ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1034 ที่แท้นี่ก็คือสมบัติล้ำค่านี่เอง

เมื่อพาเบิร์ดและนีลเซ็นมา ฉินสือโอวก็รู้สึกประหลาดใจตลอดทาง เขารู้ว่ามีสมบัติที่อยู่ทุกหนทุกแห่งในมหาสมุทร แต่สมบัติมากมายขนาดนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับเขาเสมอ ถ้ามองในมุมงานแสดงสินค้า เขายังรู้เรื่องในมหาสมุทรน้อยเกินไป
หลังจากตื่นเต้นอยู่สักพัก เขาก็เห็นว่าสองคนที่อยู่ข้างหลังเขามักจะทำหน้าตาเฉยตลอดเวลาจึงถามว่า “ฉันว่า พวกนายสองคนคงเคยเห็นสิ่งของพวกนี้แล้วใช่ไหม? สควาลีนสามารถป้องกันมะเร็งได้นะ รู้ไหม? โซเดียมแอลจิเนตสามารถป้องกันและรักษาภาวะหลอดเลือดแข็งได้ เข้าใจไหม?”
นีลเซ็นพูดพลางยักไหล่ไปด้วยว่า “ไม่รู้ ไม่เข้าใจ”
ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะตำหนิว่า “ขงจื่อเคยกล่าวไว้ว่า เพราะฉันชอบทิวทัศน์ยามเย็นของป่าเมเปิล ฉันจึงค่อยๆ หยุดรถเพื่อชื่นชมมันอย่างช้าๆ หลังจากน้ำค้างแข็งขึ้นบนใบเมเปิลจะมีสีเป็นสีแดงและแม้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก็ยังมีดอกไม้บานสะพรั่ง ไม่เข้าใจก็ต้องเรียนรู้ ไม่เข้าใจก็ต้องถาม! ดูพวกนายสองคนสิ แค่ตามฉันไปวันๆ แบบนี้ มันจะได้อะไรเหรอไง?”
เบิร์ดและนีลเซ็นมองหน้ากันพร้อมกับรวมหัวแล้วบ่นพึมพำ จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างต่อเนื่อง
ฉินสือโอวคิดว่าคำพูดของตัวเองได้ผล เขาจึงยิ้มอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
สุดท้ายหลังจากนั้น นีลเซ็นถามอย่างลังเลว่า “บอส ที่คุณพูดเป็นกลอนโบราณใช่ไหม? พวกเราเคยเรียนวัฒนธรรมจีน อาจารย์ก็เคยพูดถึงกลอนบทนี้ แต่ไม่ใช่ขงจื๊อเป็นคนกล่าว ยิ่งกว่านั้นความหมายของกลอนบทนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับ ‘การเรียนรู้’ อย่างที่คุณว่าเลยด้วย?”
รอยยิ้มของฉินสือโอวจึงค่อยๆ หยุดนิ่ง…
เขาใช้ประโยคของภาษาจีนพูดตามอำเภอใจเท่านั้น เขาแค่ต้องการให้มันคล้องจองกันและไม่ได้คิดถึงความหมายเอาไว้ด้วย นี่เป็นประสบการณ์ที่เขาได้ข้อสรุปจากการพูดคุยกับชาวประมง เมื่อไรที่แสดงความคิดเห็นจะต้องมาพร้อมกับบทกลอนหรือบทกวีของบุคคลที่มีชื่อเสียงเสมอ จึงจะทำให้คนที่ไม่ได้รับการศึกษาอย่างพวกเขาเคารพและเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง
คนเราถ้าทำเรื่องไม่ดีไว้มากมาย สุดท้ายไม่ช้าก็เร็วเขาจะได้รับผลกรรมนั้น ครั้งนี้คงต้องยอมแพ้แล้ว
ฉินสือโอวกระแอมแทรกขึ้นเพื่อจะพยายามอธิบาย เขามองไปรอบๆ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากอาหารทะเลพลางคิดในใจว่าจะเปลี่ยนภาพลักษณ์อันชาญฉลาดของตัวเองกลับมาได้อย่างไร สุดท้ายเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งสิ่งหนึ่ง
“พวกนายสองคนมาดูนี่ มันคืออะไรเหรอ?”
นีลเซ็นหัวเราะแล้วพูดว่า “บอส คุณอยากจะเปลี่ยนเรื่องใช่ไหมครับ? ผมอยากจะบอกว่าวิธีไม่ได้ผลเอาซะเลย”
ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจจริงๆ เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือวัตถุสีดำคล้ายกระดองเต่าขนาดเท่าหน้าจอแอลซีดีของคอมพิวเตอร์ยี่สิบเอ็ดนิ้ว แต่ข้างบนมันแบนและหยาบมาก ซึ่งไม่เหมือนกับกระดองเต่าที่มีรอยเป็นเส้นๆ
และตรงนั้นยังมีแบบจำลองอีกหนึ่งตัวและมีคนหยิบมันไปดูพอดี จึงทำให้เห็นส่วนท้องข้างในของกระดองสีดำนั้น เมื่อเห็นส่วนท้องของมันแล้วจึงเห็นว่ามีปากขนาดใหญ่มากซึ่งขวางอยู่ตรงกลางท้องและรอบๆ ของกระดองสีดำก็มีแขนขาเรียงกันอย่างหนาแน่น
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน มันคือสัตว์ประหลาดตัวนั้นที่อยู่ในหลุมดำใต้ทะเล ตอนนั้นสัตว์ประหลาดหลายร้อยตัวเชื่อมหางกันต่อเป็นสายและกินหนวดของคราเคนเข้าไป ต่อมาคราเคนจึงใช้กระบองฟันหมาป่าเพื่อแก้แค้นและทุบพวกมันจนตายไปส่วนหนึ่ง
ตอนนั้นเขาสงสัยว่ามันคืออะไร จึงตั้งใจเข้าไปค้นในอินเทอร์เน็ต แต่ก็หาไม่เจอ อีกทั้งยังไปถามแซนเดอร์สด้วยและแม้แต่แซนเดอร์สที่มีประสบการณ์และความรู้ก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีเคยใครค้นพบมาก่อนและไม่มีใครสนใจมันด้วย
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนค้นพบสิ่งนี้แล้วและยังถูกนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอีกด้วย?
เขาเดินไปหยิบแบบจำลองให้เบิร์ดและนีลเซ็นดู หลังจากทั้งสองคนเห็นแล้วจึงส่ายหัวและพูดว่าไม่รู้ คราวนี้พวกเขาจึงเชื่อว่าฉินสือโอวไม่ได้เบี่ยงประเด็นจริงๆ
เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวสนใจกับแบบจำลองนี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงเดินเข้ามาถาม “สวัสดีครับคุณผู้ชาย มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”
ฉินสือโอวจึงยกแบบจำลองในมือขึ้นและถามว่า “ขอโทษนะครับ นี่มันคืออะไร? คุณสามารถบอกผมได้ไหม?”
เจ้าหน้าที่ยิ้มแล้วพูดว่า “แมลงยักษ์โบราณลักษณะคล้ายกับตะขาบ เป็นแมลงทะเลที่น่าอัศจรรย์มากชนิดหนึ่ง มันอาศัยอยู่ในยุคเดียวกับปลาวาฬยักษ์บาซิโลซอรัส ซึ่งอยู่ในตอนปลายสมัยอีโอซีนในช่วงสามสิบเก้าล้านถึงสามสิบสี่ล้านปีก่อน ซึ่งหาได้ยากมากในปัจจุบัน”
ปลาวาฬยักษ์บาซิโลซอรัสหรือที่เรียกว่าราชากิ้งก่า และวาฬฟันแอก เป็นวาฬตระกูลบาซิโลซอรีเด ถือเป็นบรรพบุรุษของวาฬในยุคปัจจุบันและได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
วาฬชนิดนี้เป็นสัตว์กินเนื้อ มีความยาวลำตัวประมาณสิบห้าถึงยี่สิบเมตร โดยมีวิวัฒนาการมาจากสัตว์บก เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีแรงกัดที่แข็งแกร่งที่สุด
ฉินสือโอวจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อค้นหาทางอินเทอร์เน็ต เจ้าหน้าที่ส่ายหัวและพูดว่า “คุณครับ คุณหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนี้ไม่เจอหรอก เพราะสิ่งมีชีวิตชนิดนี้แทบไม่หลงเหลือซากฟอสซิลไว้เลยและงานวิจัยเกี่ยวกับมันก็น้อยมากด้วย”
ดังนั้น ฉินสือโอวจึงถามแปลกๆ ว่า “แล้วคุณไปเอาแบบจำลองนี้มาจากไหน? และถ้ามีข้อมูลน้อยคุณได้ชื่อมันมาได้อย่างไรครับ?”
เจ้าหน้าที่ยิ้มแล้วพูดว่า “เราเคยรับซื้อกระดองของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ที่ไอซ์แลนด์ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกและมีคนในท้องถิ่นจับพวกมันได้ ชื่อนี้ให้เป็นชื่อที่คนในท้องถิ่นเรียกพวกมันและแมลงยักษ์คล้ายตะขาบก็เป็นชื่อที่บริษัทของเราตั้งให้”
เมื่อเห็นฉินสือโอวให้ความสนใจมาก เจ้าหน้าที่จึงถือโอกาสพูดถึงข้อมูลที่ได้รู้มาว่า “จากการวิจัยของบริษัทเรา พบว่าแมลงยักษ์คล้ายตะขาบชนิดนี้อาศัยอยู่บริเวณทะเลลึกที่มีอุณหภูมิเย็นจัด เป็นแมลงปีกแข็งที่ใหญ่ที่สุดของสิ่งมีชีวิตในทะเลในยุคใกล้ปัจจุบันและสามารถเติบโตจนมีความยาวถึงหนึ่งเมตรได้”
“พวกมันเป็นสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งที่มีอัตราการเผาผลาญชีวิตต่ำมาก พวกมันจึงต้องการแค่อาหารเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังชีวิตในใต้ท้องทะเล คุณค่าของพวกมันอยู่ที่กระดอง เนื่องจากการเคลื่อนไหวอันเชื่องช้า แมลงยักษ์คล้ายตะขาบจึงทำได้เพียงถูกบังคับให้ตอบตอบโต้เมื่อถูกคุกคาม ดังนั้นจึงมีกระดองที่แข็งแรง”
“สิ่งที่ยอดเยี่ยมก็คือกระดองของมันมีสารชนิดหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับกรดอะมิโนโปรตีนและดูดซึมสิ่งมีชีวิตได้ง่าย จากนั้นมันสามารถชะลออัตราการเผาผลาญของเซลล์ในร่างกายได้ นักวิจัยของเราคิดว่า การเผาผลาญที่เชื่องช้าของแมลงยักษ์คล้ายตะขาบ สาเหตุน่าจะมาจากการดูดซึมสารนี้ในกระดอง”
เมื่อฟังคำอธิบายของเจ้าหน้าที่แล้ว ฉินสือโอวกลับส่ายหัว เขารู้ว่าสิ่งที่คนคนนี้พูดไม่ถูกต้อง เพราะยังมีข้อผิดพลาดอีกหลายจุด
ก่อนอื่น พวกมันไม่เพียงแค่สามารถเติบโตได้ถึงหนึ่งเมตร แต่เป็นสามเมตรหรือจะยาวกว่านั้นก็ได้! ข้อสอง การเคลื่อนไหวของพวกมันไม่ช้าและเมื่อพวกมันเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่มยังสามารถจัดการกับคราเคนอย่างไม่ทันตั้งตัวได้อีกด้วย!
“ถ้าไม่มีฟอสซิล ทำไมพวกคุณถึงสร้างแบบจำลองออกมาได้ล่ะครับ?” ฉินสือโอวถาม
นี่ก็เป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้
เจ้าหน้าที่หัวเราะแล้วพูดว่า “ง่ายมากครับ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ คุณอาจไม่ได้สังเกตว่าเราจับสิ่งมีชีวิตชนิดนี้โดยผ่านชาวประมงท้องถิ่นในไอซ์แลนด์ แต่น่าเสียดายที่พวกมันเป็นสัตว์ทะเลน้ำลึกและเมื่อจับขึ้นมาได้แล้ว พวกมันก็จะตายเพราะความเครียด”
“แล้วพวกคุณไม่ได้ส่งตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ให้สถาบันวิจัยทางชีวภาพแห่งชาติเหรอครับ?” ฉินสือโอวถามอย่างสงสัย
เจ้าหน้าที่ยักไหล่ใส่พลางหัวเราะไปด้วยแล้วพูดว่า “ตัวอย่างมีน้อยมากครับ นอกจากนี้สิ่งนี้ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทางบริษัทของเราค้นพบ จึงไม่จำเป็นต้องส่งให้กับสถาบันวิจัยทางชีวภาพแห่งชาติไม่ใช่เหรอครับ?”
แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น แต่ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้นแน่นอน นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของบริษัทนี้ต้องค้นพบถึงสิ่งที่มีอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ในตัวของด้วงแมลงปีกแข็งในทะเลลึกชนิดนี้และไม่ต้องการให้สถาบันอื่นรู้ โดยเฉพาะสถาบันวิจัยทางชีวภาพแห่งชาติ
เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวสนใจแมลงยักษ์คล้ายตะขาบขนาดนี้ ชายผิวขาววัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินออกมาและถามอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณครับ ขอถามหน่อยว่าคุณเคยเห็นสิ่งมีชีวิตชนิดนี้มาก่อนไหมครับ? ถ้าคุณมีความรู้ที่เกี่ยวกับมัน เราจะสามารถพูดคุยกันอย่างละเอียดได้หรือไม่ครับ?”
ท่าทีกระตือรือร้นของคนคนนี้ ทำให้ฉินสือโอวแน่ใจว่าข้อสงสัยของตัวเองถูกต้อง แมลงยักษ์ชนิดนี้ที่สามารถทำให้หมึกยักษ์พ่ายแพ้ได้ขนาดนั้นก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ!
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset