ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 120 หลงทาง

บทที่ 120 หลงทาง

จ้าวฮั่นแม้ใจจะไม่อยาก แต่เมื่อนี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดจากปู่เขา เขาจึงทำได้เพียงนั่งลงที่ข้างจ้าวหยางและยอมรับผลในสิ่งที่เขาทำแต่โดยดี

นั่นก็เพราะ ยังไงซะ ไอ้คนแล่เนื้อผู้ซึ่งได้ก่อความอัปยศให้กับเขานั้น ในที่สุดก็ได้ตายๆไปสักที

แต่ในความจริงนั้น สิ่งนี้เปรียบได้ดั่งกล่าวที่จ้าวฮั่นปลอบประโลมตัวเองไปเพียงเท่านั้น นั่นก็เพราะ เฉินเฉียงนั้นได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายอยู่ในทะเลแดนใต้….จะว่าอย่างนั้นก็ได้กระมัง

ในวันนั้น หลังจากที่เขานั้นถูกหมายหัวจากอินทรีย์ดาวสีคราม และถูกไล่ล่าจากตัวนิ่มเกราะเหล็กระดับนายพลวิญญาณขั้นสูง อย่างไม่ลดละ

ในวันนั้น ถึงแม้เขาจะมีระดับของทักษะขุดรูในขั้นสูงแล้วก็ตาม แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะที่ต่ำต้อยทำให้ความเร็วของทักษะขุดรูที่ตัวนิ่มเกราะเหล็กใช้นั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา แต่ด้วยการที่เขาโดนหมายหัวจากบนดินอยู่นั้น ทำให้เขาทำได้เพียงดำดินต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต

หลังจากดำดินไปอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงของตัวนิ่มเกราะเหล็กที่ตามเขาเข้ามากระชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ทำให้เขานั้นหน้าเปลี่ยนสีในทันที

-ทำไมถึงได้เร็วนักฟะ-

เฉินเฉียงได้ลอบหันไปดู เขาได้พบว่าตัวนิ่มเกราะเหล็กตนนี้อยู่ห่างกับเขาเพียงสามเมตรเท่านั้น

ที่หน้าโกรธเคืองที่สุดก็คือ ตัวนิ่มเกราะเหล็กตัวนี้ใช้วิธีขุดทับรอยเดิมของเฉินเฉียง ด้วยการที่ดินที่เขาขุดทิ้งไว้ย่อมอ่อนตัวกว่าดินที่ต้องขุดใหม่ นี่จึงเป็นเหตุให้ระยะนั้นกระชั้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเป็นแบบนี้ เฉินเฉียงก็ได้คิดวิธีการตอบโต้ เขาได้เปลี่ยนวิธีการขุดแบบสุ่มเพื่อไม่ให้ตัวนิ่มสามารถติดตามได้โดยง่าย ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือการทิ้งระยะห่างจากศัตรูให้ได้

หลังจากผ่านไปครึ่งวัน เฉินเฉียงนั้นแม้จะถึงทิ้งระยะไปได้บ้าง แต่เขาก็ยังไม่ได้หยุดเคลื่อนที่แต่อย่างใด แต่เขาก็ยังพบว่าตัวนิ่มเกราะเหล็กตัวนี้ยังคงติดตามเขามาได้

และในครั้งนี้ เขาพบว่า ตัวนิ่มเกราะเหล็กตัวนี้ได้ติดตามเขามาโดยการดมกลิ่น

นี่ทำให้เขานั้นไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทั้งๆที่เขาพยายามหนีแทบตาย แต่ตัวนิ่มเกราะเหล็กตัวนี้ก็ยังตามตัวเขาเจอ กลายเป็นว่าไอ้ตัวนี้ก็เป็นเหมือนเขาที่มีจมูกดียิ่งกว่าหมาซะอีก

เขาได้กัดฟันแน่น ก่อนที่จะเริ่มใช้ทักษะขุดรูของเขาอย่างเต็มกำลัง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้เปิดค่าสถานะของตนเอง และใช้ค่าพลังงานกว่าครึ่ง เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของตน

ต่อให้ตัวนิ่มที่ไล่หลังเขานี้จะเร็วกว่าเขาก็จริงหากไล่กันในทางตรง แต่นี่ก็ไล่ล่ากันมาค่อนวันแล้ว จะเรียกว่าไล่มานานแล้วก็ว่าได้

เขาอยากรู้เหมือนกันว่ามันจะไล่ตามเขาไปได้อีกนานสักเท่าไหร่

เฉินเฉียงตอนนี้ได้เพิ่มความอึดถึกของเขาไปเป็นว่าเล่น หลังจากนั้นก็ดำดิ่งลงไปเรื่อยอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยการที่ตัวนิ่มเกราะเหล็กมีจมูกที่ดีเกิน ต่อให้เขาเปลี่ยนทิศทางไปทางไหนมันก็ยังติดตามก็ได้ จะดีกว่าหากเขาหวังพึ่งในความถึกของตนเอง

และด้วยการขุดที่ยาวนานนี้ ต่อให้เขานั้นมีทักษะการขุดรูขั้นสูงสุด แต่กระนั้น มือของเขาเองก็ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

เขาไม่ได้มีกรงเล็บเหมือนกับตัวนิ่มเกราะเหล็กที่ไล่หลังเขามา

-เดี๋ยวนะ- ความคิดหนึ่งได้แล่นเข้ามาในหัวของเฉินเฉียง เขารีบค้นนำเอากรงเล็บอินทรีย์ที่เขาได้มาจากถูหมั่นเถียนแล้วเก็บเอาไว้ในแหวนเก็บของ และในที่สุด เขาก็ได้พักมือของตนได้สักที

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปสองวัน กรงเล็บอินทรีย์ของถูหมั่นเถียนนั้นในตอนนี้ได้ทู่ลงไปที่ละน้อยทีละน้อย จนในที่สุดเขาเองก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องเก็บมันไป

และนี่ทำให้เฉินเฉียงรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง

นั่นก็เพราะ เขาเองก็เคยมีโอกาสได้สู้กับตัวนิ่มเกราะเหล็กมาก่อนหน้านี้ ในตอนนั้น ตัวนิ่มเกราะเหล็กเองก็ไม่ได้อึดถึกอะไรนาดนี้

แถมนี่ก็ผ่านไปได้สามถึงสี่วันแล้ว มันยังคงรักษาระยะห่างจากเขาเอาไว้ได้ไม่เข้าใกล้หรือห่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อย

และนี่เองทำให้เขานั้นลองก้มไปดูกำไลสื่อสารของตน เขาพบว่ากำไลสื่อสารของเขานั้นไม่มีสัญญาณปรากฏ

ไม่จริงน่า

กำไลสื่อสารรุ่นนี้ใช้พลังงานไฟฟ้าจากมนุษย์เป็นแหล่งพลังงาน ตราบใดที่เขายังมีชีวิต มันสมควรจะมีพลังงานไม่จบไม่สิ้น

มีเพียงเหตุผลเดียวที่มันไม่ขึ้นสัญญาณ

นี่เขาออกมานอกสัญญาณของกำไลสื่อสารอีกแล้ว

แต่เมื่อเห็นเป็นแบบนี้ เฉินเฉียงก็นึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา เขานั้นดำดินมานานหลายวันแล้ว ตอนนี้สมควรจะอยู่ห่างจากพื้นที่ต่อสู้ระหว่างสัตว์ประหลาดแห่งผืนดินและสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลมานานแล้ว แล้วเขาต้องกลัวอะไรอีกกัน

หากขึ้นไปบนผิวดินแล้ว เขายังมีก้าวย่างสวรรค์ นั่นจะทำให้เขาทิ้งห่างจากตัวนิ่มเกราะเหล็กได้มากกว่า

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงก็ได้เก็บกำไลสื่อสารของตนใส่ในแหวนเก็บของ เมื่อหันหลังกลับไปดู เขาก็เห็นว่านิ่มเพราะตัวนี้ได้เร่งความเร็วขึ้นมา

ดูเหมือนว่ามันเองก็ถึงขีดจำกัดของร่างกายแล้ว จึงต้องการรีบจับเฉินเฉียงให้ได้ด้วยแรงเฮือกสุดท้าย

-จะจับข้าเรอะ ฝันไปเถอะเอ็ง-

เฉินเฉียงได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะดำดินขึ้นไปบนพื้นผิวด้วยความเร็วสูงสุด

-ฮืมมม ทำไมดินมันนิ่มจังฟะ-

ยิ่งเข้าใกล้พื้นผิวมากเท่าไหร่ เฉินเฉียงก็รู้สึกว่าดินยิ่งนิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ด้วยการที่หมายจะหนีให้พ้น เขาจึงไม่มีเวลาคิดมากแต่อย่างใด เขาต้องไปถึงผิวดินก่อนที่เจ้าตัวนิ่มนี่จะจับเขาให้ได้

และเมื่อเขาเหลือบไปเห็นเจ้าตัวนิ่มยักษ์นี่เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เฉินเฉียงก็ยิ่งเร่งความเร็วด้วยแรงทั้งหมดที่มี และในที่สุด เขาก็ขึ้นไปถึงพื้นผิว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาหลุดพ้นจากผืนดิน เขาก็ต้องนิ่งอึ้งไปเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบ

น้ำทะเลที่สุดลูกหูลูกตา

เขาก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกันที่เขานั้นถูกไล่ล่าจนออกเขตทะเลมา

ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่กำไลสื่อสารของเขาไม่มีสัญญาณ

ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่เขายิ่งขึ้นพื้นผิว เนื้อดินที่ขุดยิ่งนิ่มยิ่งแฉะ

ด้วยการที่ร่างเฉินเฉียงเองนั้นมีสายเลือดวารีอยู่ส่วนหนึ่ง ต่อให้เขาไม่อาจอยู่ใต้น้ำได้ตลอดชีวิต แต่อย่างน้อยๆเขาก็อยู่ใต้ทะเลนี่ได้มากกว่าชั่วโมง ไม่ก็สองชั่วโมง

แต่ตัวนิ่มเกราะเหล็กนี้ต่างออกไป

ด้วยการที่มันเร่งความเร็วอย่างสุดแรง ยามที่มันหลุดพ้นผืนดินมาได้แล้ว ทำให้ตัวมันพุ่งลอยขึ้นสูงจากผิวดินที่อยู่ใต้น้ำสูงกว่าเจ็ดถึงแปดเมตรใจคราวเดียว และเมื่อมันรู้ตัวว่าตัวมันนั้นกำลังอยู่ที่ไหน มันเองก็พยายามจะดำดิ่งกลับลงไปเหมือนกัน แต่มันก็พบว่าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าตัวนิ่มเกราะเหล็กตัวนี้มีทักษะด้านการขุดลึกล้ำขนาดไหน

นั่นก็เพราะมันพยายามใช้เท้าทั้งสี่ พยายามขุดน้ำเพื่อดำดิ่งลงไป

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่นิ่มเกราะเหล็กได้ใช้ทักษะของมันมาหลายวันหลายคืน ดำดิ่งมานับพันไมล์ แน่นอนว่านอกจากจะทำให้มันไม่มีแรงที่จะฝ่าน้ำได้เลยแม้แต่น้อย มันยังคงพยายามอยู่อีกหนึ่งนาทีเต็มก่อนที่จะพบว่าไม่ได้เคลื่อนไปข้างหน้าสักเท่าไหร่ เอาจริงๆมันอยู่ที่เดิมเสียด้วยซ้ำ

หากเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้เฉินเฉียงจะไม่ได้ลงมือฆ่ามัน มันก็สมควรจะจมน้ำตายไปเอง

เมื่อเห็นฉากนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุข เขายืนกอดอกตัวเองมองดูเจ้านิ่มยักษ์นี่อยู่ไม่ไกล พลางขำออกมาอย่างตัวโยน

เขาเชื่อว่ายังไงซะเจ้านิ่มนี้ก็สมควรจะไม่รอดแน่ๆ ต่อให้มันในตอนนี้ลอยอยู่เหนือพื้นดินที่ก้นทะเลเพียงสองถึงสามเมตร แต่ตัวมันเองก็ไม่อาจที่จะดำลงไปได้ เมื่อเห็นฉากที่มันตะกายน้ำเพื่อที่จะกลับลงดินอย่างลนลานนี้ก็อดที่จะมีความรู้สึกเวทนาอย่างเอ็นดูไม่ได้เหมือนกัน

เป็นไปได้ว่ามันนั้นได้ดำดินมานานจนแรงหมด หลังจากพยายามอยู่นาน เจ้านิ่มเกราะเหล็กตัวนี้ในที่สุดก็ได้ค่อยๆจะหยุดขยับตัว ก่อนที่จะปิดตาลง

เราด้วยการที่ตัวมันนั้นเริ่มไม่เคลื่อนไหวแล้ว ทำให้ตัวมันนั้นเริ่มดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ

เมื่อเฉินเฉียงเห็นฉากนี้ เขามีท่าทีที่เปลี่ยนไป

เขาไม่อาจยอมให้มันจมลงไปที่ก้นทะเลได้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ มันจะใช้ทักษะขุดรูของมันหนีไปได้อีกครั้ง

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset