ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1047 ฉันจะเป็นโค้ช

ฉินสือโอวอธิบายว่าเพราะหู่จือกับเป้าจือเป็นเด็กฉลาด แต่ห่านขาวเพราะต้องปกป้องลูกอินทรีทองจึงมีอารมณ์ที่รุนแรง เชอร์ลี่ย์ปลอบเขาว่า “รอแคลร์โตอีกนิด แม่อุปถัมภ์อย่างห่านขาวจะจากไปเอง ตอนนั้นนายก็จะเป็นจอมยุทธ์เทพอินทรีอีกครั้ง”
ไวส์พยักหน้าด้วยความรู้สึกผิด หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็เขินอายขึ้นมานิดหน่อยในทันทีและพูดกับเชอร์ลี่ย์ว่า “งั้นหลังจากที่ผมกลายเป็นจอมยุทธ์เทพอินทรีแล้ว ผมสามารถเรียกคุณว่าคุณป้าได้ไหม?”
เชอร์ลี่ย์เข้าใจความหมายของเขาในทันที เธอยกมือเล็กๆ ขึ้นเตรียมจะใช้วิชากังฟูเช่นกรงเล็บมังกรบิดหู ฌานสองดรรชนีหยิกเนื้อและอื่นๆ กับเขา แต่คิดได้ในทันทีว่านี่คือไวส์ไม่ใช่พวกผู้ชายหยาบคายอย่างกอร์ดอนและเธอไม่สามารถประมาณการโจมตีอันน่ากลัวของตัวเองได้
เธอก็เลยชักมือกลับด้วยความขุ่นเคืองและพูดอย่างนุ่มนวลว่า “จอมยุทธ์เทพอินทรี นายก็รู้ว่าป้าเขาเป็นคนตะวันออก และฉันไม่ใช่คนตะวันออก ป้าของนายก็ยังอยู่ที่บ้านเกิดของฉินนี่”
ไวส์แอบเหลือบมองเธอแวบหนึ่งและพูดอย่างเขินอายว่า “ถ้าเป็นคุณ เชอร์ลี่ย์ ผมรู้สึกว่ามันก็ได้ทั้งนั้น”
โลลิต้าพูดอย่างไม่ค่อยยินดีว่า “แต่ฉันเป็นคนถูกเรียก! ฉันไม่มีทางเป็นป้า เว้นแต่ว่านายจะไปกำจัดนักบวชลัทธิเต๋าที่โหดเหี้ยมคนนั้นบนภูเขาจงหนานเสียก่อน!”
ไวส์หดหู่ขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้โลลิต้าไม่ได้ปลอบเขาและเรียกมิเชลที่กำลังเลี้ยงบอลให้มาเล่นกับเขา ส่วนตัวเองก็วิ่งไปหาพาวลิส
มิเชลวางลูกบาสลงอย่างไม่เต็มใจและพูดกับเชอร์ลี่ย์ว่า “เธอก็รู้ว่าฉันต้องเข้าร่วมการแข่งขัน อย่ามารบกวนฉันจะได้ไหม?”
ฉินสือโอวที่ผ่านมาด้านข้างได้ยินคำพูดของเขาจึงถามว่า “นายต้องเข้าร่วมการแข่งขัน? เกิดอะไรขึ้น?”
มิเชลยิ้มแหยๆ และเกาหัว เขาถือลูบบาสไว้และพูดพึมพำว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ มันก็แค่การแข่งบาส”
ยังคงเป็นโลลิต้าที่มาออกหน้า เธออธิบายว่า “เป็นการแข่งขันบาสเกตบอลระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6 ของนครเซนต์จอห์นค่ะ มิเชลเป็นชู้ตติ้งการ์ดของโรงเรียนประถมแกรนท์ของพวกเรา แต่เขาเป็นผู้เล่นตัวสำรอง การแข่งกับเขาจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันละคะ?”
มิเชลที่ยังเขินอายอยู่นิดหน่อยเมื่อกี้นี้พอได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธขึ้นมา เขาตะโกนว่า “ผมพึ่งจะซ้อมบาสได้แค่ปีครึ่ง! โอกาสมีให้กับคนที่เตรียมพร้อมเสมอ ฉันคิดว่าถ้าฉันขยันซ้อมและทำให้อาจารย์ประทับใจอยู่เสมอฉันจะได้เป็นผู้เล่นตัวจริงแน่นอน!”
ฉินสือโอวแยกทั้งสองคนที่ทะเลาะกันออกจากกัน เขาโน้มน้าวให้โลลิต้าออกไปก่อนและถามมิเชลว่า “การแข่งของพวกนายเริ่มขึ้นเมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่ได้รับข่าว?”
มิเชลพูดว่า “วันศุกร์สัปดาห์แรกของเดือนเมษายนก็จะแข่งรอบคัดเลือกแล้ว ระดับบาสเกตบอลของโรงเรียนของพวกเราไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นจึงไม่มีใครให้ความสำคัญและไม่ได้แจ้งพวกผู้ปกครอง” ขณะที่พูดเขาก็รู้สึกหดหู่นิดหน่อย
ฉินสือโอวปลอบโยนด้วยการยีหัวของเขาและพูดว่า “อย่าพึ่งเสียจิตวิญญาณแห่งนักสู้ไป บาสเกตบอลรอบคัดเลือกอะไรก็เกิดขึ้นได้! บอกฉันทีว่า นายชอบบาสเกตบอลไหม? นายอยากชนะไหม?”
มิเชลพยักหน้าอย่างหนักหน่วง ฉินสือโอวยิ้ม “งั้นก็ดี นายไปซ้อมต่อเถอะ ฉันจะไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับการแข่งของพวกนาย หลังจากนั้นฉันจะมาซ้อมกับนาย”
เขาเป็นคนรักษาสัญญา หลังจากที่กลับถึงบ้าน เขาก็โทรหาคอฟแมนที่ปรึกษาของมิเชลทันทีและถามว่า “เฮ้ เพื่อน โรงเรียนของพวกนายต้องเข้าร่วมการแข่งขันบาสเกตบอลใช่ไหม? ฉันอยากจะถามสถานการณ์เสียหน่อย”
จุดนี้โรงเรียนของแคนาดาก็เหมือนกับโรงเรียนของสหรัฐอเมริกา กิจกรรมของโรงเรียนจะเยอะมากและสำคัญมาก เช่นการแข่งบาสเกตบอล ถ้าสามารถทำแต้มได้ไม่เลว นักเรียนในทีมบาสนั้นก็จะน่ากลัวมาก พวกเขาจะมีชื่อเสียงในโรงเรียนมากกว่านักเรียนที่มีผลการเรียนดีอีกด้วย
คอฟแมนอธิบายและบอกว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง แต่โรงเรียนประถมแกรนท์เน้นที่การมีส่วนร่วมและไม่ค่อยให้ความสนใจกับการแข่งประเภทนี้ เพราะกำลังด้านกีฬาของโรงเรียนแย่เกินไป
การแข่งขันบาสเกตบอลครั้งนี้เป็นตัวอย่าง เด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6 ที่โรงเรียนของพวกเขา รวมทั้งหมดมี 58 คน และทีมบาสอย่างน้อยที่สุดต้องมี 8 คน การเลือกตัวผู้เล่นนั้นเป็นเรื่องยากและจะหาตัวบุกที่ดีนั้นเป็นเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ
โรงเรียนประถมแกรนท์จึงไม่ให้ความสำคัญกับการแข่งขันประเภทนี้ ก็เพื่อปกป้องโรงเรียนและทำให้พวกนักเรียนไม่สนใจให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทำลายความศรัทธาของพวกเด็กๆ มากเกินไป
ฉินสือโอวไม่พอใจและพูดว่าวิธีการสอนเชิงลบแบบนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ คอฟแมนพูดอย่างจำใจว่า “งั้นมีวิธีอะไรอีกล่ะ? ฉิน โรงเรียนของพวกเราไม่มีแม้กระทั่งโค้ชทีมบาสเกตบอลด้วยซ้ำ พวกเด็กๆ ก็ไม่ป้องกันตัวเอง แถมพวกฉันก็เพิกเฉยพวกเขาตอนที่อยู่บนสนาม แค่นั้นก็เป็นการทำร้ายพวกเขาแล้ว!”
หลังจากวางสาย ฉินสือโอวเงียบไปพักหนึ่งและพูดกับวินนี่ว่า “ที่รัก ผมคิดว่าช่วงนี้ ผมมีงานต้องทำแล้วล่ะ และคงไม่สามารถอยู่ข้างๆ คุณกับเสี่ยวเถียนกวาได้ คุณจะยกโทษให้ผมได้ไหม?”
วินนี่ยิ้ม “คุณต้องออกทะเลใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวส่ายหัวและเล่าสถานการณ์การแข่งขันที่โรงเรียนของมิเชลให้เธอฟัง “ผมจะไปสมัครเป็นโค้ชของพวกเขา อย่างน้อยช่วงแข่งขัน ผมก็จะเป็นโค้ชของพวกเขาเสมอ”
วินนี่ยื่นมือไปแตะที่ใบหน้าของเขาและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “งั้นคุณก็ไปทำอย่างสบายใจเถอะค่ะ ฉันกับเสี่ยวเถียนกวาจะเป็นกำลังใจให้คุณเอง แน่นอนว่าต้องทำให้พวกเด็กๆ ชนะการจัดอันดับด้วยล่ะ”
เมื่อเห็นวิธีการให้กำลังใจของวินนี่ ฉินสือโอวก็ทนไม่ไหวเข้าไปโอบกอดและจูบเธอเบาๆ เขาพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณนะ ที่รัก คุณเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พระเจ้ามอบให้ผม! ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณท่านที่ทำให้ผมได้พบกับคุณเมื่อสองปีก่อน!”
การให้กำลังใจของวินนี่สำหรับฉินสือโอวเธอช่างเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เธอไม่เคยร้องขออะไรจากเขาเลย เพียงแต่ลงทุนอยู่เบื้องหลังในความเงียบ ฉินสือโอวก็เป็นแค่เด็กตัวโตคนหนึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ถามเยอะ แต่ลงทุนน้อย
ตัวอย่างเช่นตอนลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรี ฉินสือโอวทิ้งความคิดนี้ไปแล้ว แต่วินนี่กลับศึกษาด้านรัฐประศาสนศาสตร์เป็นวิชาเอกมาโดยตลอด ถึงขั้นวางแผนไปมหาวิทยาลัยอนุสรณ์นิวฟันด์แลนด์เพื่อเรียนปริญญาตรีด้านรัฐประศาสนศาสตร์ เป้าหมายก็เพื่อช่วยฉินสือโอวบริหารหมู่บ้านนั่นเอง
ตอนกลางคืน ฉินสือโอวทำเรซูเม่ วันต่อมาเขาตามรถโรงเรียนไปที่โรงเรียนประถมแกรนท์ ชัคเปิดประตูให้เขาและกล่าวทักทายอย่างกระตือรือร้น “ฉิน ได้ยินว่าคุณเป็นพ่อคนแล้วเหรอ? โอ้ ผมเสียใจจริงๆ ผมคิดมาตลอดว่าคุณกับอาจารย์เชอริลเป็นแฟนกัน”
ฉินสือโอวยิ้มให้เป็นการขอบคุณ ชายชราไม่ได้จับตามองเขาแบบทั่วๆ ไปและคิดจะแนะนำอาจารย์สาวสวยของโรงเรียนประถมให้เขามาโดยตลอด
เมื่อเข้าไปในโรงเรียน เขาตรงไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่ทันทีและยื่นเรซูเม่ที่เตรียมมาอย่างดีตลอดทั้งคืนให้อาจารย์ใหญ่มิทช์ แกรนท์ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “อาจารย์ใหญ่แกรนท์ สวัสดีครับ ผมต้องการสมัครเป็นโค้ชบาสเกตบอลของโรงเรียนครับ”
แกรนท์ถอดแว่นออกด้วยความประหลาดใจ “ฉิน วันนี้ไม่ใช่วันเอพริลฟูลเดย์นะ”
ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่ครับ ไม่ใช่แน่นอน ดังนั้นผมก็เลยมาสมัครครับ ผมคิดว่าผมควรจะอธิบายเป้าหมายของผมก่อนสักหน่อย ผมได้ยินมาว่าโรงเรียนของพวกเราไม่มีทีมบาสเกตบอลจริงๆ เป็นเหตุให้พวกเด็กๆ ที่รักกีฬาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและเล่นกีฬาอย่างสนุกสนานได้ ดังนั้นผมจึงต้องการมาสมัครตำแหน่งนี้”
แกรนท์ยิ้มอย่างขมขื่น “แต่พวกเราไม่มีแผนกของโค้ชบาสเกตบอลและเงินทุนที่โรงเรียนของพวกเรามีก็ไม่เพียงพอ ถ้ารับสมัครครูพละที่ค่าตัวสูงแบบคุณอีกคน นั่นจะลำบากเกินไป”
ฉินสือโอวเปิดใบสมัครงานของตัวเองและยิ้ม “งั้นท่านลองอ่านประวัติของผมกับเงินเดือนที่ผมขอก่อนสักหน่อยนะครับ”
เงินเดือนที่เขาขอธรรมดามาก เพียงแค่หนึ่งดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนและไม่ต้องตั้งแผนก
เหตุผลที่ทำอย่างนี้ เพราะเขาต้องการฝึกให้มิเชลเล่นได้ดีกว่านี้ พรสวรรค์ด้านบาสเกตบอลของเด็กคนนี้เยี่ยมมากจริงๆ เขารู้ว่าการแข่งขันระดับโรงเรียนประเภทนี้ที่แคนาดามีความหมายอย่างไรสำหรับนักบาสรุ่นเยาว์ที่เก่งกาจคนหนึ่ง ถ้าไม่ฝึกฝนตอนนี้ เส้นทางนักบาสของมิเชลก็จะหยุดลง!
เขาไม่อยากเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น!
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset