ฉินสือโอวหาตะกร้าหวายมาให้อีวิลสันและให้เขาไปเอาไข่เป็ดที่เก็บไว้ในตู้น้ำแข็งมา
“เอามาต้มกินเหรอ?” อีวิลสันถามอย่างสงสัย
ฉินสือโอวใช้โทรศัพท์มือถือหารูปไข่เค็มให้เขาดูและพูดว่า “ไม่ เราจะเอามาดองกิน”
อีวิลสันคิดสักพักแล้วยิ้มกว้างออกมาก “น่ากิน!”
หลังจากดูรูปแล้ว อีวิลสันก็ไปที่ตู้น้ำแข็งอย่างมีความสุข พ่อฉินและฉินสือโอวก็ล้างโถเซรามิกรอ เมื่อพวกเขาทำความสะอาดโถเสร็จแล้ว อีวิลสันก็กลับมาพร้อมกับไข่เป็ดที่มีความชื้นในตะกร้าหวายพอดี ไข่เป็ดที่เก็บไว้ในตู้น้ำแข็งนี้จะใช้น้ำทะเลในการหมัก
ไข่ไก่ ไข่เป็ดและไข่ห่านไม่สามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำได้ เนื่องจากในไข่ขาวมีโปรตีนเป็นหลักและจะถูกทำลายได้ง่ายหากอุณหภูมิต่ำเกินไป ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถกินได้ ดังนั้นอุณหภูมิจึงต้องไม่ต่ำเกินไปเพราะจะทำให้เน่าเสียได้ง่าย
ด้วยเหตุนี้ฉินสือโอวจึงวางกล่องพลาสติกขนาดใหญ่ไว้ในตู้น้ำแข็งน้ำและใส่น้ำทะเลไว้ข้างใน เพราะในน้ำทะเลมีส่วนประกอบของเกลืออยู่ เปลือกของไข่ไก่ ไข่เป็ดและไข่ห่านส่วนใหญ่จะเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งสามารถทำปฏิกิริยาและจะทำให้เก็บรักษาไข่ได้นานขึ้น
พ่อฉินเชี่ยวชาญในการดองไข่เค็ม ฉินสือโอวจำได้ว่าตอนเด็กๆ ในหมู่บ้านของเขาถ้าจะดูว่าใครดองไข่เค็มได้ดีหรือไม่ดี จะต้องดูที่สีของไข่แดงของไข่เป็ดและความเยิ้มของน้ำมันในไข่แดง ซึ่งน้ำมันที่เยิ้มในไข่แดงจะบอกได้ว่าไข่เค็มฟองนี้ดองออกมาได้ดีที่สุด
ที่บ้านเพื่อนของฉินสือโอว ส่วนใหญ่จะดองไข่เค็มให้มีน้ำมันเยิ้มในไข่แดงกันไม่ค่อยได้ แต่การดองไข่เค็มของพ่อและแม่ของเขากลับประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนบางครั้งเพื่อนบ้านต้องเอาไข่มาให้พวกเขาดองให้
ต่อมาพอเข้ามาในเมือง ฉินสือโอวก็พบว่าไข่แดงของไข่เป็ดในซูเปอร์มาร์เก็ตก็มีน้ำมันเยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขามีความสุขอยู่พักหนึ่ง เพราะจากนั้นไม่นานข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับไข่เค็มซูดานก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว…
หลังจากที่พ่อฉินเห็นกองไข่ไก่ ไข่เป็ดและไข่ห่านในตู้น้ำแข็งของฟาร์มปลาแล้ว ก็คิดเรื่องการดองไข่เค็มก่อนทันที ก่อนหน้านี้เขาเตรียมของเกือบครบทุกอย่างแล้ว ซึ่งต้องการแค่เหล้าขาวและเกลือเค็มเท่านั้นเอง
ตามประเพณีบ้านเกิดของฉินสือโอว จะใช้โคลนเหลืองในการดองไข่เค็ม โคลนเหลืองและเกลือผสมกับน้ำแล้วนำมาห่อไข่เป็ด ซึ่งจะทำให้ไข่เค็มที่ดองออกมามีรสชาติอร่อย
ตอนนี้ผู้คนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น การห่อไข่เป็ดด้วยโคลนเหลืองทิ้งไว้ทั้งสกปรกและวิธีการทำค่อนข้างยุ่งยาก พอได้ลองเปลี่ยนวิธีทำดู ก็ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกว่าจริงๆ แล้วการใช้โคลนเหลืองห่อไข่และนำมาการดองนั้นดีที่สุด
เขาจึงปรึกษากับพ่อฉินและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นผมจะไปหาโคลนเหลืองละเอียดๆ มา เราจะได้ใช้วิธีหมักของที่บ้านดีไหม?”
พ่อฉินหันกลับไปมองที่วินนี่พร้อมส่ายหัวแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ มันไม่สะอาด ต้องเปลืองแรงทำความสะอาดอีกที แกมันขี้เกียจมากเกินไปแล้วจริงๆ วินนี่ต้องเป็นคนที่ต้องทำความสะอาดหลังจากนี้นะ!”
ฉินสือโอวหัวเราะ นี่ใช่พ่อหรือเปล่า? ลูกชายฉันขี้เกียจขนาดนี้เลยเหรอ?
พ่อฉินล้างไข่เป็ดให้สะอาดอย่างระมัดระวัง เขาใช้แปรงเช็ดสิ่งสกปรกที่เปลือกไข่จนสะอาด จากนั้นนำออกไปผึ่งให้แห้ง
ฉินสือโอวจึงไปต้มน้ำเกลือ เขาใส่น้ำลงหม้อและเทเกลือถุงใหญ่ลงไปต้มให้ละลาย จากนั้นก็ใส่โป๊ยกั๊กสองสามเม็ด พริกไทยเสฉวนอีกนิดหน่อยและอบเชยหนึ่งชิ้นลงไปต้มด้วยกัน หลังจากต้มจนเดือดแล้วก็รอให้น้ำเย็น แล้วจึงเทลงขวดเหล้าขาว
จากนั้นเทน้ำเกลือลงในโถและใส่ไข่เป็ดตามลงไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ดองไว้ประมาณหนึ่งเดือนก็ใช้ได้แล้ว
ดังนั้นไข่เค็มที่หมักด้วยวิธีนี้จะทั้งอร่อยและสะอาด แต่จะใช้เวลาค่อนข้างนาน พ่อฉินจึงใช้วิธีอื่น ที่ง่ายกว่าและรวดเร็วกว่า ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนก็สามารถดองได้รสเค็มแล้ว
จากนั้นจึงเอาไข่เป็ดในเหล้าขาวที่มีดีกรีสูงเขย่าหนึ่งรอบ แล้วนำเกลือมาห่อไข่เป็ดเป็นชั้นบางๆ แล้วเอาใส่ในถุงพลาสติกก็พอ
วินนี่มองดูอยู่ข้างๆ จึงถามว่า “ทำไมวิธีดองถึงแบ่งเป็นสองแบบล่ะค่ะ?”
ฉินสือโอวโอบเธอพร้อมกับพูดว่า “วิธีหลังจะเร็วมากกว่า เพราะถุงพลาสติกรักษาอุณหภูมิได้ดี เกลือจะเข้าไปได้เร็วกว่า แค่ครึ่งเดือนไข่เป็ดก็จะมีรสชาติเค็ม แต่ไข่เป็ดที่ดองด้วยวิธีนี้จะไม่หอม ถ้าเป็นวิธีแรกจะใช้น้ำหมักเครื่องเทศในการดองไข่เป็ด ดังนั้นจึงจะมีกลิ่นหอมและหลังจากแช่น้ำหนึ่งเดือนไข่แดงในไข่เป็ดก็จะมีน้ำมันออกมาด้วย แต่วิธีนี้จะใช้เวลามากไปหน่อย”
วินนี่พยักหน้าอย่างเข้าใจทันที หลังจากพ่อฉินสาธิตวิธีทำให้ดูสักพัก วินนี่และคนอื่นๆ อีกหลายคนก็เริ่มช่วยกันทำความสะอาดไข่เป็ด จากนั้นไม่นานไข่เป็ดมากกว่าห้าร้อยฟองก็ทำการดองได้สำเร็จ
อีวิลสันนำขวดโหลไปวางไว้ที่ร่มๆ ในวิลล่าอย่างระมัดระวัง เหมือนกับที่ฉินสือโอวเคยทำเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กอยู่ที่บ้าน
พอล้างไข่เป็ดแล้ว ฉินสือโอวสะบัดมือเบาๆ จากนั้นก็ไปดูลูกนกอินทรีทองอีกครั้ง
แม้ว่าห่านหัวสิงโตจะมีนิสัยที่ก้าวร้าว แต่ไม่รู้ว่ามันเคยกินปลาและกุ้งที่มีพลังโพไซดอนไปหรือเปล่า รู้แต่ว่ามันเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก หลังจากโดนเข็มฉีดยาสลบเป็นเวลาหลายวัน มันก็เริ่มรู้ทันแล้ว พอเห็นมีคนถือเข็มฉีดยาสลบเข้ามาใกล้ๆ มันก็จะทำตัวดีๆ ทันที
ฉินสือโอวหยิบเข็มฉีดยาสลบพร้อมกับลากลูกนกอินทรีทองออกมาและหยอดนมเข้าในปากให้มัน
ลูกนกอินทรีทองฉลาดกว่า มันพบว่าแม่ห่านขาวไม่สามารถป้อนอาหารให้มันอิ่มได้ จึงต้องอาศัยหลอดเข็มฉีดยาในมือของฉินสือโอวเพื่อกินให้อิ่มท้อง ดังนั้นตอนนี้ได้เห็นหลอดเข็มฉีดยาก็จะกระตือรือร้นมากกว่าได้เห็นแม่ของมันเองเสียอีก
แค่ในช่วงเวลาสี่ห้าวัน ร่างกายของลูกนกอินทรีทองก็เริ่มมีขนนุ่มและละเอียดเกิดขึ้น สีขนมันไม่ใช่สีเรียบหรือสวยงามอะไร แต่เป็นสีเทาอ่อน ซึ่งมองดูแล้วน่าเกลียดมาก ถ้าไม่ใช่เพราะปากรูปตะขอที่เต็มไปด้วยความดุร้าย เมื่อมันออกไปข้างนอกมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะถูกถอนขนออกจนเป็นไก่ตัวผู้
ฉินสือโอวป้อนนมลูกนกอินทรีทองพร้อมกับใส่น้ำลงในอ่างไปด้วย เพื่อถ่ายทอดพลังโพไซดอนส่วนหนึ่งให้พวกมัน
บุชและนิมิตส์บินตามกันมา ห่านขาวจึงรีบลุกขึ้นยืนอย่างหวาดระแวงทันที มันกระพือปีกเพื่อบังลูกนกอินทรีทองไว้
ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นห่านหัวสิงโตหรือห่านไท่หู พวกมันต่างก็กลัวอินทรีหัวขาว เพราะพวกมันกังวลว่าบุชและนิมิตส์จะทำร้ายแคลร์ตัวน้อย ห่านขาวจึงไม่กลัวตั้งแต่เห็นพวกมันครั้งแรก
บุชและนิมิตส์ไม่มีเจตนาร้ายต่อเจ้าแคลร์ตัวน้อย พวกมันทั้งสองฉลาดมาก เมื่อรู้ว่านี่เป็นความช่วยเหลือจากภายนอกที่สำคัญของพวกมันในอนาคต และยังประจบเอาใจมันอย่างสุดความสามารถ ซึ่งจะเอาปลาตัวเล็กติดมาด้วยทุกครั้งที่กลับมา
น่าเสียดายที่ตอนนี้แคลร์ตัวน้อยไม่สามารถกินอาหารที่มีเส้นใยดิบได้ จึงต้องให้ห่านขาวกินแทน
ฉินสือโอวป้อนนมแคลร์ตัวน้อยจนอิ่ม จากนั้นก็ยัดมันกลับไปให้กับห่านขาว ห่านขาวที่กางปีกออกอยู่ก็พับปีกลงแล้วซ่อนลูกนกอินทรีทองไว้
หลังจากที่ขนเริ่มยาวขึ้น ความสามารถในการต้านทานความหนาวของนกอินทรีทองก็ดีขึ้นและไม่ต้องการความอบอุ่นจากห่านขาวอีกต่อไป แต่ตอนนี้แคลร์ตัวน้อยและห่านขาวมีความผูกพันกันแล้ว ฉินสือโอวจึงไม่ได้บังคับให้พวกมันแยกออกจากกัน
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ฉินสือโอวก็กำลังจะขึ้นไปเตรียมตัวข้างบน พ่อฉินโบกมือให้เขาแล้วพูดว่า “ฉันคุยกับแม่แกแล้วว่าอีกสองวันนี้จะกลับบ้าน”
“ทำไมถึงคิดอยากจะกลับกะทันหันแบบนี้ล่ะครับ? อยู่ที่นี่ช่วยผมกับวินนี่ดูแลเด็กๆ ไม่ดีเหรอ? ถ้าพ่อกับแม่กลับไปแล้วใครจะดูแลเด็กๆ ล่ะ?” ฉินสือโอวจึงพูดด้วยความตกใจ
พ่อฉินจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วพูดว่า “มันดีมากเลยล่ะ อีกอย่างเจ้าเถียนกวาตัวน้อยก็เป็นเด็กดีและเชื่อฟังมากด้วย ที่จริงดูแลเธอมันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร วินนี่คนเดียวก็สามารถทำได้แล้ว ที่บ้านนั้นก็ยังมีงานอีกหลายอย่าง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิบ่อปลาก็มีเรื่องเยอะด้วย อีกอย่างแกยังมีร้านอาหารที่ยังต้องตกแต่งและปรับปรุงใหม่เกือบทั้งหมดอีก ฉันกับแม่แกต้องกลับไปดู”
ฉินสือโอวเกลี้ยกล่อมอยู่สักพัก เขาต้องการให้พ่อกับแม่อยู่ที่นี่ พ่อฉินส่ายหัวและบอกว่าตอนนี้จะกลับไปกับแม่ฉินก่อนและรอจนกว่าเสี่ยวฮุยจะปิดเทอมภาคฤดูร้อน แล้วจะพาครอบครัวมาด้วยกันอีก ถึงตอนนั้นคงจะอยู่ที่นี่ได้นานและจะได้ช่วยดูแลเด็กๆ ด้วย
อาจเป็นเพราะพลังโพไซดอน เถียนกวาตัวน้อยจึงเป็นเด็กดีเชื่อฟังและมีสุขภาพดีกว่าเด็กคนอื่นๆ เธอมักจะนอนลงในรถเข็นเด็กและเล่นนิ้วมือของตัวเอง จะมีแค่ตอนที่รู้สึกหิวหรือรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเท่านั้นที่จะกรีดร้องขึ้นมา เด็กคนนี้ทั้งน่ารักและฉลาดจริงๆ
…………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1024 พ่อแม่กลับบ้านแล้ว
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!