องไหนล่ะ?”
พ่อฉินยืดเส้นที่คอไปมา สุดท้ายก็พูดขึ้นมาอย่างจนปัญญาว่า “ละครหลายๆ เรื่องก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น”
แม่ฉินร้องหึๆ พร้อมทั้งแสดงสีหน้าแบบฉันว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ออกมา
จากความคิดเห็นของวินนี่ หากร่างกายของทั้งแม่และลูกไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้าเช่นนั้นก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว พ่อฉินแม่ฉินไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด เนื่องจากฤดูหนาวของนิวฟันด์แลนด์หนาวเย็นจนเกินไป พวกเขากลัวว่าถ้าลูกสะใภ้กับหลานสาวออกจากโรงพยาบาลเร็วเกินไปแล้วจะถูกอากาศหนาวเย็นทำให้เป็นหวัดอะไรแบบนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ คงจะต้องวุ่นวายมากแน่ๆ
ยังมีผู้หญิงอีกสองคนที่คลอดลูกพร้อมกันกับวินนี่ หลังจากคลอดลูกเสร็จ และให้กลูโคสไปหนึ่งคืนพวกเธอก็พากันกลับบ้านแล้วทั้งคู่ นี่ทำให้วินนี่รู้สึกอิจฉามากๆ
หลังจากคลอดลูกแล้วผู้หญิงผิวขาวกับผู้หญิงผิวดำจะไม่ได้พิถีพิถันมากนัก ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายของพวกเธอด้วย ชาวตะวันตกมีเส้นขนที่หนา มีรูขุมขนกว้าง มีข้อต่อกระดูกที่หนามาก อีกทั้งตั้งแต่เล็กจนโตก็ยังทานโปรตีนและไขมันเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกเธอมีความสามารถในการต้านทานโรคที่ดีมากในช่วงวัยสาว
ทว่าทางด้านผู้หญิงจีนนั้นทานอาหารจำพวกไฟเบอร์เป็นหลักมาตั้งแต่ยุคโบราณ ทานธัญพืชทั้งห้าชนิดและพืชผักเป็นจำนวนมาก เนื่องจากทานอาหารรสชาติอ่อนๆ บวกกับสุขภาพร่างกายของผู้หญิงชาวจีนที่ค่อนข้างอ่อนแออยู่แล้ว ดังนั้นผู้หญิงชาวจีนจึงมีภูมิคุ้มกันหลังคลอดที่ค่อนข้างย่ำแย่ จำเป็นต้องฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งการอยู่เดือนก็คือวิธีการฟื้นฟูร่างกายวิธีหนึ่ง
ทั้งสองฝ่ายต่างก็คิดว่าตัวเองมีเหตุผล ด้วยเหตุนี้การปะทะกันลับหลังก็เริ่มต้นขึ้น วินนี่ยิ้มแย้มแสดงท่าทางว่าง่ายเชื่อฟังอยู่ตลอดแต่ก็ไม่ลืมที่จะแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาอยู่เสมอๆ ส่วนพ่อฉินกับแม่ฉินต่อหน้าก็บอกว่าพวกเราเคารพความคิดเห็นของหนู แต่จริงๆ แล้วก็จะยังให้ยึดตามประเพณีของตัวเอง
novel-lucky
ฉินสือโอวถูกบีบให้กลายเป็นคนกลางอีกครั้ง คราวนี้แม่ฉินมาพูดกับเขาว่า “แกบอกให้วินนี่ดูแลสุขภาพให้ดีหน่อยสิ ตอนนี้เธอยังอายุน้อย เลยไม่รู้ถึงความร้ายแรงของมัน ถ้าตอนนี้พลาดอะไรไป แล้วหลังจากนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ? คนที่ต้องทุกข์ยากก็เป็นคนในครอบครัวของพวกเราเองไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวยกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า “พอแล้ว พอแล้ว เรื่องนี้ผมจะจัดการแน่ๆ จะจัดการให้อย่างดีเลย โอเคไหมครับ?”
หลังจากนั้น เขาก็ไปหาวินนี่ แล้วพูดกับเธอว่า “ตามความเห็นของพ่อกับแม่ คุณจะยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้นะครับ”
วินนี่รีบจับเขาไว้ทันที เธอเผยสีหน้าน้อยอกน้อยใจทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้แล้วพูดกับเขาว่า “คุณสามีคุณไม่รักฉันแล้วเหรอคะ?”
ฉินสือโอวจึงพูดกับเธอว่า “ว่าง่ายๆ หน่อยนะครับ เดี๋ยวผมให้พ่อกับแม่กลับบ้าน แล้วพวกเราก็อยู่ด้วยกันที่นี่ พอถึงตอนนั้นถ้าคุณอยากเล่นโยคะก็เล่นโยคะไป ถ้าอยากไปวิ่งเดี๋ยวผมไปวิ่งเป็นเพื่อน ที่นี่แตกต่างกับที่บ้านด้วยเหรอครับ?”
เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถ้าจะแก้ปัญหาระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ ก็ต้องแยกพวกเธอให้อยู่ห่างกันสักระยะ ต้องมีระยะห่างถึงจะทำให้เกิดสิ่งที่ดีๆ ขึ้นมา
จีนกับแคนาดามีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แม่ฉินเป็นตัวแทนของคุณแม่ชาวจีนที่ยึดติดกับประเพณีที่สืบต่อกันมา ส่วนวินนี่ก็เป็นตัวแทนของภรรยาในยุคสมัยใหม่ ทั้งสองฝ่ายต้องเจอหน้ากันทุกวัน ถ้าไม่มีความขัดแย้งเลยก็คงจะแปลก
วินนี่ยอมรับข้อเสนอข้อนี้ของฉินสือโอวแล้ว ทว่าพ่อฉินกับแม่ฉินไม่ค่อยอยากกลับบ้านเท่าไรนัก ฉินสือโอวจึงพูดกับพวกเขาว่า “ที่บ้านยังเลี้ยงเด็กๆ ไว้อีกตั้งหนึ่งฝูง ต้องให้วินนี่กลับ หรือไม่ก็พ่อกับแม่ต้องเป็นฝ่ายกลับ”
แม่ฉินรีบพูดอย่างเด็ดขาดทันที “พวกเราจะกลับเอง ให้วินนี่บำรุงรักษาร่างกายให้ดีเถอะ”
ที่แคนาดาไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการอยู่เดือนหลังคลอด แต่ว่าคุณหมอก็สนับสนุนให้เหล่าคุณแม่มือใหม่ให้ระวังเรื่องการฟื้นฟูสุขภาพหลังการคลอดเช่นกัน
เนื่องจากจากข้อมูลการสำรวจขององค์การอนามัยโลกแสดงให้เห็นว่า หลังจากเข้าสู่วัยกลางคนผู้หญิงชาวตะวันตกจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่างๆ ทางนรีเวชมากกว่าผู้หญิงจีน โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมจะยิ่งมีอัตราควาเสี่ยงสูง
ถึงแม้ว่าจะมีคำอธิบายในแง่มุมด้านพันธุกรรม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ามันมีความเชื่อมโยงกับสภาพการฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด
โดยเฉพาะในแพทย์แผนจีนที่มีอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจน แพทย์แผนจีนเชื่อว่าภายใต้สภาวะปกติข้อต่อกระดูกของผู้หญิงจะปิดเข้าหากัน แต่หลังจากคลอดลูกเนื่องด้วยกระดูกเชิงกรานที่เปิดออก เอ็นและกระดูกกับช่องว่างของผิวหนังทั่วทั้งร่างกายของผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกจะอยู่ในสภาวะเปิดออกกว้างและคลายตัวทั้งหมด
ในช่วงเวลานี้ อากาศหนาวเย็นจะเข้าสู่ร่างกายผ่านข้อต่อกระดูกที่เปิดออกได้ง่าย
ผ่านไประยะหนึ่ง เอ็นและกระดูกกับช่องว่างของผิวหนังทั่วทั้งร่างกายของผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกก็จะค่อยๆ ฟื้นตัวจนกลับมาอยู่ในสภาวะที่เชื่อมต่อกันตามปกติ และหากโรคภัยที่เกิดจากความหนาวเย็นเข้าสู่ร่างกายในช่วงที่กำลังอ่อนแอ โรคภัยเหล่านั้นก็จะถูกปิดล็อกเอาไว้ในร่างกายอย่างแน่นสนิท และหลังจากตอนนั้นปัญหาร้ายแรงก็จะถูกเก็บเอาไว้ จนนำไปสู่การเกิดโรคภัยต่างๆ
novel-lucky
พ่อฉินกับแม่ฉินกลับบ้านไปแล้ว วินนี่จึงสามารถทำอะไรตามความต้องการของตัวเองได้มากกว่าเดิม โดยปกติแล้วเธอจะฝึกโยคะอยู่ตรงบริเวณพื้นที่ค่อนข้างอ่อนนุ่มในวอร์ดผู้ป่วย พร้อมกับดูแลเสี่ยวเถียนกวาไปด้วย พอถึงตอนเที่ยงอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ฉินสือโอวก็จะพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก
นอกจากนี้แล้ว ตอนที่วินนี่อาบน้ำเขาก็จะเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้เธอจำนวนหนึ่ง เพื่อช่วยบำรุงรักษาร่างกายให้เธอด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้เมื่อถึงเดือนมีนาคม หลังจากที่วินนี่พักอยู่ในโรงพยาบาลได้สิบกว่าวัน ในที่สุดเธอก็ทนอยู่ในบรรยากาศที่น่าอุดอู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว แน่นอนว่าฉินสือโอวเองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน หลังจากคุณหมอตรวจดูแล้วว่าประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายของเธอเป็นปกติดีแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็หอบลูกกลับไปที่บ้านทันที
เสี่ยวเถียนกวาถูกห่อไว้อย่างมิดชิดจนดูเหมือนกับบ๊ะจ่างลูกเล็กๆ ตอนที่ฉินสือโอวอุ้มเธอเข้ามาในบ้าน ฉงต้ายังนึกว่าเป็นของกินอร่อยๆ อะไรสักอย่าง มันถึงได้กระโดดโลดเต้นเข้ามาหาแล้วยื่นใบหน้าอ้วนท้วนที่มีน้ำลายไหลเข้ามาใกล้ๆ
ฉินสือโอวใช้เท้าข้างเดียวส่งฉงต้าขึ้นเครื่องบินฟรีๆ ณ ตอนนี้ความแตกต่างของลูกแท้ๆ กับลูกที่ถูกรับมาเลี้ยงก็เผยออกมาให้เห็นทันที ฉงต้าเจ็บปวดหัวใจมากๆ ตลอดทั้งวันหลังจากนั้นมันก็ไม่สนใจฉินสือโอวอีกเลย
ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวเลยต้องคลุกสลัดผลไม้ให้มันอยู่หลายมื้อ
สำหรับฉงต้าแล้ว ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ด้วยสลัดผลไม้ ถ้ามีจริงๆ ก็แค่ต้องทำให้มันสองมื้อ
ฉินสือโอวทำสลัดติดต่อกันสองวัน ในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนใจบางๆ ของมันได้แล้ว
เป็นครั้งแรกที่พวกเด็กๆ ไวส์ เชอร์ลี่ย์ ตั๋วตั่วได้พบกับเบบี๋ตัวน้อย หลังจากเสี่ยวเถียนกวาถูกอุ้มกลับมาเธอก็กลายเป็นที่สนใจของพวกเขา เด็กๆ ทั้งกลุ่มพากันล้อมรอบเธอเอาไว้พร้อมกับยกไม้ยกมือวิจารณ์เด็กน้อย
ในฐานะที่เป็นพ่อแท้ๆ เดิมทีฉินสือโอวชอบความรู้สึกที่ลูกสาวตัวน้อยกลายเป็นศูนย์กลางของหัวข้อในการสนทนามากๆ แต่พอเขาได้ฟังเรื่องที่คนพวกนี้พูดออกมา ทำไมเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆ ก็ไม่รู้
“อาจารย์ นี่คือศิษย์น้องของผมใช่ไหมครับ? ไม่ได้นะ แขนกับขาของเธอเล็กและสั้นเกินไปแล้ว เหมือนตะเกียบไม่มีผิด แบบนี้ไม่มีทางฝึกวิชามวยได้แน่!”
“นี่คือน้องตัวเล็กเหรอ? ว้าว ตัวเล็กจัง ดูมือเล็กๆ เท้าเล็กๆ ปากเล็กๆ กับดวงตาเล็กๆ ของเธอสิ เล็กไปหมดทุกอย่างเลย”
“พี่วินนี่ไปคลอดลูกที่แอฟริกามาเหรอ? ทำไมผิวของน้องตัวน้อยถึงได้ดำขนาดนี้ล่ะ?”
“คิดว่านี่เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ทำไมฉันถึงมองไม่ออกเลยล่ะ?”
หลังจากที่เด็กๆ ถกกันอย่างกระตือรือร้นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ผลจากการหารือว่า เด็กคนนี้ขี้เหร่จริงๆ ไม่น่ามองเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่น่าสนุกเลยสักนิด พวกเราไปเล่นกันเองดีกว่า
ฉินสือโอว “…”
……………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1001 ไม่สนุกเลยสักนิด
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!