ขณะที่อุ้มลูกสาวเอาไว้ ฉินสือโอวก็ยิ้มหัวเราะแหะๆ ออกมา เขาพูดอย่างห่วงหาและอ่อนโยนว่า “วินนี่ ดูสิตอนนี้ลูกสาวของพวกเรายิ้มอย่างมีความสุขมากๆ เลย เธอต้องสัมผัสได้ถึงพลังของความสัมพันธ์ทางสายเลือดแน่ๆ”
วินนี่จึงพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถ้าเธอรู้ว่าคุณหาว่าเธอขี้เหร่ เธอจะต้องฉี่ใส่คุณแน่ๆ”
เกี่ยวกับคำพูดของฉินสือโอวในตอนนั้น วินนี่ยังจำมันได้อย่างขึ้นใจ กล้าพูดว่าลูกสาวของเธอขี้เหร่ได้อย่างไรกัน? จิตใจชั่วร้ายมากๆ!
ฉินสือโอวอยู่กับลูกสาวได้ไม่ทันไร เสี่ยวเถียนกวาก็แบะปากร้องไห้แล้ว เขาจึงรีบเขย่าตัวเธอไปมาให้เร็วยิ่งขึ้น วินนี่ก็ตวาดเขาว่า “วางลูกสาวของฉันลงเลยนะคะ คุณเป็นถังปั่นซักผ้าหรือยังไง? เขย่าตัวเธอแบบนั้นได้ยังไงกัน?!”
ปู่กับย่ามีหูที่ไวต่อเสียงของหลานสาวหลานชายมากๆ เด็กน้อยร้องออกมาได้แค่แป๊บเดียว แม่ฉินก็เข้ามาหาอย่างรีบร้อน แล้วถามด้วยท่าทีระมัดระวังว่า “เกิดอะไรขึ้น? หลานเป็นอะไร?”
วินนี่รับเอาเสี่ยวเถียนกวามาไว้กับเธอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณแม่คะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
แม่ฉินแย้มรอยยิ้ม แต่ไม่กล้าถามอะไรต่อ พอเห็นว่าเตียงเด็กอ่อนถูกฉินสือโอวทำเอาซะเละเทะ เธอจึงจัดเตียงใหม่ด้วยความตั้งอกตั้งใจ
ฉินสือโอวเลยถามแทนแม่ของเขาว่า “ลูกเป็นอะไรเหรอครับ?”
วินนี่กลอกตาใส่เขา พูดเบาๆ ว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะอึก็เป็นเพราะหิวนั่นแหละค่ะ ถึงยังไงก็มีแค่สองอย่างนี้เท่านั้นแหละค่ะที่ทำให้ลูกสาวของคุณร้องไห้ออกมา”
ฉินสือโอวตกใจจนแทบช็อก เขาเริ่มคิดถึงวินนี่ตอนที่ยังไม่คลอดลูกขึ้นมานิดๆ แล้ว ในตอนนั้นเธอยังเป็นหญิงสาวที่งดงามด้วยคุณธรรมความดีอยู่เลยนะ
วินนี่เปิดดูผ้าอ้อมผืนเล็กก็เห็นว่ายังสะอาดดี ดังนั้นเธอจึงอุ้มลูกขึ้นไปนอนบนเตียง หามุมที่สามารถหลบสายตาของแม่ฉินได้แล้วหลังจากนั้นก็เลิกชุดนอนขึ้นเพื่อป้อนนมลูก
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังจากที่เสี่ยวเถียนกวาถูกอุ้มเข้ามาหาอ้อมอกของแม่ เธอก็ไม่ร้องไห้ต่อแล้ว เด็กน้อยเม้มปากดูดนมเข้าไปอย่างแรง
ฉินสือโอวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ผมก็หิวแล้วเหมือนกัน”
วินนี่ลูบหลังของลูกสาวตัวน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ฉันเลี้ยงได้แค่คนเดียวค่ะ คุณเลือกเองเถอะ ว่าจะให้ฉันเลี้ยงคุณหรือลูกสาวของคุณ”
ฉินสือโอวตอบว่า “ต้องเป็นผมอยู่แล้ว ให้ลูกสาวเรากินนมผงก็ได้ หรือถ้านมผงไม่มีประโยชน์ก็ยังมีนมวัว”
วินนี่จูบหน้าผากของลูกสาวหนึ่งครั้ง แล้วบอกกับเธอว่า “จำผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ไว้นะคะ เขาจะแย่งไม่ให้ลูกกิน ต่อไปลูกต้องแย่งของกินมาจากเขานะ แย่งได้แล้วก็เอามาให้แม่”
ฉินสือโอวก็พูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ถ้าคุณหิว ผมยังมีของข้างล่างให้คุณกินนะ”
วินนี่แสดงสีหน้าแบบฉันยอมแพ้คุณแล้ว พร้อมกับพูดอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีว่า “ลูกสาวของเรายังเล็กขนาดนี้ คุณอย่าพูดจาไร้สาระสิคะ เอาเถอะ ฉันจะป้อนนมให้ลูก คุณเองก็ง่วงนอนแล้ว เล่านิทานให้เธอฟังสิคะ เริ่มเล่าตั้งแต่ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซนเลยนะคะ”
ฉินสือโอวพูดด้วยไม่เต็มใจว่า “ผมถือโอกาสตอนที่เธอยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรถึงได้พูดแบบนี้ออกมา ตอนนี้เธอยังไม่รู้อะไรสักอย่าง รอจนเธอรู้ความแล้วผมค่อยเล่านิทานให้เธอฟังไม่ได้เหรอ?”
วินนี่เอาแต่ยิ้มไม่ยอมพูดอะไรออกมา เธอฮัมเพลงขึ้นมาด้วยเสียงอันเบา ถึงแม้ว่าเสียงฮัมเพลงของเธอจะไม่ได้ไพเราะสมบูรณ์แบบ แต่เพลงที่ฮัมออกมากลับน่าฟังมาก ฉินสือโอวฟุบอยู่ข้างๆ ลูกสาวจ้องมองดูใบหน้าเล็กๆ ที่กำลังรู้สึกพึงพอใจของเธอ ฟังเพลงด้วยความเคลิบเคลิ้ม
ตอนที่คุณเพิ่งเรียนภาษาอังกฤษแรกๆ คุณเข้าใจหลักไวยากรณ์ไหมคะ?” อยู่ๆ วินนี่ก็ถามเขา
ฉินสือโอวก็ตอบเธอกลับไปด้วยจิตใต้สำนึกว่า “หือ? หมายถึงยังไงนะ ตอนนั้นผมก็ต้องไม่เข้าใจอยู่แล้ว”
ที่จริงแล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่เหมือนเดิม
คิวโก่งๆ ของวินนี่ก็ยกสูงขึ้นทันที เธอหรี่ตาแล้วถามเขาว่า “ไม่เข้าใจ แล้วอย่างนั้นทำไมคุณถึงยังเรียนภาษาอังกฤษอยู่อีกละคะ?”
ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญาว่า “การเรียนรู้ไงครับ มันไม่ได้เริ่มต้นจากความไม่รู้หรอกเหรอครับ?”
วินนี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นคุณถึงต้องเล่านิทานให้ลูกฟัง เล่าไปจนกว่าลูกสาวของเราจะเข้าใจ พอถึงตอนนั้นคุณก็ไม่ต้องเล่าแล้วค่ะ”
ฉินสือโอวรีบตอบกลับไปทันที “มันไม่เหมือนกันนะครับ ตอนนั้นผมไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่ผมรู้ความแล้ว และที่พวกเราเรียนภาษาอังกฤษก็เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดให้ทำ”
วินนี่พูดปัดเขาอย่างเผด็จการว่า “เริ่มตั้งแต่คืนนี้ คุณพ่อนี่เป็นข้อบังคับเหมือนกันค่ะ!”
ฉินสือโอวไม่พูดอะไรแล้ว เขาทำได้แค่ปิดปากเงียบ ขมวดคิ้วมองหน้าลูกสาวอย่างงงงัน
วินนี่ถลึงตาใส่เขาด้วยความหงุดหงิด “นี่เป็นลูกของคุณไม่ใช่เหรอคะ เล่านิทานให้ลูกฟังมันจะเหน็ดเหนื่อยอะไรขนาดนั้นกัน?”
ฉินสือโอวพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจว่า “อะไรกันครับที่รัก ผมกำลังเตรียมการอยู่นะ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี”
“ถ้าอย่างนั้นก็เล่าเรื่องลูกเป็ดขี้เหร่ที่กลายเป็นหงส์สิคะ” วินนี่เลือกนิทานให้หนึ่งเรื่อง ต่อจากนั้นก็พูดเสริมอีกว่า “ฉันเองก็กำลังอยากฟังอยู่พอดี”
ฉินสือโอวกระแอมไอออกมา นิทานเรื่องนี้เขาจำได้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มเล่าเรื่องด้วยเสียงอันเบา
แน่นอนว่าเขาไม่ได้จำได้แม่นขนาดนั้นอยู่แล้ว จึงเล่าแค่ใจความคร่าวๆ ให้ฟังหนึ่งรอบ เขาเล่านิทานไม่ค่อยเป็นตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็กแล้ว ทุกครั้งที่เขียนเรียงความก็ปวดกระบาลจนแทบทนไม่ไหว ก็เหมือนกับเด็กผู้ชายส่วนใหญ่นั่นแหละ ความเก่งกาจของท่านชายฉินอยู่ที่ด้านวิทยาศาสตร์ เขาเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าถ้ามีความรู้ด้านเคมี ฟิสิกส์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ไม่ต้องกลัว
วินนี่พูดกับเขาอย่างไม่พอใจว่า “เล่าอีกเรื่องสิคะ”
ฉินสือโอวพูดกับเธอพร้อมหัวเราะคิกๆ ทันที “มันจะเกินความสามารถที่จะรับไหวเอานะครับ ให้ลูกสาวของเราทบทวนบทเรียนสักหน่อยเถอะ คนเป็นพ่ออย่างผมก็จะได้เตรียมตัวล่วงหน้าด้วย”
วินนี่ “…”
เห็นว่าลูกสาวกินนมจนอิ่มแล้ว ฉินสือโอวก็รับเอาเธอมาอุ้มเอาไว้ เขาชอบตอนที่ลูกสาวกินจนอิ่มแล้วว่าง่ายๆ ถ้าเด็กน้อยร้องขึ้นมา เขาจะรู้สึกว่าเด็กคนนี้เลี้ยงยากทันที
ประคองลูกสาวให้นั่งทับอยู่บนอกของตัวเอง ฉินสือโอวเห็นว่าวินนี่ยังคงไม่พอใจกับความสามารถในการเล่านิทานของเขา ฉินสือโอวก็นึกวิธีแก้ปัญหาขึ้นมาได้ ใช้มือข้างหนึ่งจับลูกสาวเอาไว้ ใช้กดมืออีกข้างกดหัวเล็กๆ ของเธอ แล้วถามว่า “เถียนกวา คุณแม่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเลยใช่ไหมคะ?”
พอพูดจบ เขาก็กดหัวของเด็กน้อยลงไปเบาๆ เท่านี้เด็กหญิงตัวน้อยก็พยักหน้ารับแล้ว
พอได้เห็นภาพนี้ วินนี่ก็ยิ้มออกแล้ว
ฉินสือโอวหันหัวของเด็กน้อยกลับมา แล้วถามเธออีกครั้งว่า “เถียนกวา คุณพ่อเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลกเลยใช่ไหม?”
เขากำลังจะกดหัวของเด็กน้อยลงอีก แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้ลงมือ เด็กหญิงตัวน้อยก็อ้าปาก แล้วแหวะนมออกมา…
แม่ของฉินสือโอวเพิ่งจะทำความสะอาดเตียงเด็กอ่อนไปเมื่อกี้ เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยแหวะนมออกมา เธอก็รีบเข้ามาสั่งสอนลูกทันที เธอตบหลังของเด็กหญิงตัวน้อยเบาๆ แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “เมื่อกี้แกทำอะไร? ทำไมลูกถึงแหวะนมออกมา”
วินนี่ก็พูดยิ้มๆ อย่างมีความสุขว่า “เขาไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ แค่พูดอะไรบางอย่างออกมา บางทีอาจจะทำให้เสี่ยวเถียนกวารู้สึกพะอืดพะอมก็ได้”
แม่ฉินไม่รู้ว่าทำสองคนกำลังพูดเล่นเรื่องอะไรกัน เธอจึงส่ายหัวอย่างคิดเป็นจริงเป็นจัง “เด็กแหวะนมออกมา ถ้าอย่างนั้นจะให้นอนลงไปเลยไม่ได้ ทั้งสองคนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ รออีกสักพักค่อยปล่อยให้ลูกนอน”
เสี่ยวเถียนกวาไม่สนใจว่าจะถูกใครอุ้มไป พอได้กินจนอิ่มท้องแล้วเธอก็เล่นกับนิ้วโป้งของตัวเองอย่างจดจ่อต่อไป
ฉินสือโอวก็อยากให้แม่ของเขามาพาลูกเขาไปเหมือนกัน เขาโดดเดี่ยวเดียวดายมานานแล้วนะ คาดว่าวินนี่เองก็น่าจะมีความคิดคล้ายๆ กัน พอแม่ฉินปิดประตู เธอก็กอดฉินสือโอวเอาไว้ทันที…
เที่ยงวันต่อมาบัตเลอร์ก็มาถึงที่นี่แล้ว เขาตรงไปที่ห้องแช่เย็นเพื่อดูปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือทั้งสี่ตัวทันที หลังจากตรวจสอบปริมาณไขมันเรียบร้อยแล้ว พอได้เจอกันกับฉินสือโอวเขาก็พูดด้วยความคึกคักดีใจว่า “เป็นปลาดีๆ ทั้งสี่ตัวเลย คอยดูผมสิ ฉันต้องทำเงินมหาศาลได้อย่างแน่นอน!”
ฉินสือโอวตอบว่า “น่าเสียดายที่ญี่ปุ่นประมูลราชาปลาแค่ตัวเดียว ไม่อย่างนั้นคงทำเงินได้มหาศาลจริงๆ”
บัตเลอร์พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มองให้กว้างๆ หน่อย เพื่อนเอ๊ย ไม่ได้มีแค่ญี่ปุ่นที่มีการประมูลอาหารทะเล ที่ฮอลแลนด์ก็มี! ส่งตัวที่ใหญ่เป็นอันดับสองไปที่ญี่ปุ่น เหลือปลาที่ตัวใหญ่ที่สุดไว้ให้ฮอลแลนด์ คอยดูการโปรโมตของฉันเถอะ ปลาทั้งสองตัวนี้ต้องสามารถสร้างสถิติได้อย่างแน่นอน”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็คิดๆ อยู่สักครู่ “สองตัวที่เหลือ ตัวหนึ่งส่งไปไมอามี ส่วนอีกตัวส่งไปที่นิวยอร์ก ฉันก็จะจัดงานประมูลเล็กๆ แล้วเรียกคนมารวมกันเพื่ออุ่นเครื่องรอเหมือนกัน ถึงจะขายได้ราคาไม่สูงเท่าที่ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ แต่จะทำกำไรเพิ่มอีกหลายๆ เท่าก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
……………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1005 จะอ้วกแล้ว
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!